กรธวัชควบ Bonero K โชว์ศิลปะบังคับม้ารั้งที่ 27 ทีมอีเวนติ้งไทยอยู่อันดับ 14

กรธวัชควบ Bonero K โชว์ศิลปะบังคับม้ารั้งที่ 27 ทีมอีเวนติ้งไทยอยู่อันดับ 14

“นัท” กรธวัช สำราญ นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย พร้อมม้าคู่ใจ Bonero K ลงแข่งขันในท่าศิลปะบังคับม้า วันที่ 2 ทำผลงานได้ 32.50 คะแนนเสีย รั้งอันดับ 27 ในการแข่งขันขี่ม้า ประเภทอีเวนติ้งทีม กีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่อีเควสเทียน ปาร์ค กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม

ทั้งนี้หลังจากที่นักกีฬาขี่ม้าไทยลงแข่งขันในท่าศิลปะบังคับม้าครบ 3 คน โดยมีผลการแข่งขัน ประกอบด้วย “นัท” กรธวัช สำราญ 32.50 คะแนนเสีย อันดับ 27, “บอมบ์” วีรภัฏ ปิฎกานนท์ 38.20 คะแนนเสีย อันดับ 51 และ “มิ้นท์” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์ 42.40 คะแนนเสีย อันดับ 57 รวมคะแนนในประเภททีม ไทยมี 113.10 คะแนน อยู่อันดับที่ 14

การแข่งขันยังเหลือการแข่งขันอีก 2 วันในท่าครอสคันทรี (Cross Country) ในวันที่ 1 สิงหาคม และกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Jumping) ในวันที่ 2 สิงหาคม เพื่อจัดอันดับในประเภททีม พร้อมคัดเลือก 25 นักกีฬาที่ผลงานดีที่สุดผ่านเข้าไปแข่งขันกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางอีกครั้ง เพื่อชิงเหรียญรางวัลในประเภทบุคคล

หลังการแข่งขัน “นัท” กรธวัช สำราญ กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของตัวเอง และม้าที่ได้แข่งขันโอลิมปิกรู้สึกตื่นเต้นมาก ซึ่งได้เตรียมการมาถึง 2 ปีที่ซ้อมอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นคอกม้านักกีฬาเบอร์ 1 ของฝรั่งเศส เพื่อพยายามเตรียมตัวให้ดีที่สุด และหวังทำผลงานให้ดีที่สุด ซึ่งในขั้นแรกนี้เราทำได้เต็มที่แล้ว  ขอบคุณสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยฯ และเจ้าของม้า ฮาราลด์ ลิงค์ นายกสมาคมฯ และเจ้าของบริษัท บีกริม ที่สนับสนุนตัวเอง และเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนพัฒนาวงการขี่ม้าไทย 

Advertisement

“การแข่งขันครั้งนี้เราต้องระวังเรื่องโควิด-19 รวมทั้งคำนึงถึงสภาพของม้า ซึ่งเราต้องรู้จักม้าให้ดีพอ และแก้ไขสถานการณ์ในการแข่งขัน สำหรับคะแนนที่ออกมากก็รู้สึกพอใจ ไม่ตำ่กว่าที่คาดหมายเกินไป ครั้งนี้เราแล้วทีมเราใช้เงินในการเตรียมทีมถึง 40 ล้านบาท ก็หวังที่จะทำผลงานให้ดีที่สุด ส่วนการแข่งขันอีก 2 วันในครอสคันทรี และกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางก็จะพยายามทำให้เต็มที่”

กรธวัชกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวตอนแรกอยากเป็นนักบิน แต่ได้มาขี่ม้าตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และทุ่มเทให้กับการขี่ม้าอย่างเต็มที่ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงในการเฟ้นหานักขี่ม้าเยาวชนพอดี ทำให้พลิกผันจากการเป็นนักบินมาเล่นขี่ม้าอย่างเต็มตัว และผ่านการแข่งขันรับใช้ทีมชาติไทยในเอเชี่ยนเกมส์มาแล้ว 2 สมัย จนกระทั่งโอลิมปิกครั้งแรก ซึ่งก็รู้สึกดีใจมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image