รู้ไว้ก่อนเข้าชม นิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิง ‘รัชกาลที่ 9’ วันที่ 2-30 พ.ย.

พระเมรุมาศทิศตะวันตก

ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฝ่ายบริหารจัดการนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธาน ได้ประชุมหารือเพื่อเตรียมการจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ณ พระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ระหว่างวันที่ 2-30 พฤศจิกายนนี้ โดย วธ.จะเริ่มเข้าไปติดตั้งนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม

นิทรรศการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของไทยที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาอันล้ำค่าของไทย ที่มีการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งประชาชนจะได้เข้าชมพระเมรุมาศ และอาคารประกอบที่จัดสร้างขึ้นอย่างสมพระเกียรติ

การจัดนิทรรศการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1.นิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” บริเวณพระที่นั่งทรงธรรม มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แบ่งเป็น 5 ตอน ได้แก่ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี 5.พระจักรีนิวัตฟ้า รวมทั้ง สามารถชมจิตรกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 ด้าน

Advertisement

2.นิทรรศการการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ จัดแสดงภายในศาลาลูกขุน เนื้อหาแสดงถึงแนวคิด และขั้นตอนการทำงาน ทั้งงานสถาปัตยกรรม งานประติมากรรมและจิตรกรรมประดับพระเมรุมาศ งานประณีตศิลป์ในส่วนของพระโกศจันทน์ พระโกศทองคำ เครื่องสังเค็ด และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ

และ 3.นิทรรศการสัมผัสสำหรับผู้พิการทางสายตา จัดแสดงบริเวณอาคารทับเกษตร โดยจำลองพระเมรุมาศ ประติมากรรมประดับพระเมรุ อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ เป็นต้น เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาสามารถสัมผัสได้ โดยมีอาสาสมัครนำชม และจัดทำซีดีเสียงบรรยายนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตา ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน มีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ

ส่วนการนำชมนิทรรศการสำหรับประชาชนทั่วไป จะให้จิตอาสาที่สมัครใจทำหน้าที่บรรยายให้ความรู้ในส่วนต่างๆ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับผิดชอบทำแผ่นพับแจกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี เยอรมัน สเปน และญี่ปุ่น

Advertisement

ซึ่ง วธ.จะเปิดให้ชมนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 2-30 พฤศจิกายน เวลา 07.00-22.00 น. โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมรอบละ 3,000-5,000 คน ใช้เวลารอบละ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง คาดว่าแต่ละวันจะมีผู้เข้าชมประมาณ 1 แสนคน สำหรับประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการ จะได้รับแจกแผ่นพับพระเมรุมาศที่จัดพิมพ์ไว้ 3 ล้านแผ่น และโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ 3 ล้านแผ่น

ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 2 พฤศจิกายน เวลา 07.00 น.

นอกจากนี้ ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ยังมีโอกาสได้ชมการแสดงมหรสพ จัดโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) โดยนายจุลชาติ อรัณยะนาค รองอธิการบดี สบศ.ระบุว่า การแสดงมหรสพจะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.เริ่มจากการบรรเลงวงประโคมรอบพระเมรุมาศ ส่วนเวทีมหรสพทิศเหนือ 3 เวที จะมีการแสดงที่หลากหลาย ทั้งการแสดงในแต่ละภาค การแสดงละครในเรื่อง “อิเหนา” ละครนอก”พระมหาชนก” การแสดงเรื่อง “พระสุธน มโนราห์” และการแสดงลิเกพื้นบ้าน

ที่สำคัญ จะมีการแสดง “โขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม” หรือ “โขนหน้าพระเมรุมาศ” ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 19.00-19.30 น.เริ่มแสดงครั้งแรกวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน ในตอน “พระนารายณ์ปราบนนทุก” วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน ตอน “อัญเชิญพระนารายณ์อวตาร” วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน ตอน “ศึกทูต ขร ตรีเศียร” วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน ตอน “พระรามได้พล” วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน ตอน “นางลอย” วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน ตอน “ศึกกุมภกรรณ” วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน ตอน “ทศกัณฐ์ขาดเศียรขาดกร” และวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน ตอน “เฉลิมพระเกียรติรามราชจักรี”

