กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการวิ่งมาราธอนเมืองไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ การแข่งขัน “บุรีรัมย์มาราธอน” มาราธอนแห่งอารยธรรม ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา
ไฮไลต์ของการแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการนี้คือ การทำลายสถิติโลก ที่หากมีนักวิ่งสามารถทำลายสถิติเดิมของ เดนนิส คิพรูโต คิเมตโต ชาวเคนยา ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2014 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 2.57 นาที จะได้รับเงินรางวัลทันที 3,600,000 บาท รวมถึงรางวัลทำลายสถิติประเทศไทย 1,000,000 บาท สำหรับนักวิ่งที่วิ่งเร็วกว่าสถิติประเทศไทย ด้วยเวลาเร็วกว่า 2 ชั่วโมง 19.33 นาที ที่ทำไว้โดย จิรัฐติกาล บุญมา ที่จังหวัดลำพูน เมื่อปี พ.ศ.2538
นอกจากนี้ ยังมีรางวัลพิเศษจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับนักวิ่งจาก ภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคใต้ ที่สามารถชนะการแข่งขัน 10 อันดับแรกในระยะมาราธอน ทั้งประเภทชาย และหญิง ไม่จำกัดรุ่นอายุ รวมทั้งสิ้น 20 รางวัล รางวัล ละ 5,000 บาท และรางวัลสำหรับนักวิ่งทั้งประเภททั่วไป และรุ่นอายุ รวมมูลค่ามากกว่า 1,400,000 บาท
ผลแข่งขันปรากฏว่าแชมป์ครั้งแรกของ บุรีรัมย์ มาราธอน ตกเป็นของ คอสมาส มูตูกู คีวา ยอดนักวิ่งปอดเหล็กชาวเคนยา ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 17.00 นาที ยังไม่สามารถทำลายสถิติโลกได้
ตามด้วย ชาร์ลส์ วาชีรา ไมนา เพื่อนร่วมชาติในเวลา 2 ชั่วโมง 19.32 นาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ เบอร์นาร์ด มูโทนี จากชาติเดียวกัน ในเวลา 2 ชั่วโมง 23.50 นาที ด้าน บุญถึง ศรีสังข์ ยอดนักวิ่งชาวไทยทำเวลาเร็วที่สุดในกลุ่มนักวิ่งไทย 2 ชั่วโมง 29.10 นาที
ส่วนแชมป์ประเภทมาราธอนหญิง เป็นของ เยซูมี เอยาลูว์ เอจิยู ปอดเหล็กสาวชาวเอธิโอเปีย ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 40.57 นาที ตามด้วย มาร์กาเร็ต เอ็นจูคูกมา วังกู ชาวเคนยา เวลา 2 ชั่วโมง 42.10 นาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ซาลินา เจเบ็ต นักวิ่งสาวเคนยา ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 43.16 นาที
สำหรับ “บุรีรัมย์ มาราธอน” ก่อนที่จะเริ่มเปิดฉากขึ้น ได้ชูจุดเด่นของงานที่เส้นทางที่ต้องผ่านแหล่งอารยธรรมเก่ากับแหล่งอารยธรรมสมัยใหม่ ที่ผสมผสานกันอยู่ได้อย่างลงตัว รวมถึงการปิดถนนให้ขาวิ่งได้วิ่งกันอย่างปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ พ่องานใหญ่ ยังได้ชูที่จะดัน “บุรีรัมย์ มาราธอน” ให้กลายเป็นมาราธอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย และเอเชียให้ได้ในอนาคต ทำให้นักวิ่งหลายคนตั้งตารอที่จะสัมผัสการจัดมาราธอนครั้งแรกของ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เมื่อเวลาของการแข่งขันมาถึงทามกลางอากาศที่เย็นสบาย 15 องศาเซลเซียส ภายใน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก็เริ่มมีนักวิ่งมารอกันอย่างใจจดใจจ่อ ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ได้วิ่งบนสนามแข่งรถที่ได้มาตรฐานโลกแห่งเดียวของเมืองไทย ซึ่งแฟนนักวิ่งต่างออกเสียงชื่นชมถึงบรรยากาศที่ดี และการจัดระเบียบที่ดีก่อนออกตัว
เมื่อการแข่งขันจบลง นักวิ่งทั้งหลายก็ได้ชื่นชม และยกย่องการจัดการแข่งขัน ครั้งแรก บุรีรัมย์มาราธอน ว่าคือสุดยอดแห่งมาราธอนของเมืองไทย และจะกลายเป็นมาราธอนระดับเอเชีย และระดับโลก ในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ หากยังรักษามาตรฐาน และยังยกมาตรฐานให้ดียิ่งขึ้นได้
ต้องถือว่าบุรีรัมย์ มาราธอน ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ได้รับการตอบรับจากนักวิ่งร่วมหมื่นคน ยกให้เป็นงานวิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เคยไปวิ่งมาในเมืองไทย และมีการพูดกันปากต่อปาก
ด้วยมาตรฐานการจัดที่สูง และมีการเตรียมการที่ดีนี่เอง ทำให้ บุรีรัมย์ มาราธอน ครั้งหน้า วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 อาจจะสร้างอีกหนึ่งประวัติศาสตร์กลายเป็นมาราธอนที่มีนักวิ่งเยอะที่สุดในเมืองไทยก็เป็นได้
มาถึงเวลานี้ยุคของอินเตอร์เน็ต และโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่า บุรีรัมย์ มาราธอน 2561 ห้องพักได้ถูกเหล่าบรรดานักวิ่งบล็อกห้องไว้แล้วจนเกือบจะเต็มทุกโรงแรมในจังหวัดบุรีรัมย์
คอยติดตามกันว่า ปีหน้า เนวิน ชิดชอบ จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่สั่นสะเทือนวงการวิ่งมาราธอนเมืองได้อีกครั้งหรือไม่…