ส่องวิวาทะสระโอลิมปิก สหรัฐ VS รัสเซีย

REUTERS/Marko Djurica

ส่องวิวาทะสระโอลิมปิก สหรัฐ VS รัสเซีย

จากที่เงียบๆ อยู่หลายวัน จู่ๆ ก็มีประเด็นการโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อนระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจขึ้นมาในเวที โอลิมปิกเกมส์ 2020

คนเปิดประเด็นคือ ไรอัน เมอร์ฟี่ ฉลามหนุ่มทีมชาติสหรัฐ ซึ่งให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันว่ายน้ำ กรรเชียง 200 เมตร ชาย ว่า มีความคิดในหัวมากมายถึง 15 แบบ และในจำนวนนี้ 13 แบบ ถ้าพูดออกมา อาจจะเดือดร้อนได้ แต่คิดว่าอีเวนต์ที่ตัวเองแข่งขันนั้น “ไม่ขาวสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์”

เมอร์ฟี่ร่วมแข่งขันรายการนี้ในฐานะแชมป์เก่าทั้งประเภทกรรเชียง 100 และ 200 เมตร โดยในระยะ 100 เมตร เขาได้เพียงเหรียญทองแดง หลังพ่ายให้ เยฟเกนี่ ไรลอฟ และ คลีเมนต์ โคเลสนิคอฟ ของทีมคณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย (อาร์โอซี) และมาโดนย้ำแค้นในระยะ 200 เมตร เมื่อแตะขอบสระทีหลังไรลอฟ ได้เพียงเหรียญเงินไปครอง

นักข่าวถามความเห็นของเมอร์ฟี่เมื่อต้องแพ้ให้นักว่ายน้ำจากรัสเซีย 2 อีเวนต์ติด และเขาก็ตอบแบบคลุมเครือดังกล่าว

Advertisement

เท่านั้นไม่พอ ลุก กรีนแบงก์ ที่ได้เหรียญทองแดงจากกรรเชียง 200 เมตร ชาย ก็พูดในลักษณะคล้ายๆ กันว่า เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะบอกไม่ได้ว่า คู่แข่งของคุณ “ขาวสะอาด” จริงหรือไม่

(จากซ้าย) ไรอัน เมอร์ฟี่, เยฟเกนี่ ไรลอฟ, ลุก กรีนแบงก์ (REUTERS/Marko Djurica)

ต่อมา เมอร์ฟี่พยายามอธิบายว่า ไม่ได้มุ่งโจมตีใครคนใดคนหนึ่ง แต่พูดถึงภาพรวมของการแข่งขันว่ายน้ำในโอลิมปิกเกมส์ ที่อาจมีการใช้สารต้องห้ามเกิดขึ้น และไม่มีใครบอกได้ว่าทุกอย่างใสสะอาด เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา

แน่นอนว่า สื่อย่อมโยงบทสัมภาษณ์ของเมอร์ฟี่เข้ากับสถานการณ์ของรัสเซีย ซึ่งไม่สามารถส่งนักกีฬาลงแข่งขันในนามทีมชาติ ไม่สามารถใช้ธงชาติ หรือบรรเลงเพลงชาติขณะรับเหรียญได้ แต่ต้องส่งในนามทีมคณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย โดยใช้ธงและเพลงประจำองค์กรแทน

Advertisement

ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัสเซียโดนลงโทษแบนจากกรณีอื้อฉาวที่โดนคณะทำงานอิสระซึ่งแต่งตั้งโดย องค์การต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า) เปิดโปงว่า รัฐมีส่วนรู้เห็นเรื่องการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬาอย่างเป็นกระบวนการ ในการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาว 2014 ที่เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย เพื่อหวังผลงานโดดเด่นในฐานะเจ้าภาพ

(Photo by François-Xavier MARIT / AFP)

ตอนแรก รัสเซียจะโดนลงโทษแบนแบบปูพรม ไม่อนุญาตให้ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันอีเวนต์ระดับนานาชาติ แต่เมื่ออุทธรณ์โทษก็ได้รับการผ่อนผันให้นักกีฬาบางส่วนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการโด๊ปยา รวมถึงมีหลักฐานการตรวจสารต้องห้ามยืนยันชัดเจนว่าปลอดโด๊ป 100 เปอร์เซ็นต์ จะสามารถร่วมแข่งขันได้ในนามทีมอาร์โอซี ซึ่งรวมแล้วมีนักกีฬาอาร์โอซีเข้าร่วมโตเกียวเกมส์ครั้งนี้ 335 คน

