จานนี่ อินฟานติโน่ ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งเป็นประธานคนใหม่ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ซึ่งเป็นองค์กรที่มิเชล พลาตินี่ ประธานยูฟ่าเคยโจมตีเจ้าหน้าที่ฟีฟ่าชุดก่อนที่นำโดยเซ็ปป์ แบล๊ตเตอร์ ประธานฟีฟ่าในเวลานั้นว่ามีการทุจริตภายในองค์กร แต่ล่าสุดกลับยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานการทุจริตโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ที่ประเทศรัสเซีย และกาตาร์ชนะการโหวตแต่อย่างใด
แม้ยูฟ่าจะไม่เคยออกแถลงการณ์อย่างจริงจังเกี่ยวกับการสนับสนุนข้อกล่าวหาในการโหวตเลือกเจ้าภาพปี 2018 และ 2022 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2010 เนื่องจากพลาตินี่ซึ่งโดนคณะกรรมการด้านจริยธรรมฟีฟ่าลงโทษแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับการทำกิจกรรมฟุตบอลทุกระดับชั้นเป็นเวลา 6 ปีเวลานี้ เป็นผู้นำในการสนับสนุนกาตาร์ให้จัดฟุตบอลโลกมาตลอด แต่สำนักข่าว “บีบีซี” ของประเทศอังกฤษ และหลายสื่อดังประเทศเดียวกัน และต่างประเทศ ต่างประโคมข่าวการล็อกผลเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2 ครั้งดังกล่าวจนอื้อฉาวไปทั่วโลก
แต่อินฟานติโน่ที่เคยประกาศหลังชนะเลือกตั้งนายใหญ่ฟีฟ่าว่าจะปฏิรูปภาพลักษณ์ในทางเลวร้ายของฟีฟ่า กลับยืนกรานก่อนการประชุมบอร์ดสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (ไอเอฟเอบี) ที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ แคว้นเวลส์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคมว่า ถึงจะมีกระแสข่าวให้น่าฉุกคิดเกี่ยวกับการติดสินบนโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ออกมาอย่างมากมายก็จริง ทว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการพบหลักฐานข้อเท็จจริงตลอดเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ อินฟานติโน่ยัง “ออกตัว” อีกว่า ตัวเองไม่ใช่หนึ่งในคนที่อยู่ในกระบวนการโหวตเลือกเจ้าภาพขณะนั้น แต่ในเมื่อตอนนี้อยู่ในฐานะประธานฟีฟ่า และเป็นคนที่ชอบลงมือทำงานเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหน้าที่ของตนในเวลานี้คือการจัดฟุตบอลโลก 2 ครั้งดังกล่าวในเวลา 2 ปี และ 6 ปีนับจากนี้ เช่นเดียวกับการช่วยให้ทั้งรัสเซีย และกาตาร์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย
