อุปทูตสหรัฐ ชี้จะบริจาควัคซีนเพิ่มให้อีก 1 ล้านโดส แต่ยังไม่รู้ยี่ห้อ-กรอบเวลา

อุปทูตสหรัฐ ชี้จะบริจาควัคซีนเพิ่มให้อีก 1 ล้านโดส แต่ยังไม่รู้ยี่ห้อ-กรอบเวลา ชี้เป็นหน้าที่รบ.ไทยจัดสรรอย่างเป็นธรรม

จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกาศจะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ให้กับประเทศไทยจำนวน 2.5 ล้านโดส โดยล็อตแรก จำนวน 1.5 ล้านโดส ได้ถูกส่งถึงประเทศไทยแล้ว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรับมอบ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 04.30น. ที่ผ่านมา

คลิกอ่าน มาแล้ว! ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส จากสหรัฐ ส่งถึงไทย อนุทิน รอรับ

ล่าสุด นายไมเคิล ฮีท อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย แถลงข่าวผ่านโปรแกรม Zoom เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 กรกฎาคม เปิดเผยถึงการบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้กับประเทศไทยในครั้งนี้ ยืนยันว่า นอกจากวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 โดสที่ส่งมาถึงไทยแล้ว สหรัฐจะบริจาควัคซีนโควิด-19 ให้กับไทย เพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส อย่างไรก็ตามยังไม่ชัดเจนถึงกรอบเวลา รวมถึงแบรนด์ของวัคซีนดังกล่าว

Advertisement

“ขอยืนยันคำประกาศของสมาชิกวุฒิสภา แทมมี่ ดักเวิร์ธ ในการบริจาควัคซีนให้ไทยเพิ่มเป็น 2.5 ล้านโดส แต่ก็ยังไม่รู้ว่า อีก 1 ล้านโดสเป็นแบรนด์อะไร แต่ยืนยันว่าวัคซีนที่จะนำมาบริจาคให้รัฐบาลไทย จะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะ ไฟเซอร์ โมเดอร์น่า หรือ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย” นายฮีท ระบุ และว่า ในตอนแรกสหรัฐตั้งใจจะบริจาคให้ไทยที่ 1.5 ล้านโดส แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ยากลำบาก เราจึงต้องการบริจาคเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านโดส

สำหรับความกังวลเรื่องการจัดสรรวัคซีนไปยังกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเปราะบางนั้น นายฮีท ระบุว่า สหรัฐไม่มีเงื่อนไขใดๆในการบริจาควัคซีนในครั้งนี้ เช่นเดียวกับการบริจาคให้กับหลายประเทศทั่วโลก เป็นเรื่องของรัฐบาลไทยที่จะจัดสรร

“อย่างไรก็ตามเรามีการประสานทราบจากรัฐบาลไทยว่า รัฐบาลจะจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงโควิด-19 เช่นบุคคลากรด่านหน้า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข และบุคลากรอื่นๆที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงอายุ ที่เป็นกลุ่มเปราะบางและได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่ระบาดในเวลานี้” นายฮีท ระบุ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image