วันที่ 23 พฤษภาคม นายบุญภาส ซื่อตรง นายก อบต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ สมาชิก อบต. เจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.15 พัน 1 คลองท่อม พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบหลักหมุดตามเอกสารหนังสือสำคัญที่หลวง หรือ นสล.เลขที่ 34694 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2530 เนื้อที่ 170 ไร่ ที่ 6 ต.เขาดิน อ.เขาพนม หลังจากทาง อบต. ได้ไปแจ้งความกล่าวหาบริษัท ไทยพัฒนาปาล์ม ปลูกปาล์มน้ำมันรุกที่ดินมานานหลายสิบปี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 ให้ทางผู้บุกรุก ออกจากพื้นที่ แต่ปรากฏว่าทางเอกชนรายดังกล่าวยังไม่ยอมออก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เขาพนม และ ชรป.หมู่บ้าน มาเฝ้าบริเวณประตูทางเข้าสวนดังกล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างที่ได้มีการสำรวจหลักหมุดร่วมกับทางทหาร ได้มี พ.ต.อ.ประจักษ์ รอดการทุกข์ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เดินทางเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งแจ้งว่า ตนในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ได้ครอบครองพื้นที่บริเวณดังกล่าว และพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบที่ดินหากเป็นที่ นสล.ก็พร้อมที่จะคืนให้ แต่ไม่ใช่ให้ชาวบ้านเข้ามาบุกรุกและทำลายปาล์มน้ำมัน หลังจากนี้จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป และได้มีการพูดคุยกับทาง นายก อบต. แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ พ.ต.ท.ประจักษ์ กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวตนได้ครอบครองในนามบริษัทที่ทำประโยชน์มาหลายสิบปีแล้ว และหากเป็นที่ นสล.ก็พร้อมคืนให้ แต่ต้องมาตรวจวัดให้ชัดเจนจากทางเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัด และมีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมทุกฝ่าย
ขณะที่นายบุญภาส กล่าวว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวนั้นเดิมทีเมื่อปี 2495 ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้ในสารบบที่ดินว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ป่าต้นบก มีเนื้อที่ 750 ไร่ แต่เมื่อปี 2530 ได้มีการเดินสำรวจและตัดเนื้อที่ดินเหลือ 170 ไร่ ต่อมาปี 2556 ทาง อบต.ได้เข้าตรวจสอบและให้ทางที่ดินมาตรวจสอบหาหลักหมุดก็ได้ดำเนินการปักใหม่แต่ปรากฏว่าที่ดินได้มีการปลูกปาล์มน้ำมันไว้เต็มพื้นที่แล้ว ต่อมาได้มีชาวบ้านเข้ามายึดพื้นที่ดังกล่าวเรียกร้องให้ตรวจสอบที่ดิน และทาง อบต.ก็ได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้แสดงตนเป็นผู้ครอบครองจึงได้ไปแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ นสล.เนื้อที่ 170 ไร่ แต่ยังไม่คืบหน้า ส่วนที่ดินที่หายไปอีกเกือบ 600 ไร่นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่ติดกันผืนเดียวกันและมีการปลูกปาล์มน้ำมันโดยเอกชน ซึ่งน่าสงสัยว่าสมัยปี 2530 อาจเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุน และปัจจุบันก็ไม่มีการออกเอกสารใดๆ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องยึดคืนพื้นที่กลับมา
