กัปตัน-แม่ โอดไร้การเหลียวแลกระสุน ควักเนื้อกว่าสิบล้าน เปิดใจต่อสู้ลุยโอลิมปิก

กัปตัน-แม่ โอดไร้การเหลียวแลกระสุน ควักเนื้อกว่าสิบล้าน เปิดใจต่อสู้ลุยโอลิมปิก

หลังจากที่ “กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักแม่นปืนหนุ่มไทยวัย 17 ปี ที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขันยิงปืนปิดฉากโอลิมปิกเกมส์สมัยแรกของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย หลังจากลงแข่งขันรอบคัดเลือก สเตจ 2 ยิงได้ 570-13x คะแนน จบอันดับที่ 20 ไม่ผ่านเข้ารอบไฟนัล ในการแข่งขันปืนสั้นยิงเร็ว 25 เมตร กีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่สนามอาซากะ ชู้ตติ้ง เรนจ์ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม

หลังการแข่งขัน “กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ พร้อมคุณแม่นางพรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ เปิดใจต่อสู้ทุกทางด้วยตัวเอง โดยไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยฯ โดยให้เดินทางมาที่ญี่ปุ่นก่อนนานเกินไป ทำให้เสียโอกาสฝึกซ้อม แถมต้องจ่ายเงินค่ากระสุนเองเป็นเวลา 2 ปีนับตั้งแต่ได้โควต้า อีกทั้งจะโดนสมาคมกีฬายิงปืนฯ เปลี่ยนตัวนักกีฬา

“กัปตัน” อิสรานุอุดม เปิดเผยว่า ส่วนตัวพอใจผลงานในโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก ซึ่งคะแนนยิงเกาะที่ 570 แต้มตามเกณฑ์ของตัวเอง เพียงแค่วันที่ 2 ยิงไม่ดีเท่าวันแรก เนื่องจากเปลี่ยนช่องยิง ทำให้ไม่คุ้นกับพื้นสนาม เพราะเป็นพื้นลาดยางสูงต่ำต่างกัน อาจจะยืนลำบาก โดยได้เดินทางมาญี่ปุ่น 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งนานเกินไป นักยิงปืนชาติอื่นเดินทางมาก่อนแข่งแค่ 2-3 วัน ก็ลงแข่งได้

“ผมเสียโอกาสฝึกซ้อมช่วงท้ายไปเป็นสิบๆวัน ได้ขอเขาแล้ว เขาก็ไม่ยอม ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เคยมีการพยายามจะขอเปลี่ยนตัวนักกีฬาของผมด้วย ประเทศอื่นอาจจะทำได้ แต่นั่นเขาใช้งบประมาณของสมาคม แต่ทางเราไม่ยอม เพราะทุนในการแข่งขันเป็นของเราเอง แต่ถ้าหากต้องแข่งขันประลองเพื่อแย่งโควต้าก็มั่นใจว่าชนะได้อยู่ดี”

Advertisement

นักแม่นปืนหนุ่มไทยกล่าวอีกว่า รู้สึกเป็นห่วงคุณแม่ที่ต้องเป็นคนเผชิญหน้ากับปัญหา แต่อย่าสนใจพวกเขาเลย เขาเปลี่ยนโควต้านี้ไม่ได้หรอก ส่วนตัวมีหน้าที่เดียวคือ การฝึกซ้อม และจะมุ่งมั่นต่อไป เพื่อลงแข่งขันต่อไปในอนาคต

ด้านคุณแม่พรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ ซึ่งมาโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ในฐานะผู้ฝึกสอน กล่าวว่า ตั้งแต่น้องกัปตันได้โควต้ามา เราไม่เคยได้รับการสนับสนุนอะไรเลย และต้องจ่ายเป็นสิบล้าน เพื่อกระสุนซ้อม รวมทั้งยังจะโดนเปลี่ยนตัวมาแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้อีก ซึ่งครอบครัวเราก็สู้เต็มที่ เพื่อให้ลูกชายเดินตามความฝันในการแข่งขันโอลิมปิกให้ได้

คุณแม่พรพักตร์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เราต้องจ่ายค่ากระสุนฝึกซ้อม นัดละ 10 บาท วันละ 3,000 บาท สัปดาห์ละ 6 วัน บางสัปดาห์ 7 วัน คูณไปได้เลย (1.7ล้านบาทโดยประมาณ) เพราะตลอดเวลา เราไม่เคยได้เลย จึงได้สอบถามไปที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็ยืนยันว่า ส่งกระสุนให้สมาคมกีฬายิงปืนฯ แล้ว นักกีฬาคนอื่นก็ไม่ได้ เพิ่งมาได้เอาวันที่ 15 กรกฎาคม แต่เราก็ไม่ได้เพราะเราฝึกซ้อมอยู่ที่ จ.นครราชสีมา

“ก่อนหน้านี้เราขอแล้วขออีก ขอจนเรียกว่า นี่โอลิมปิกขอทานหรือเปล่า เมื่อไม่ได้เราก็ต้องดิ้นรนเอง วันนี้ยังสู้เต็มที่ ต้องขายบ้าน ขายรถ เพื่อเป็นทุนให้ลูกได้ฝึกซ้อม น้องโดนทุกอย่าง มีการพยายามเปลี่ยนตัว ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะยอม แต่เราไม่ยอม เราต้องฝึกซ้อมเอง แม่ต้องทำเรื่องของเป็นโค้ชเอง เพื่อจะได้เดินทางมาดูแล”

คุณแม่ของกัปตันกล่าวในตอนท้ายว่า ก่อนเดินทางมาผู้ใหญ่ในสมาคมกีฬายิงปืนฯ ก็จะเดินทางมาเอง ซึ่งเราก็ต้องไปร้องเรียน กกท. และโอลิมปิก เพื่อให้ได้สิทธิ์ตรงนี้ แม่ไม่ได้แค่มาดูลูกชาย แต่ที่ผ่านมา แม่ต้องไปดีลกับโค้ชต่างชาติมาสอนให้ลูกชาย ชั่วโมงละเป็นหมื่นๆ เป็นการสอนออนไลน์กันหลายเดือน เพราะเราเองก็ไม่เคยได้การสนับสนุนตรงนี้เลย เราไม่ใช่ผู้บริหาร แต่เราก็พยายามเต็มที่ และเมื่อไม่ได้ดุแลกันก็ไม่เป็นไร เราจะสู้ของเราเอง ขอแค่ไม่ปิดโอกาสนักกีฬากันก็เพียงพอ

ทางด้าน “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอมรับว่านักแม่นปืนไทยยังสู้กับระดับโลกไม่ได้ ต้องกลับมาพัฒนาใหม่ทั้งประเภทปืนสั้นและปืนยาว โดยสมาคมกีฬายิงปืนฯ ได้เตรียมโค้ช และอุปกรณ์การฝึกซ้อม เพื่อพัฒนาศักยภาพนักกีฬาให้มากกว่านี้ ซึ่งในการแข่งขันรายการต่อไปยังมีศึกสำคัญรออยู่อีกมาก อาทิ เอเชี่ยนเกมส์, เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ, เวิลด์กรังด์ปรีซ์ และเวิลด์คัพ

นอกจากนี้ สมาคมฯยังต้องส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่างประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งการควอลิฟายเพื่อให้ได้โควต้ากีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 โดยสมาคมกีฬายิงปืนฯ จะต้องพยายามทำให้ได้โควต้าไปแข่งขันไม่ต่ำกว่า 3 คน และต้องเข้ารอบไฟนอลเพื่อชิงเหรียญเป็นอย่างน้อย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image