ส.มวยสากลกวางแผนส่งกำปั้นไทยลุย 2 รายการใหญ่หลังจบโอลิมปิก 2020

ส.มวยสากลกวางแผนส่งกำปั้นไทยลุย 2 รายการใหญ่หลังจบโอลิมปิก 2020

“บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมมวยเสื้อกล้ามไทย ชุดโอลิมปิกเกมส์ 2020 และประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ เปิดเผยว่า หลังจบจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แล้ว ตนมีแนวความคิดที่จะส่งนักชายไปร่วมการแข่งขัน 2 รายการใหญ่ให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมพร้อมสำหรับกีฬาซีเกมส์ และเอเชี่ยนเกมส์ ส่วนของนักมวยหญิงยังไม่มีแจ้งเข้ามา โดยรายการแรกเป็นทัวร์นาเมนต์ของไอบ้าจัด ที่ประเทศอิหร่าน ช่วงระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-3 ก.ย. ส่วนอีกรายการคือ “เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ” ระหว่างวันที่ 26 ต.ค.-6พ.ย.ที่ประเทศเซอร์เบีย

ประธานพัฒนาเทคนิค กล่าวอีกว่า ทั้งสองรายการถือว่ามีความสำคัญต่อนักมวยอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของแรงกิ้งโลกที่ต้องยอมรับว่าเราแทบจะไม่มีเลยเพราะที่ผ่านมาเราห่างจากการส่งนักมวยไปแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์นานาชาติ ซึ่งการไม่มีแรงกิ้งทำให้เราเสียเปรียบชาติอื่นๆ หากเรายิ่งส่งนักมวยไปร่วมมากเท่าไหร่ก็จะเป็นที่รู้จักไม่เฉพาะทั่วโลกเท่านั้นที่จะรู้จักเรา แต่รวมถึงกรรมการที่ลงตัดสินด้วย อย่างเช่นกรณีที่การชกคู่คี่สูสีแต่แรงกิ้งอันดับโลกเราดีกว่าก็จะทำให้โอกาสที่ได้รับการชูมือมากขึ้น และที่ผ่านมาเราก็จะเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยมากกับทีมนักชกไทยเวลาที่เดินทางไปแข่งขันรายการนานาชาติ

ผู้จัดการทีมมวยเสื้อกล้ามไทย กล่าวอีกว่า ที่สำคัญสุดคือจะทำให้นักมวยของเราเกิดการพัฒนาไปด้วยรวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเด็กเวลาที่ต้องออกไปแข่งขันรายการใหญ่รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ด้วย อย่างเช่นคาซัคสถาน หรือ อุซเบกิสถาน ที่ปัจจุบันถือเป็นมหาอำนาจของวงการมวยสากลไปแล้ว จนหลายชาติต้องยกนิ้วและยอมรับว่าเหนือกว่าคิวบาที่เคยพระกาฬในอดีต ส่วนหนึ่งพราะนักชกของเขามีทัวร์นาเม้นท์รองรับตลอดและตะเวณแข่งไปทั่วที่มีการแข่งขัน ซึ่งจุดนี้ตนคิดว่าจำเป็นอย่างมาก

“หากเราต้องการความสำเร็จในระดับนานาชาติอย่าง ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ หรือ โอลิมปิกเกมส์ หลังจากนี้เราต้องหาทัวร์นาเม้นท์ให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด มั่นใจว่าในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส เราจะมีนักชกไปร่วมการแข่งขันหรือประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการจะส่งนักชกไปร่วมหรือไม่นั้นตนและสมาคมก็คำนึงถึงความปลอดภัยของนักมวยเป็นหลักด้วย คงต้องมีการประเมินกันอยู่ตลอดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดช่วงนั้นเป็นอย่างไรคลี่คลายหรือยังหนัก หากยังไม่ทุเลาเบาบางเราก็คงไม่ส่งไปร่วมเช่นกันเพราะเรื่องของสุขภาพและชีวิตของนักมวยถือว่ายิ่งใหญ่กว่า “บิ๊กชาย” กล่าวตอนท้าย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image