กำลังจะไปกันใหญ่ : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ทุกวันนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูจะเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทั่วโลกได้ทุกวัน ทั้งนี้
ก็เพราะ โดนัลด์ ทรัมป์ พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่มีหูรูดและไม่รับผิดชอบ

การที่ โดนัลด์ ทรัมป์ พูดไปอย่างไม่มีหูรูด โดยไม่รับผิดชอบ โดยไม่มีการพิจารณาจากที่ปรึกษาเสียก่อนและไม่ได้อ่านจากที่เขียนไว้ หลายคนก็เลยเบาใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ คงพูดไปเรื่อยๆ และคงจะไม่ทำตามที่ตนพูด เพราะแต่ละเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ๆ ที่สามารถจะพลิกโลกให้ถอยหลังกลับไปสู่ศตวรรษก่อนได้ทั้งนั้น หรืออาจจะเกิดสงครามได้ถ้าฝ่ายตรงข้ามต้องลงมือกระทำการป้องกันตัว

แต่หลายคนก็หนักใจและคิดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ ก็ได้ เช่น ก่อสร้างกำแพงกั้นเขตชายแดนระหว่างอเมริกากับเม็กซิโก ระยะทางกว่า 6,000 ไมล์ ยังจะให้เม็กซิโกออกค่าใช้จ่ายด้วย โดยจะหักเอาจากทรัพย์สินของเม็กซิโกที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา จะเก็บภาษีขาเข้าจากอุตสาหกรรมที่นายทุนอเมริกาไปลงทุนในเม็กซิโกแล้วส่งมาขายในสหรัฐอเมริกาถึง 45 เปอร์เซ็นต์ หรือจะถอนทหารที่โอกินาวาหรือจากที่อื่นๆ ตามพันธะที่ตนมีอยู่

ที่สำคัญประกาศจะโดดเดี่ยวสหรัฐอเมริกาจากเวทีการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งๆ ที่สหรัฐอเมริกาเป็นหัวแรงใหญ่ บังคับให้ประเทศต่างๆ เปิดตลาดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งที่เป็นตลาดสินค้า การบริการและตลาดทุนมาตั้งแต่ พ.ศ.2535 แล้ว ประเทศเล็กประเทศน้อยต่างก็ถูกบังคับให้เปิดตลาดสินค้า การบริการและตลาดการเงิน ประเทศไทยก็เคยถูกบีบบังคับอย่างนั้น จนถูกเงินทุนจากกองทุนตรึงมูลค่าหรือที่เราเรียกว่า “กองทุนอีแร้ง” รุมโจมตีค่าเงินบาท โทษฐานที่เราผูกค่าเงินบาทไว้กับตะกร้าของเงินสกุลแข็ง ไม่ยอมปล่อยลอยตัว สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับเศรษฐกิจ โดยผู้ได้ประโยชน์ก็คือกองทุนตรึงมูลค่า ซึ่งผู้ถือหุ้นของกองทุนเหล่านี้ก็คือคนอเมริกันนั่นเอง

Advertisement

เมื่อเราถูกโจมตีและโต้ตอบโดยใช้เงินทุนสำรองจนหมดคลังแล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ก็เข้ามาจัดการในฐานะเจ้าหนี้ เพราะยืมใครไม่ได้เลยนอกจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปซึ่งก็เป็นพันธมิตรทางการเงินของอเมริกา เมื่อไอเอ็มเอฟเป็นสถาบันการเงินแห่งเดียวที่สามารถระดมเงินทุนจากประเทศที่เกินดุล มาให้ประเทศที่มีปัญหาขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดได้ ไอเอ็มเอฟก็สามารถตั้งเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์กับประเทศที่เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานของกองทุนการเงินได้

การที่สหรัฐมีอิทธิพลในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหาร สามารถจัดระเบียบการค้าผ่านทางองค์การค้าโลก จัดระเบียบการเงินผ่านกองทุนการเงินระหว่างประเทศและควบคุมเงินทุนที่ใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ผ่านธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศอื่นๆ จนสาธารณรัฐประชาชนจีนเห็นว่า เงินจำนวนมากเป็นเงินของจีนที่จีนทำมาหาได้ผ่านทางการเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดมหาศาล แต่จีนต้องเอาไปฝากและลงทุนในรูปของดอลลาร์ในตลาดเงินและตลาดทุนในอเมริกา โดยผ่านบริษัทเงินทุนในตลาดการเงินและตลาดทุนของอเมริกา ผลตอบแทนของเงินทุนเหล่านี้ตกอยู่กับคนในอเมริกาเป็นส่วนใหญ่

หากอเมริกาจะถอนตัวออกจากตลาดเหล่านี้ สหรัฐอเมริกานั่นเองจะเป็นประเทศที่เสียหายมากที่สุด เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่ได้เปรียบจากการเอาเปรียบประเทศต่างๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่ตนชนะสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

Advertisement

สมมุติว่าจีนจะตอบโต้อเมริกา โดยชะลอการซื้อเครื่องบินโบอิ้งและเครื่องยนต์จีอี แล้วย้ายไปจับมือกับฝรั่งเศสหรือยุโรป กับประเทศอื่นๆ รวมทั้งรัสเซีย พัฒนาเครื่องบินโดยสารขึ้นมาแทนโบอิ้งก็น่าจะทำได้ภายใน 4-5 ปีเป็นอย่างช้า รวมทั้งเครื่องมือทางด้านดิจิทัล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเทคโนโลยีอวกาศในส่วนที่จะใช้ในเชิงพาณิชย์ ส่วนที่จะไปดาวอังคารหรือดาวเสาร์ปล่อยให้อเมริกาทำไปก่อน

เมื่อสหรัฐถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของประชาคมโลกที่อารยะ โดยการถอนตัวออกจากสหประชาชาติ ซึ่งมีข่าวว่าสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐจะไม่ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายของสหประชาชาติถึง 22 เปอร์เซ็นต์ เพราะสมาชิกสหประชาชาติคิดตามสัดส่วนของรายได้ประชาชาติของโลก เมื่อสหรัฐอเมริกามีรายได้ประชาชาติเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของโลกก็ควรจะต้องจ่ายค่าสมาชิกในสัดส่วนเดียวกัน ประเทศต่างๆ ก็น่าจะสามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อชดเชยกับที่อเมริกาลาออกไป จีนอาจจะเข้ามามีบทบาทแทน

สหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ หรือ UNO ตระกูลร็อคกี้ เฟลเลอร์ บริจาคที่ดินบนเกาะแมนฮัตตันในเป็นที่ตั้งสหประชาชาติ เพื่อเป็นเกียรติในเชิงสัญลักษณ์แก่สหประชาชาติ สหรัฐเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่สามารถใช้สิทธิยับยั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งสหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส มักจะรวมกันเป็นเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง มติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติจึงเป็นไปตามความต้องการของสหรัฐอเมริกาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่มีการใช้กองกำลังติดอาวุธของสหประชาชาติ เข้าระงับข้อพิพาทในการรักษาสันติภาพของโลก

กรณีที่ใกล้กับประเทศเรามากที่สุดก็คือ มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ให้กองกำลังสหประชาชาติ เข้ามารักษาความสงบในกัมพูชาจากการสู้รบของเขมร 3 ฝ่าย และจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้น สามารถยุติสงครามทางการเมืองในกัมพูชา มิฉะนั้นความสงบสันติในกัมพูชาก็ยังไม่เกิด อเมริกาจะทนให้เขมรแดงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ได้หรือไม่ เพราะเขมรแดงย่อมเป็นอันตรายต่อสันติภาพในภูมิภาคนี้

