ธ.ออมสินเผยดัชนีความเชื่อมั่นฐานรากไตรมาส 4/59 ฟื้นตัว ประชาชนดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (GSI) ประจำไตรมาส 4 ปี 2559 สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศ จำนวน 1,532 ตัวอย่าง พบว่า GSI ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2559 ส่งสัญญาณ ดีขึ้นเป็นลำดับ อยู่ที่ระดับ 49.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ที่อยู่ระดับ 49.0 ประชาชนระดับฐานราก มีความคาดหวังรายได้ในอนาคต จากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำภายในประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ของประชาชนฐานรากในปีหน้า จึงทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเกือบใกล้เคียงกับระดับความเชื่อมั่นปานกลาง (ระดับ 50)

“การที่ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากต่อสถานการณ์ใน 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.8 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มาอยู่ที่ ระดับ 52.8 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนระดับฐานรากส่วนใหญ่มีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าในระดับที่ดี เนื่องจากความคาดหวังรายได้ในอนาคตจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ เทียบกับ ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านภาระหนี้สิน และการออม ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ส่วนด้านการจับจ่ายใช้สอย การหารายได้ ภาวะเศรษฐกิจ และการหางานทำ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย” นายชาติชายกล่าว

นายชาติชาย กล่าวว่า การบริโภคของประชาชนฐานรากยังฟื้นตัวไม่มากนักในไตรมาสสุดท้ายปี 2559 เนื่องจากยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเพราะมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการบริโภคน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี2560 เป็นต้นไป ถ้าสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกคลี่คลายลง และประสิทธิภาพของการใช้จ่าย และการลงทุนของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง

นายชาติชาย กล่าวว่า นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยฯ ยังได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตของประชาชนฐานรากโดยเมื่อสอบถามถึงความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประชาชนฐานราก พบว่า เกือบทั้งหมด 96.5% มีความรู้ความเข้าใจ และเมื่อพิจารณาถึงระดับความรู้ ความเข้าใจ พบว่าส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจในระดับ ปานกลาง ร้อยละ 59.6% โดยเชื่อว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีประโยชน์ ต่อการดำเนินชีวิต 94.7% และได้มี การนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน 77.7% สำหรับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่นิยมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน พบว่า 3 อันดับคือ การเก็บออม การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และอยู่อย่างเหมาะสมกับฐานะ โดยผู้ที่มีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เห็นว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image