เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

คุยกับทูต ตีแยรี มาตู นักการทูตอาชีพ และผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียจากฝรั่งเศส (ตอนจบ)

19.07.2021

 

คุยกับทูต ตีแยรี มาตู

นักการทูตอาชีพ

และผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียจากฝรั่งเศส (ตอนจบ)

 

เรื่องของแรงบันดาลใจที่ทำให้ท่านทูตเป็นนักวิชาการด้านหิมาลัยศึกษา และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศภูฏาน รวมถึงสถาบันกษัตริย์ และความสัมพันธ์กับประเพณีทางพระพุทธศาสนาในประเทศดังกล่าว

นายตีแยรี มาตู (H.E. Mr. Thierry Mathou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

นายตีแยรี มาตู (H.E. Mr. Thierry Mathou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย มีคำตอบ

“เนื่องจากผมให้ความสนใจเป็นอย่างมากในด้านสัญลักษณ์แห่งชนชาติ (contact zones) ที่ซึ่งวัฒนธรรมหลากหลายมาบรรจบกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภูมิภาคหิมาลัยที่โลกของจีนและโลกของอินเดียมาพบกัน และมีการพัฒนาวัฒนธรรมและสังคมที่มีลักษณะเฉพาะขึ้นมา และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับประเทศภูฏานที่ศาสนาพุทธนิกายมหายานได้สร้างเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนที่ใด”

“ในภูฏาน พุทธศาสนาเป็นมากกว่าศาสนา โดยเป็นปรัชญาแห่งชีวิต ซึ่งนำเสนอวิสัยทัศน์แบบองค์รวมของสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่มีลักษณะเฉพาะ ดินแดนซึ่งมีการบัญญัติแนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติ (GNH)”

หนังสือชื่อ “พระมหากษัตริย์โพธิสัตว์ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก แห่งภูฏาน” (THE BODHISATTVA KING His Majesty Jigme Singye Wangchuck of BHUTAN) ซึ่งนายตีแยรี มาตู เป็นผู้เขียน

เป็นการวางแนวทางการขับเคลื่อนพัฒนาภายใต้กรอบการสร้าง “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” หรือ GNH (Gross National Happiness) ตามพระราชปณิธานของอดีตพระราชาธิบดี จิกมี ซิงเย วังชุก พระราชาธิบดีลำดับที่ 4 แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างความสุขให้ประชาชนภายในประเทศมากกว่าสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 ผ่านคำกล่าวที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่า “Gross National Happiness is more important than Gross National Product”

“ด้วยเหตุนี้ แนวทางที่ภูฏานได้ผสมผสานประเพณีดั้งเดิมกับความทันสมัยเข้าด้วยกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ”

สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับนายตีแยรี มาตู และภริยา

“ปัจจุบัน ผมกำลังเขียนนิยายเกี่ยวกับครอบครัวที่มีชื่อเสียงจากภูฏาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศและของเทือกเขาหิมาลัยตะวันออก”

“นอกจากมีอาชีพเป็นนักการทูตแล้ว ผมยังเป็นนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านหิมาลัยศึกษา ดังนั้น เวลาว่างส่วนใหญ่ของผมในตอนกลางคืน ผมจึงใช้ไปกับการอ่านหรือการเขียน ผมอุทิศเวลาว่างให้กับการเขียนหนังสือและบทความเกี่ยวกับประเทศภูฏานเป็นหลัก”

หนังสือชื่อ “ภูฏาน ราชอาณาจักรแห่งความสุขมวลรวมประชาชาติ ระหว่างความเชื่อปรัมปรากับความเป็นจริง” (Le Bhoutan Royaume du Bonheur National Brut Entre mythe et réalité) ซึ่งนายตีแยรี มาตู เป็นผู้เขียน

“หนังสือเล่มล่าสุดของผมเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติของภูฏาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก โครงการภาคสนามครั้งสุดท้ายที่ผมได้ดำเนินการภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ และด้วยการสนับสนุนของคณะสงฆ์ ก่อตั้งขึ้นเพื่อบันทึก อนุรักษ์ และฟื้นฟูประเพณี “ทาชิโกมัง” (Tashi Gomang) ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดเล็กที่สามารถแบกไปได้ตามที่ต่างๆ ซึ่งใช้ในภูฏานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เพื่อเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาแก่มวลชน”

ท่านทูตระหว่างอยู่ที่ประเทศภูฏาน หลังเดินเท้าเป็นเวลา 2 วัน เพื่อนำทาชิโกมัง (Tashigomang) หรือแท่นบูชาเคลื่อนที่ขนาดเล็กตามความเชื่อของชาวพุทธภูฏาน ไปยังสถานที่บูรณะซ่อมแซม

“ทาชิโกมัง” จักรวาลย่อส่วน ตามความเชื่อของชาวภูฏาน เป็นวิหารไม้เคลื่อนที่ที่ “ลัมมานิป” แบกไปตามที่ต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อโลกของวัดกับชุมชนเข้าด้วยกัน