เพื่อบังคับให้มีการปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคง สหรัฐจึงทำหน้าที่เป็น “ตำรวจโลก” หรือ world police ทำให้สหรัฐอเมริกามีความยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ประเทศต่างๆ ก็เคารพยำเกรงอยู่แล้ว

โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะทำให้ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาลดลง โดยการถอนตัวออกจากการเป็นคู่ค้าการลงทุนระหว่างประเทศ กำลังจะถอนตัวออกจากนาโต้พันธมิตรในยุโรป จะยุติบทบาทในฐานะผู้ช่วยค่าใช้จ่ายและหัวเรือใหญ่ในคณะมนตรีความมั่นคง จะทำตัวเป็นสมาชิกสามัญธรรมดาในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ

การกระทำดังกล่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้เกียรติภูมิและความเคารพยำเกรงของบรรดาสมาชิกอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาลดลง สมาชิกจะเคลื่อนย้ายไปหาและเป็นพันธมิตรทั้งทางเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศและทางทหารกับจีนมากยิ่งขึ้น เท่ากับสหรัฐอเมริกาสนับสนุนให้จีนมีความ
ยิ่งใหญ่ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ เวทีการค้าและการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น

ความยิ่งใหญ่ของอเมริกาก็จะยิ่งลดลง คำขวัญอเมริกามาก่อนก็คงจะเป็นคำขวัญไว้ปลอบใจ
ตัวเองไปวันๆ เท่านั้นเอง ไม่มีประเทศใดยิ่งใหญ่แต่ขณะเดียวกันก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวได้

อเมริกาเอง ในอดีตก็มีประธานาธิบดีหลายคนคิดว่าตนมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว การค้าระหว่างประเทศสมัยก่อนก็มีเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประชาชาติเท่านั้น จึงประกาศวาทะที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ยุ่งกับใคร ในที่สุดก็ไปไม่รอด เพราะสัดส่วนการค้าเพียงเล็กน้อยก็มีความสำคัญกับการผลิตส่วนใหญ่ของประเทศได้ ตามทฤษฎี “หน่วยสุดท้าย” หรือ “marginality theory” ในที่สุดอเมริกาก็กลายเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดระเบียบการค้าและการเงินของโลก สามารถสร้างตลาดการเงินและตลาดทุนในอเมริกาให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของโลก ซึ่งสร้างรายได้ให้กับอเมริกาอย่างมหาศาล จนอเมริกาสามารถจ่ายเงินสวัสดิการสูงๆ ให้กับคนอเมริกันส่วนใหญ่ได้ สามารถจ้างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการระดับรางวัลโนเบล
มาอยู่ที่อเมริกา สามารถเรียกเงินจาก “ทรัพย์สินทางปัญญา” มาเลี้ยงคนอเมริกันที่ว่างงานได้อย่างสบาย

แรงงานจีนและประเทศกำลังพัฒนาต้องทำงานตัวเป็นเกลียว รับรายได้ที่ต่ำกว่า มีมาตรฐานการครองชีพต่ำกว่า เพื่อผลิตสินค้าและบริการให้คนอเมริกันบริโภค ให้คนอเมริกันได้ใช้ ทำกำไรให้บริษัทอเมริกันแล้วส่งเป็นรายได้ในรูปดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าลิขสิทธิ์ ค่านิมิตรสิทธิและผลตอบแทนต่อทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ให้กับคนอเมริกันในฐานะเจ้าของทุน พวกเรามีฐานะแค่เจ้าของแรงงาน

บัดนี้ ประธานาธิบดีอเมริกันอยากจะทำกลับกัน คือให้คนอเมริกันมาเป็นแรงงานผลิตข้าวของใช้เอง เงินลงทุนต่างประเทศอยากให้ลดลง แล้วให้จีนเป็นประเทศเจ้าของทุน เจ้าของกิจการ เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอย่างนั้นหรือ

เมื่อมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ อเมริกาก็ไม่ต้องเข้ามายุ่ง อเมริกาจะทนได้ไหม

วีรพงษ์ รามางกูร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image