สำหรับขั้นตอนการเข้าชมนิทรรศการ พล.ต.ธานี ฉุยฉาย ที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 1 อธิบายว่า ประชาชนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง 5 จุด ประกอบด้วย 1.บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ 2.บริเวณท่าช้าง 3.บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) 4.บริเวณตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และ 5.บริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมนิทรรศการ โดยจัดรถโดยสารให้บริการฟรี นำประชาชนจากพื้นที่ไกลเข้าพื้นที่ใกล้จุดคัดกรองตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น.จำนวน 60 คันต่อวัน ใน 6 เส้นทาง ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2.สถานีรถไฟหัวลำโพง 3.วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 4.สถานีขนส่งเอกมัย 5.สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และ 6.สถานีขนส่งหมอชิต ส่วนกองทัพเรือจะให้บริการเดินเรือตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา รวมทั้ง ขอความร่วมมือจากกรมเจ้าท่า ผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ ขยายเวลาให้สอดคล้องกับการจัดนิทรรศการตั้งแต่ 05.00-22.30 น.

เมื่อเข้าจุดคัดกรองแล้ว จะเข้าพื้นที่สนามหลวงบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม มีระบบประชาสัมพันธ์ก่อนเข้าชม จัดแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนประชาชน โซนภิกษุสงฆ์ และโซนผู้สูงอายุ ซึ่งจะสะดวก และใกล้พื้นที่นิทรรศการมากที่สุด โดยจัดรถเข็นวีลแชร์ ที่นั่งผู้สูงอายุ และผู้พิการทุกประเภท มีเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ (พม.) ดูแล โดยพื้นที่ด้านเหนือของท้องสนามหลวง จะจัดเต็นท์ ก, ข, ค และ ง หากไม่พอรองรับผู้เข้าชมนิทรรศการ ก็จะเพิ่มบริเวณโค้งด้านนอก รวมถึงพื้นที่ด้านทิศใต้ ฝั่งศาลฎีกา

ส่วนเส้นทางการนำชมนิทรรศการนั้น จะเริ่มจากพื้นที่ถนนสายกลางท้องสนามหลวง ก่อนเข้าชมด้านใน โดยกำหนดเวลา 15 นาที เพื่อให้ถ่ายภาพมุมกว้างพระเมรุมาศ พลับพลายก และโครงการพระราชดำริ นาข้าว ฝาย กังหันน้ำชัยพัฒนา ฯลฯ ก่อนเข้าชมนิทรรศการจะสร้างการรับรู้ด้วยป้ายประชาสัมพันธ์ แผ่นพับ รวมทั้ง มีระบบคิวอาร์โค้ด ให้ประชาชนศึกษาก่อนเข้าชม เพื่อความสะดวกรวดเร็ว จากนั้นนำสู่ระบบเข้าชม มีเจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องตอบคำถาม โดยให้เวลาชม 45 นาที ก่อนหมดเวลาเข้าชมจะมีสัญญาณแจ้งเตือนผู้เข้าชมแต่ละชุด โดยมีเจ้าหน้าที่แนะนำทางออกด้านหลังพระเมรุมาศ ทิศใต้ บริเวณพระบรมมหาราชวัง ซึ่งจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดต่อรอบรับได้ 5,500 คน

โดยภายในท้องสนามหลวง ทางกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดจุดบริการน้ำดื่ม รถสุขาเคลื่อนที่ ทีมแพทย์พยาบาล และโรงพยาบาลสนาม เพื่อให้บริการและดูแลประชาชน โดยขอให้ประชาชนที่จะเข้าชมนิทรรศการแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย

นอกจากนี้ นิทรรศการดังกล่าวแล้ว วธ.ยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมโรงราชรถ และพระยานมาศ ซึ่งจัดแสดงราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนวัฒนธรรม โทร 1765 หรือ www.m-culture.go.th

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image