ประเด็นนี้ ทราวิส ไทการ์ต ประธานองค์การต่อต้านสารต้องห้ามของสหรัฐอเมริกา ออกมาโวยผ่านสื่อหลังบทสัมภาษณ์ของเมอร์ฟี่ว่า แน่นอนว่าควรถือว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนจะพิสูจน์ได้ว่าทำความผิดจริง แต่ปัญหาคือบทลงโทษที่ส่วนตัวมองว่าไม่อาจจะช่วยยับยั้งหรือหยุดการกระทำผิดในรัสเซียได้ เพราะการปล่อยให้รัสเซียร่วมแข่งขันภายใต้ชื่ออื่น ไม่ใช่การ “รีแบรนด์” แต่เป็นการสนับสนุนให้หาช่องทางทำความผิดโดยไม่ให้จับได้ หรือต่อให้ถูกจับได้ก็ยังได้รับการผ่อนผัน แล้วทำไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายแค่การสร้างผลงานให้ดีในโอลิมปิกเกมส์เท่านั้น

แน่นอนว่าฝั่งรัสเซียเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซียออกแถลงการณ์โต้เมอร์ฟี่ว่า ดูเหมือนว่าชัยชนะของนักกีฬารัสเซียจะทำให้คู่แข่งบางคนไม่พอใจ ทั้งที่ทุกคนคว้าชัยอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ว่าอีกฝ่ายจะชอบหรือไม่ก็ตาม

อาร์โอซีเปิดแผลด้วยว่า สิ่งสำคัญคือคุณต้องหัดเรียนรู้ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งอาจจะมีบางคนที่ทำไม่ได้ และปฏิเสธความจริงด้วยการอ้างเรื่องรัสเซียโด๊ปยา ซึ่งเป็นโฆษณาชวนเชื่อของโลกตะวันตก ออกมาจากปากของคนขี้แพ้ ซึ่งพวกเราคงไม่ไปนั่งปลอบใจ และได้แต่ให้อภัยกับคนที่อ่อนแอ ให้พระเจ้าเป็นคนตัดสินแทน

ขณะที่ไรลอฟบอกว่า ได้รับข้อความแชททางอินสตาแกรมจากเมอร์ฟี่ กล่าวขอโทษและอธิบายว่าไม่ได้มุ่งเป้ากล่าวหาใครคนใดคนหนึ่ง

เยฟเกนี่ ไรลอฟ (REUTERS/Marko Djurica)

ประเด็นเรื่องข้อสงสัยก็เรื่องหนึ่ง แต่ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย

องค์การตรวจสอบสารต้องห้ามนานาชาติ (ไอทีเอ) เผยกับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจสารต้องห้ามในนักกีฬาไปแล้วกว่า 3,000 ตัวอย่าง จากนักกีฬากว่า 2,000 คน ซึ่งยังไม่พบว่านักกีฬาจากรัสเซียไม่ผ่านตรวจโด๊ปแต่อย่างใด

อีกประเด็นที่หลายคนมองข้ามคือ ก่อนหน้าการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ สหรัฐส่งทัพนักกีฬาร่วมแข่งขันสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์การเข้าร่วมโอลิมปิกของทัพนักกีฬาลุงแซม ซึ่งแน่นอนว่า เป้าหมายหนึ่งย่อมเป็นการครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองให้ได้

แต่เมื่อผ่านไปเกินครึ่งทาง สหรัฐมีโอกาสขึ้นไปครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองที่หัวตารางไม่บ่อยนัก กลับกลายเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างจีนกับเจ้าภาพ ญี่ปุ่น เสียมากกว่า

แน่นอนว่า ถึงตรงนี้ สหรัฐยังคงมีลุ้นที่จะครองเจ้าเหรียญทองอยู่ แต่ผลงานในหลายชนิดกีฬาก็ถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อย

โดยเฉพาะกีฬาว่ายน้ำซึ่งเดิมสื่อคาดว่าฉลามหนุ่มและเงือกสาวเมืองมะกันน่าจะกวาดเหรียญทองครองตำแหน่งเจ้าสระไม่ยากเย็น แต่เมื่อถึงเวลาจริง กลับพลาดเหรียญไปอย่างเหลือเชื่อหลายอีเวนต์

และไม่ใช่แค่อาร์โอซีที่มาเบียดแย่งเหรียญ แต่ยังมีนักกีฬาจากหลายชาติที่ปาดหน้าคว้าเหรียญทองไปครอง ซึ่งสถานการณ์นี้ย่อมสร้างแรงกดดันให้กับนักกีฬาว่ายน้ำเมืองมะกันไม่มากก็น้อย

บทสัมภาษณ์ของเมอร์ฟี่ที่จุดประเด็นเรื่อง “โด๊ป” ขึ้นมา อาจเป็นผลพวงจากความเครียดนี้ด้วยก็ได้

จะอย่างไรก็แล้วแต่ คงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนักที่จะกล่าวหาหรือด่วนสรุปว่าใครทำผิด ถ้าไม่มีหลักฐานมายืนยันความผิดนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image