เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ปริศนาโบราณคดี : ‘หลวงพ่อเพชร’ หรือแท้จริงคือ ‘พระสิงห์ 1 ล้านนา’? (2)

23.05.2021

 

‘หลวงพ่อเพชร’

หรือแท้จริงคือ ‘พระสิงห์ 1 ล้านนา’? (2)

 

หลังจากที่เรื่องราวของหลวงพ่อเพชร 2 องค์ (อุตรดิตถ์และพิจิตร) ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในตอนแรกแล้วนั้น

มีผู้อ่านหลายท่านให้ความสนใจ ส่งข้อมูลมาแลกเปลี่ยนความเห็นกับดิฉันเป็นจำนวนมาก

ทำให้ฉบับนี้จำเป็นต้องย้อนกลับไปทบทวนเรื่องประวัติความเป็นมา การกำหนดอายุ ฝีมือช่าง ของหลวงพ่อเพชรกันอย่างจริงจังอีกครั้ง

 

เมืองลับแลกับวัฒนธรรมล้านนา

ตอนที่แล้วดิฉันได้กล่าวว่า “หลวงพ่อเพ็ชร์” ของอุตรดิตถ์นั้น ตามประวัติระบุว่าไม่มีการโยกย้ายมาจากล้านนาแต่อย่างใด นักวิชาการจึงสรุปว่า ถ้าเช่นนั้นหลวงพ่อเพ็ชร์ก็คงสร้างขึ้นในอุตรดิตถ์นี่เอง จัดเป็นพุทธศิลป์แบบ “ล้านนาสิงห์ 1” ที่ใช้ช่างฝีมือชาวสุโขทัยสร้าง เนื่องจากจุดเกิดเหตุนั้นอยู่ในบริเวณอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเขตวัฒนธรรมสุโขทัยไม่ใช่เขตอิทธิพลล้านนา

ประเด็นนี้ได้มีผู้รู้ด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอุตรดิตถ์ส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ สรุปใจความได้ว่า

หลวงพ่อเพ็ชร์ตามที่หนังสือเขียนว่าพระภิกษุด้วงพบครั้งแรกในจอมปลวกแถวป่าสะแกหรือไผ่ล้อมนั้น เป็นแค่คำให้การของท่านตอนถูก ‘เจ้าเมืองคง’ นิมนต์ตัวมาไต่สวนหาข้อเท็จจริง หลังจากที่มีชาวบ้านร้องเรียนว่าท่าน “ลักลอบขุดพระ” แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อด้วงงมพระพุทธรูปได้จากลำน้ำพร่อง ซึ่งไหลมาจากเมืองลับแล ดังนั้น พระปฏิมาหลวงพ่อเพ็ชร์ แท้ก็คือพระสิงห์ 1 ล้านนาที่สร้างขึ้นในเมืองลับแลนั่นเอง

เมืองลับแลในอดีตเป็นเขตวัฒนธรรมล้านนามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราชหรือก่อนหน้านั้นแล้ว โดยที่เมืองลับแลมีวัดแห่งหนึ่งชื่อ ‘วัดดอนสัก’ ปัจจุบันมีมณฑปโขงพระเจ้างดงามมากเหมือนทางล้านนา พระประธานหายไป ปัจจุบันต้องสร้างพระแบบสิงห์ 1 องค์ใหม่ขึ้นประดิษฐานแทน

ตอนนี้แวดวงปราชญ์ท้องถิ่นในอุตรดิตถ์เชื่อกันว่า โขงพระเจ้าวัดดอนสัก น่าจะเคยรองรับพระพุทธปฏิมาองค์งาม (หลวงพ่อเพ็ชร์) มาก่อน

ฉบับนี้ดิฉันได้นำภาพประกอบของโขงพระเจ้าวัดดอนสักมาให้ชมกัน ซึ่งหาดูได้ยากเพราะวัดเปิดให้ชมวิหารปีละ 2 ครั้งเท่านั้น

ปัญหามีอยู่ว่า หากหลวงพ่อเพ็ชร์สร้างขึ้นในเมืองลับแลจริง นักวิชาการจะฟันธงใหม่ว่าเป็นพระล้านนาสิงห์ 1 ไปเลยไหม หรือยังยืนยันว่าเป็นศิลปะสุโขทัยที่สร้างเลียนแบบล้านนาอยู่?

