⦁…วันที่ 3 ตุลาคม 2561 เป็นวันครบรอบ 105 ปี แห่งการประสูติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะจัดพิธีประทานทุนพระสังฆราชูปถัมภ์ บำเพ็ญกุศลถวาย เพื่อสืบทอดพระปณิธานสมเด็จพระญาณสังวรฯ โดยเฉพาะเรื่องส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลี
⦁…ประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐคึกคักไม่ใช่น้อย งานนี้รัฐมนตรีที่เคยเป็นข่าวได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าที่ประชุมกันครบถ้วน ผลประชุมโหวตให้ อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นั่งหัวหน้า สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เป็นเลขาฯ สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองหัวหน้า และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โฆษกพรรค
⦁…การประกาศตัวเช่นนี้ทำให้บรรยากาศทางการเมืองครึกครื้นขึ้นมามาก อย่างน้อย “พลังประชารัฐ” ก็กลายเป็นพรรคหลักในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทั้งนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะบารมีของ คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแกนนำ และกุนซืออย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ
⦁…บรรยากาศทางการเมืองไม่ได้มีเพียงแค่กรุงเทพฯเท่านั้นที่มีความเคลื่อนไหว ต่างจังหวัดก็มีการขับเคลื่อนกันเยอะแยะ บรรดานักการเมืองท้องถิ่นระดับนายก อปท.หลายแห่งลาออก เพื่อรอเข้าสู่ “สนามใหญ่” กันเป็นแถว แว่วว่า “พรรคท้องถิ่นไทย” มีการตระเตรียม หวังไว้ว่าจะมีตัวแทน อปท.เข้าไปนั่งในสภา อปท.จะได้เป็นปากเป็นเสียง ไม่กลายเป็น “เบี้ยล่าง” ให้ถูกกล่าวหาสารพัด
⦁…ขณะที่วงการเมืองคึกคัก วงการศึกษาก็ร้อนแรง เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าอธิการบดีที่มีอายุ 60 ปีนั้นไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้เนื่องจากกฎหมายห้ามไว้ เรื่องนี้สะเทือนถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัย มรภ. และ มทร. ที่มีอายุเกิน 60 ปี เพราะใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคำถามเรื่องอายุมากอายุน้อย แต่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย และสำนึกในจริยธรรม ซึ่งคงต้องรอดู
⦁…การฟ้องร้องและต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเก้าอี้อธิการบดีในแวดวงมหาวิทยาลัย “ขอแนะนำว่าควรยึดกฎหมายเป็นหลัก” งานนี้ศาลปกครองอาจเหนื่อยหน่อย แต่ข้อวินิจฉัยตัดสินจะเป็นบรรทัดฐานต่อการบริหารที่ถูกต้อง ความขัดแย้งเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะ มรภ. และ มทร. แม้แต่มหาวิทยาลัยที่มี พ.ร.บ.เป็นของตัวเองก็มีความขัดแย้งถึงขั้นร้องศาลปกครองกันมากมาย
⦁…เกิดปรากฏการณ์ที่ สนช. เมื่อมีการพิจารณา “ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ” ซึ่งมีบทบัญญัติให้นายทุนต้องจ่ายค่าน้ำ ปรากฏว่าที่ประชุมพิจารณาอยู่นานแล้วตีกลับไปให้กรรมาธิการทบทวน แหม ไหนว่าทำเพื่อส่วนรวม มีความเสียสละ เวลาโหวตงบประมาณ 3 ล้านล้านบาทใช้เวลาพิจารณาน้อย ยกมือให้ผ่านกันพรึบ แต่เวลากฎหมายที่นายทุนเสียเปรียบ ทั้ง ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.น้ำ ตรวจสอบกันถี่ถ้วนซะเหลือเกิน เรื่องเช่นนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งเห็น..ชัด
นิวรอน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่