กสทช. เล็งคลายล็อกกฏ มัสต์แฮฟ เปิดช่องเอกชนลงทุนได้ ชี้ควักทุกๆ 4 ปีคงไม่ได้

กสทช. เล็งคลายล็อกกฏ มัสต์แฮฟ เปิดช่องเอกชนลงทุนได้ ชี้ควักทุกๆ 4 ปีคงไม่ได้

หลังจากกฎระเบียบของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้ง Must Have ที่ประชาชนชาวไทยจะต้องได้รับชม 7 มหกรรมกีฬาผ่านทางฟรีทีวีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่ ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และ ฟุตบอลโลก รวมถึงกฎ Must Carry ที่ผู้ถือลิขสิทธิ์จะต้องให้ผู้ชมได้รับชมผ่านทางทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในการซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาต่างๆ นั้น

ผู้สื่อข่าว “มติชน” ยังได้สอบกรณีดังกล่าวไปยัง นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ว่าอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่ง นายไตรรัตน์ ตอบว่า ด้วยทั้ง 2 กฎ Must Have และ Must Carry ทำให้เกิดปัญหาพอสมควร เพราะอย่าง Must Carry เวลาเจ้าของลิขสิทธิ์ขาย ก็ขายแยกแพลตฟอร์ม ถ้านำไปถ่ายในแพลตฟอร์มอื่นจะโดนปรับได้ ทำให้ภาคเอกชนเองไม่กล้าลงทุน ดังนั้นคงจะต้องปรับแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทำงานกันง่ายขึ้น ซึ่งคงจะมีการพูดคุยกันหลังจบฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะจะมาให้ กสทช. เป็นผู้ออกเงินทุกครั้งคงไม่ได้

รักษาการเลขา กสทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วก็มองว่าควรทำให้เหมือนต่างประเทศคือ ประชาชนต้องเสียเงินดูบางคู่เองบ้าง แต่ด้วยความที่คนไทยเป็นคนโอบอ้อมอารี หน่วยงานภาครัฐเองก็อยากให้คนไทยได้รับชมกัน จึงอยากทำออกมาให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ถ้าระเบียบที่ กสทช. ออกมามีปัญหา ก็คงต้องแก้ให้มันเหมาะสม ให้เอกชนสามารถเข้ามาลงทุน และไปหากำไรด้านอื่นๆ มาทดแทนได้ จะทำให้มีคนกล้าลงทุน และเชื่อว่ามีคนอยากลงทุนกันเยอะ

“การได้ดูฟรีมันดีที่สุด ก็อยากให้ได้ดูฟรีกัน แต่ก็คงต้องปรับกฎให้เอกชนสามารถเข้ามาลงทุนได้ก่อน ส่วนรัฐจะมาช่วยสนับสนุนให้ประชาชนได้ดูฟรี ก็ค่อยมาว่ากันต่อไป” นายไตรรัตน์กล่าวปิดท้าย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image