ประเด็นนี้จะหวนกลับมาวิเคราะห์กันอีกครั้ง หลังจากที่ดิฉันได้กล่าวถึงนิยามและความหมายของคำว่า “พระล้านนาสิงห์ 1” แล้ว

 

หลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตร

ต้องเก่ากว่าสมัยพระนเรศวร

กรณีของหลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรซึ่งอัญเชิญมาจากวัดพระธาตุศรีจอมทองก็เช่นกัน เต็มไปด้วยความคลุมเครือด้านประวัติการสร้าง

หนังสือตำนานเมืองจอมทองระบุอายุไว้ว่าเก่าถึงช่วง พ.ศ.1660-1800 ตรงกับสมัยหริภุญไชยเลยทีเดียว

ครั้นเมื่อพิจารณาจากเนื้อโลหะและพุทธศิลป์แล้ว พบว่าไม่ได้เก่าถึงยุคนั้น

ดิฉันจึงยึดตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลปะระดับนานาชาติ ท่านศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ที่กำหนดอายุไว้ว่าน่าจะสร้างราวกลางพุทธศตวรรษที่ 22

นั่นก็จะตรงกับสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ส่วนกษัตริย์ที่ปกครองล้านนาเป็นชาวพม่ามีชื่อว่าพระเจ้ามังทรา (นรธาเมงสอ โอรสของพระเจ้าบุเรงนอง)

หลังจากที่ได้นำเสนอเรื่องนี้ไปแล้วก็มีผู้ทักท้วงว่า หลวงพ่อเพชรน่าจะสร้างก่อนหน้านั้น เพราะอย่างน้อยวิหารวัดพระธาตุศรีจอมทองก็มีมาแล้วตั้งแต่สมัยพระเมืองแก้ว (ครองราชย์ 2038-2068) เมื่อมีวิหารก็ควรสร้างพระประธานขึ้นพร้อมกัน หรือดีไม่ดีพระประธานอาจมาก่อนก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะย้ายมาจากที่อื่น

ทำให้ดิฉันต้องทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับ “หลวงพ่อเพชร” ในตำนานวัดพระธาตุศรีจอมทองอย่างละเอียดอีกครั้ง

คราวนี้พอจะพบ “จิ๊กซอว์บางตัว” แบบอ้อมๆ คือไม่ได้กล่าวถึงประวัติของหลวงพ่อเพชรโดยตรงเสียทีเดียว

นั่นคือข้อความในหน้าที่ 22 จากหนังสือ “ตำนานวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ไม่ระบุปีที่พิมพ์ และไม่ระบุชื่อผู้รวบรวมเรียบเรียงข้อมูล เข้าใจว่าเป็นการคัดลอกต่อๆ กันมาจากการปริวรรตคัมภีร์ใบลานของวัด

ข้อความนี้กล่าวถึงการที่เทวดาส่ง “ตาปะขาว” มาบอก “พระธมฺมปญฺโญเถระ” เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองสมัยนั้น ในนิมิตฝันให้ทราบว่าวัดแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุ สถิตอยู่ในถ้ำใต้พื้นดอยจอมทอง พระธมฺมปญฺโญเถระจึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระบรมสารีริกธาตุได้เสด็จออกมา

“ครั้นอธิษฐานแล้วล่วงมาถึงปีจุลศักราช 863 (ควรจะตรงกับ พ.ศ.2044 ตามสูตรการคำนวณนั้นปกติให้เอา 1181 ไปบวก จ.ศ. จะเท่ากับอายุของ พ.ศ. แต่ในหนังสือเล่มนี้เขียนว่าตรงกับ พ.ศ.2042 จึงขอหมายเหตุไว้) เดือน 4 ขึ้น 14 ค่ำ (เดือน 6 เหนือ) เวลากลางคืนพระบรมธาตุเจ้าองค์ประเสริฐก็เสด็จออกจากพระสถูปทองคำอันตั้งอยู่ในคูหาพื้นจอมทอง แสดงปาฏิหาริย์เป็นมหัศจรรย์ต่างๆ ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย

และในวิหารนั้นมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งมีพระโมลีถอดได้หล่อด้วยทองสำริด

รุ่งขึ้นเช้าเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ คนทั้งหลายได้มาบูชาข้าวพระพุทธรูปเห็นประตูปราสาทเปิดไว้ จึงไปบอกแก่พระธมฺมปญฺโญเถระ ท่านไปตรวจดูในวิหารเห็นพระโมลีพระพุทธรูปถูกถอดออกจากพระเศียรวางไว้บนพระเพลา เห็นห่อผ้าทิพย์เล็กๆ วางอยู่ในรูพระโมลีธาตุแห่งพระพุทธรูปองค์นั้น จึงเอาไม้คีบออกมาแล้วแก้ห่อออกดู ก็เห็นพระบรมธาตุนั้นบรรจุในโกศงา…”

