อนามัยโลกเตือนระวัง ติดโควิดพุ่ง ชี้ที่เห็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง เชื่อตัวเลขจริงสูงกว่าหลายเท่า

เอเอฟพี

อนามัยโลกเตือนระวัง ติดโควิดพุ่ง ชี้ที่เห็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง เชื่อตัวเลขจริงสูงกว่าหลายเท่า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ส่งสัญญาณเตือนเมื่อวันที่ 16 มีนาคมว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีการลงทะเบียนยืนยันทั่วโลก กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ระดับการตรวจหาเชื้อได้ลดลงไปอย่างมากก็ตาม โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยโควิดรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 8% โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 11 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 43,000 ราย

เฉพาะในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นสูงถึง 29% โดยจำนวนผู้ติดเชื้อในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และทำให้ขณะนี้แปซิฟิกตะวันตกแซงหน้ายุโรปเป็น “ฮอตสปอตโลก” ด้วยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5.02 ล้านคน เทียบกับยุโรปมี 4.99 ล้านคน

มาเรีย ฟอน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโรคโควิด-19 ของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ทั้งๆ ที่มีการตรวจหาเชื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านนายเท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ กล่าวเห็นพ้องด้วย โดยเตือนว่าการขาดความสามารถในการมองเห็นเนื่องจากการตรวจเชื้อที่ลดลง หมายความว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดที่เรากำลังเห็นอยู่นี้เป็นเพียงแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” และเราทราบดีว่าเมื่อจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น การเสียชีวิตก็เช่นกัน พร้อมกันนี้เขายังเน้นถึงอัตราการเสียชีวิตสูงที่ไม่อาจยอมรับได้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำในกลุ่มประชากรที่อ่อนแอ

Advertisement

“เราขอเรียกร้องให้ทุกประเทศยังคงระมัดระวัง การระบาดใหญ่ยังไม่สิ้นสุด” ผอ.ดับเบิลยูเอชโอกล่าว

ด้านนางเคอร์โคฟกล่าวอีกว่า กว่าสองปีแล้วที่โลกเผชิญการแพร่ระบาดใหญ่ มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการทั่วโลกแล้วกว่า 6 ล้านราย แต่เชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงนั้นจะสูงกว่านี้หลายเท่า และการกลับมามีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนั้นมาจากหลายปัจจัยรวมกัน ซึ่งรวมถึงเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ที่ยังคงแพร่กระจายในระดับที่รุนแรงมากทั่วโลก โดยหนึ่งในสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนนั้น บีเอ.2 ที่แพร่เชื้อได้แพร่หลายที่สุด เป็นสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้มากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นจากไวรัสซาร์ส โควี-2 จนถึงขณะนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image