‘น้องแต้ว’ เผยความรู้สึกวินาทีกรรมการชูมือคว้าชัย ฝากถึงพ่อบนฟ้า ‘หนูทำได้แล้ว’
หลังจากที่ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักชกสาวไทยวัย 29 ปี ดีกรีรองแชมป์โลกปี 2019 ซึ่งขึ้นเวทีโอลิมปิกสมัยแรก เฉือนชนะ แคโรลีน ดูบัวส์ กำปั้นดาวรุ่งสหราชอาณาจักร วัย 20 ปี ด้วยสกอร์ 3-2 เสียง ในมวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลต์เวต 60 กก.หญิง รอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 คนสุดท้าย กีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่สังเวียนโกกุกิคุง อารีน่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และการันตีเหรียญทองแดง พร้อมเป็นเหรียญประวัติศาสตร์แรกของมวยสากลหญิงไทยในโอลิมปิก โดยในรอบต่อไป สุดาพร จะพบกับ เคลลี่ แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้
หลังการชก “แต้ว” สุดาพรกล่าวว่า ก่อนการชกครั้งนี้ก็รู้สึกกดดันบ้าง แต่พอขึ้นบนเวทีเราก็พยายามจะไม่คิดว่าเรากดดัน ซึ่งเราก็วางแผนการชกไฟต์นี้จากการศึกษาเทปการชกของคู่แข่งรายนี้ถึง 3 รอบได้รู้ว่าเขาเป็นมวยสไตล์ต่อยยาว และก็มีหมัดสั้นที่ดี ทำให้เราวางแผนที่จะชกกับเขาด้วยการต่อยให้มาก รวมทั้งมีการซ้อมทวนเชิงกับโค้ช และนักชกรุ่นน้อง “ครีม” ใบสน มณีก้อน ว่าเราจะต้องชกกับเขาแบบไหน เพราะเขาเป็นมวยซ้าย ส่วนรอบต่อไปกับกำปั้นสาวไอร์แลนด์เป็นมวยจังหวะ เราก็จะศึกษาดูเทปของเขาก่อนว่าต่อยแบบไหน โดยที่ผ่านมาเคยเจอกันรอบชิงชนะเลิศ ในศึกชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2018 ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเราเป็นฝ่ายแพ้ไป 2-3 แต่ก็คงต้องมองไปทีละรอบมากกว่า
น้องแต้วกล่าวถึงความรู้สึกวินาทีที่กรรมการชูมือให้เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะว่า “หนูรู้สึกดีจนพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ เพราะเป็นความฝันของหนู ตอนนั้นคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ (ยอดนคร สีสอนดี) ที่เสียไปแล้วเมื่อ 7 ปีก่อน เพราะถ้าไม่มีพ่อก็คงไม่มีหนูในวันนี้ เพราะพ่อบังคับให้หนูต่อยมวยค่ะ ก็อยากจะบอกพ่อว่า ‘หนูทำได้แล้ว’ ถ้าพ่อยังรับรู้ก็ขอให้พ่อจงภูมิใจในตัวหนู หนูทำได้แล้วค่ะ โดยตอนที่พ่อเสียหนูก็ติดทีมชาติแล้วค่ะ แต่อยากให้พ่อเห็นหนูในวันนี้” กำปั้นสาวไทยกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นน้ำตาคลอ
นอกจากนี้ สุดาพร ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติที่ยิงข้อคำถามว่า “ชัยชนะนี้มีความหมายแค่ไหนว่า” โดยกำปั้นสาวไทยตอบว่า “สำหรับแต้ว นี่คือไฟต์ที่เราตั้งใจ มันคือการเดิมพันทุกอย่างในชีวิต และชัยชนะจะเปลี่ยนชีวิตของเราได้”