คำว่า “พระพุทธรูปในวิหาร” ที่ปรากฏในเหตุการณ์สำคัญอันเกี่ยวเนื่องกับพระธาตุเสด็จนี้ ควรตั้งคำถามต่อไปว่า หมายถึงหลวงพ่อเพชรองค์ที่ปัจจุบันย้ายไปอยู่จังหวัดพิจิตรหรือไม่

หากใช่ แสดงว่าหลวงพ่อเพชรต้องสร้างมาก่อน พ.ศ.2044

ครั้นเมื่ออ่านย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดพระธาตุศรีจอมทองอีกหน้าหนึ่ง พบว่าก่อนจะมาเป็นวัดหลวงที่ได้รับการอุปถัมภ์โดยกษัตริย์ล้านนา วัดนี้สร้างโดยชาวบ้านสองผัวเมียชื่อนายสร้อยกับนางเม็ง ตั้งแต่ พ.ศ.1995 และได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากพระภิกษุรูปต่างๆ เรื่อยมา

กระทั่งถึงสมัยของพระธมฺมปญฺโญเถระ ระบุว่า พ.ศ.2022 (ก่อนพระธาตุแสดงปาฏิหาริย์ 22 ปี) เมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้

“ได้ชวนชาวบ้านพากันไปรื้อเอาวิหารกับทั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อ (ก่อ-ปั้น) ด้วยปูนจากวัดย่าแต้ม (เชิงอรรถอธิบายเพิ่มว่า บางฉบับเขียนวัดท่าแย้ม) ซึ่งอยู่ข้างแม่น้ำกาละ (เชิงอรรถว่าหมายถึงน้ำแม่กลาง) มาไว้ในวัดศรีจอมทองใน พ.ศ.2022”

คำว่า “พระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อ” พร้อมวงเล็บ “ก่อ-ปั้น” นี้ น่าจะหมายความว่า ยุคแรกสร้างพระพุทธรูปใช้วัสดุปูนปั้น แล้วต่อมาหล่อสำริดครอบ

ดิฉันเคยลงพื้นที่สำรวจวัดร้างหลายแห่งแถว “เมืองกลาง” ในเขตอำเภอจอมทอง ใกล้กับวัดพระพุทธบาทหัวเสือ เคยเป็นที่ตั้งของวัดย่าแต้มหรือวัดท่าแย้ม แต่ปัจจุบันน้ำแม่กลางเปลี่ยนเส้นทางเดินไปแล้ว พบว่าบริเวณนั้นมีร่องรอยหลักฐานอารยธรรมที่เก่าแก่ถึงยุคหริภุญไชยมากพอสมควร

เหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านจอมทองบางท่านเชื่อว่าองค์พระปฏิมาด้านในของหลวงพ่อเพชรน่าจะเก่าถึงพุทธศตวรรษที่ 17-18

 

หลวงพ่อเพชรองค์พี่

แห่งเมืองกำแพงเพชร

ดิฉันลงพื้นที่วัดพระธาตุศรีจอมทองล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้พบ “หลวงพ่อเพชรจำลององค์พี่” (คือองค์ในภาพประกอบ) ทางวัดเล่าว่า เพิ่งทราบข้อมูลใหม่ได้ไม่กี่ปีมานี้เอง ว่าแม่ทัพอยุธยาครั้งอดีต นอกจากจะนำหลวงพ่อเพชรองค์หนึ่งไปไว้ที่พิจิตรแล้ว ยังมีการย้ายหลวงพ่อเพชรอีกองค์หนึ่งจากวัดพระธาตุศรีจอมทองไปไว้ที่กำแพงเพชรอีกด้วย

กล่าวคือ นำ “หลวงพ่อเพชร” ไปพร้อมกันถึงสององค์ องค์หนึ่งใหญ่กว่าเล็กน้อยจึงเรียกองค์พี่ ปัจจุบันประดิษฐานที่กำแพงเพชร อีกองค์เป็นที่รู้จักกันดีอยู่ที่พิจิตร แต่องค์เล็กกว่าจึงเรียกองค์น้อง

หลายท่านอาจสงสัยว่า หลวงพ่อเพชรองค์พี่นี้มาจากไหนอีกเล่า ทำไมไม่ค่อยเคยได้ยินกันมาก่อน และรู้ได้อย่างไรว่าพระพุทธปฏิมาองค์นั่งขัดสมาธิเพชรที่กำแพงเพชรย้ายมาจากจอมทอง?

เรื่องนี้ปรากฏหลักฐานอยู่ในประวัติของหลวงพ่อเพชรวัดบางเมืองกำแพงเพชรว่า ช่วงที่พระยาพิจิตรขอให้แม่ทัพอยุธยาที่จะไปตีจอมทอง ช่วยเอาพระพุทธปฏิมาจากเมืองเหนือมาฝากให้ด้วย ปรากฏว่าแม่ทัพนายนั้นได้ชะลอพระพุทธปฏิมาจากจอมทองลงมาถึง 2 องค์ นำมาไว้ที่วัดตอหม้อ (ปัจจุบันไม่มีแล้ว) เมืองกำแพงเพชร

แล้วแจ้งให้เจ้าเมืองพิจิตรขึ้นมารับเอง 1 องค์ การขนย้ายพระพุทธรูปขนาดใหญ่จากลำน้ำปิงสู่ลำน้ำน่านในอดีตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อาจเป็นเหตุให้พระยาพิจิตรจึงเลือกเอาองค์เล็กไป (หน้าตักองค์เล็กกว้าง 2 ศอกเศษ ส่วนองค์พี่กว้างกว่าอีกเล็กน้อย) ดังนั้น หลวงพ่อเพชรองค์พี่จึงประดิษฐานอยู่ที่เมืองกำแพงเพชรตราบแต่นั้นมา

ประวัติหน้านี้ไม่ปรากฏในตำนานหลวงพ่อเพชรของเมืองพิจิตร ซึ่งระบุแค่ว่า พระยาพิจิตรขึ้นมาอัญเชิญหลวงพ่อเพชรจากกำแพงเพชรไปไว้พิจิตรด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้บอกว่าแม่ทัพนายนั้นได้นำหลวงพ่อเพชรมาไว้ที่กำแพงเพชรถึงสององค์

ที่น่าสนใจคือ ประวัติเรื่องหลวงพ่อเพชรของเมืองกำแพงเพชรนี้ มีการระบุยุคสมัยของเหตุการณ์และชื่อแม่ทัพอีกด้วย นั่นคือตรงกับสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (2034-2072) โอรสของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ส่วนแม่ทัพที่ถูกส่งขึ้นมาปราบจอมทองนั้นคือ “ขุนแผน”

พระพรหมมงคล (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง (มรณภาพไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว) ได้สั่งให้ศิษยานุศิษย์ไปทำการจำลองหลวงพ่อเพชรองค์พี่จากกำแพงเพชรเท่าขนาดจริง ทำพิธีแห่อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนวิหารวัดพระธาตุศรีจอมทอง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561

ปริศนาจึงมีอยู่ว่า ในเมื่อวัดพระธาตุศรีจอมทองมี “หลวงพ่อเพชร” องค์ใหญ่ที่สวยงามยิ่งถึง 2 องค์ ควรจะเป็นองค์ไหนเล่า ที่เคยมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศโมลี?

และองค์ไหนเล่า คือองค์ที่ย้ายมาจากวัดย่าแต้ม แล้วถูกซ่อมบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.2022 โดยพระธมฺมปญฺโญเถระ โดยองค์ด้านในอาจเป็นศิลปะยุคหริภุญไชย

การที่อาจารย์พิริยะกำหนดอายุให้หลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรมีอายุรุ่นหลังมาก เนื่องจากพุทธลักษณะดูเป็นศิลปะล้านนาตอนปลายอย่างมากแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเคยมีการบูรณะหลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรครั้งใหญ่ ทำให้รูปแบบศิลปะเปลี่ยนไป จนดูไม่เก่าเท่าที่ควรจะเป็น

ปริศนาทั้งหมดนี้ ดิฉันคิดว่าท้าทายและน่าสนใจมาก

เนื่องจากเท่าที่ผ่านมา เวลาเราพูดถึงหลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรนั้น เรามักพูดกันสั้นๆ เพียงแค่ว่าได้มาจากวัดพระธาตุศรีจอมทอง แต่ยังไม่เคยมีการสืบค้นกันให้ถึงที่สุดว่า จะใช่องค์เดียวกันกับที่ถูกระบุไว้ในตำนานว่า ครั้งหนึ่งเคยรองรับพระธาตุเสด็จในเกศโมลีหรือไม่

นอกจากนี้แล้วยังพบว่า ที่จอมทองยังเคยมีหลวงพ่อเพชรถึงสององค์อีกด้วย

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด