ชาวอังกฤษ 90 คน อาสาติดโควิด เพื่อหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สำนักงานเพื่อยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม, พลังงานและธุรกิจ (บีอีไอเอส) หน่วยงานระดับกระทรวงของทางการอังกฤษแถลงในวันเดียวกันนี้ว่า อังกฤษเตรียมดำเนินการทดลอง ด้วยการระดมอาสาสมัครหนุ่มสาวอายุระหว่าง 18-30 ปี มากถึง 90 คนเข้ามาช่วยเหลือในโครงการวิจัยโครงการแรกของโลกที่กำหนดให้ส่วนหนึ่งของอาสาสมัครได้รับเชื้อโควิด-19 โดยตรง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและอยู่ในการควบคุมอย่างใกล้ชิด หลังจากที่โครงการนี้ผ่านการพิจารณาเชิงจริยธรรมและได้รับอนุมัติให้ดำเนินการแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในระหว่างการทดลอง อาสาสมัครจะถูกฉีดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายโดยตรง โดยเลือกที่จะใช้เชื้อสายพันธุ์ที่ระบาดเมื่อปีที่ผ่านมา แทนที่จะเป็นสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ๆ เนื่องจากเชื้อดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงในหมู่คนหนุ่มสาวที่สุขภาพแข็งแรง หลังจากนั้นจะมีการฉีดวัคซีนซึ่งผ่านการทดลองระยะที่ 3 มาแล้วว่าปลอดภัยให้กับกลุ่มอาสาสมัคร ทั้งนี้เพื่อให้ทีมวิจัยสามารถชี้ชัดได้ว่าวัคซีนตัวใดมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทดลองดังกล่าว นอกจากจะสร้างความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่าเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ก่อผลกระทบกับร่างกายคนได้อย่างไรแล้ว ยังจะมีบทบาทสูงมากในการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยการทดลองแบบเดียวกันนี้เคยใช้กับโรคอื่นๆ มาก่อนหน้านี้ อาทิ อหิวาต์, ไทฟอยด์, มาลาเรีย และไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจใช้ทดลองกับเชื้อโควิด-19
รายงานข่าวระบุว่า มีทั้งผู้สนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับการทดลองนี้ โดยกลุ่มสนับสนุนชี้ว่า การจงใจให้กลุ่มตัวอย่างติดเชื้อทำให้ทีมวิจัยสามารถลดกลุ่มตัวอย่างลงเหลือเพียงไม่มากได้ เพราะแน่ใจได้ว่าทุกคนติดเชื้อ แทนที่จะปล่อยให้ติดเชื้อเองในสภาพธรรมชาติ ดังนั้นจึงสามารถแสดงข้อมูลทางวิชาการที่ต้องการได้เร็วกว่ามาก ในขณะที่กลุ่มไม่เห็นด้วยชี้ถึงอันตรายจากเชื้อ และเชื่อว่า กลุ่มอายุของกลุ่มทดลองอายุน้อย ไม่ใช่ตัวแทนของประชากรทั่วไปที่ติดเชื้อซึ่งส่วนใหญ่มีอายุสูงกว่าอีกด้วย