“ลัมมานิป” เป็นชายลักษณะครึ่งพระครึ่งฆราวาสผู้แบกวิหารไม้เคลื่อนที่ ออกตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจชีวิต เข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยหลักมนตราแห่งความเมตตากรุณา

“โดยพื้นฐานแล้ว ผมมีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องความสัมพันธ์กันของพุทธศาสนาในฐานะกรอบทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ ดังนั้น ผมจึงรู้สึกสบายใจที่ได้มาอยู่ที่เมืองไทย เพราะมีแนวคิดเหล่านี้อยู่มากในสังคมไทย”

ภายในวัดแห่งหนึ่งในประเทศภูฏาน

 

โดยปกติ ทุกๆ วันที่ 14 กรกฎาคม จะมีการฉลองวันชาติฝรั่งเศส หรือวันบัสตีย์ (La fête nationale française หรือ La fête nationale du 14 juillet)

แต่การเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งไม่ใช่แค่วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขของโลกเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคมครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์

ดังนั้น การจัดฉลองวันบัสตีย์ในปีนี้ของสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสที่กรุงเทพฯ เป็นอย่างไร

ท่านทูตมาตูตอบว่า

“เรากำลังคิดถึงการเฉลิมฉลองทางออนไลน์โดยทั่วไป เนื่องด้วยการระบาดและสถานการณ์โควิด-19 แต่นอกเหนือจากนั้น เรากำลังเตรียมการกับเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูต เพื่อเดินสายทำงานนอกกรุงเทพฯ โดยหวังว่าจะสามารถเดินทางไปยังบางจังหวัดและใช้โอกาสนั้นในช่วงวันชาติฝรั่งเศส แสดงคุณค่าของสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และภราดรภาพ”

“ในช่วงเวลาเช่นนี้ที่ทุกคนกำลังประสบความทุกข์อย่างสาหัสจากสถานการณ์โรคระบาดและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เราจึงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และสร้างตัวอย่างให้เยาวชนเห็นว่าเราต้องการให้โลกในวันพรุ่งนี้ โลกหลังโควิด-19 เป็นอย่างไร”

 

เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปฏิบัติงาน

“สำหรับผม คือช่วงเวลาที่ได้ใช้นอกห้องทำงาน เมื่อออกภาคสนามไปพบปะผู้คนและได้ดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมได้ทำอยู่เสมอในระหว่างที่อยู่ในประเทศเมียนมา และผมก็หวังว่าจะได้ทำเช่นนั้นบ่อยๆ เช่นเดียวกันในประเทศไทย”

ตอนท้ายของบทสนทนา ท่านทูตฝรั่งเศสให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า

“ผมขอฝากข้อความอันเรียบง่าย นั่นคือ ความศรัทธา ขอให้เรามีความศรัทธาในอนาคต ศรัทธาในความสามารถยืดหยุ่นปรับตัวของส่วนรวมที่จะเอาชนะวิกฤตในปัจจุบัน ศรัทธาว่าเราทุกคนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ได้ด้วยการเจรจา และความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้วยความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจต่อกัน ทุกคนต้องลงมือทำและทุกประเทศสามารถมีส่วนร่วมได้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์นับว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเช่นกัน”

“ฝรั่งเศสและไทยเป็นประเทศที่คล้ายคลึงกันมาก มีขนาดของพื้นที่ และจำนวนประชากรที่แทบจะเหมือนกัน เป็นประเทศท่องเที่ยว เปิดรับโลกภายนอกและความคิดใหม่ๆ แต่ก็หวงแหนเอกราชเหมือนกัน เราสามารถสร้างแบบอย่างได้ด้วยการเพิ่มพูนความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ”

“เราสามารถระดมความคิดใหม่ๆ สำหรับโลกหลังโควิด ประเทศของเราทั้งสองมีสิ่งที่เหมือนกันมากมาย มาร่วมกันเตรียมอนาคตด้วยกัน และยกระดับมิตรภาพและความร่วมมือให้สูงขึ้นกว่าเดิม”

 

ประวัติ

นายตีแยรี มาตู

นายตีแยรี มาตู เป็นนักการทูตอาชีพ และผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชีย มีประสบการณ์การทำงานในทวีปนี้มานานกว่า 20 ปี เคยดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ฝรั่งเศส ณ นครเซี่ยงไฮ้ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศเมียนมา และเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศฟิลิปปินส์ ตามลำดับ

ต่อมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชีย-โอเชียเนีย กระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศฝรั่งเศส (ค.ศ.2017-2020) จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

นายตีแยรีประกอบอาชีพนักวิชาการด้านหิมาลัยศึกษาควบคู่กับอาชีพนักการทูต

นายตีแยรี มาตู เริ่มต้นการทำงาน ณ กรุงวอชิงตัน (ค.ศ.1989-1993) ก่อนได้รับแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ กรุงปักกิ่ง สองครั้ง (ค.ศ.1993-1996 และ ค.ศ.1999-2004)

เคยปฏิบัติหน้าที่หลายตำแหน่งในกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศฝรั่งเศส ณ กรุงปารีส อาทิ ได้รับมอบหมายจากกรมความร่วมมือยุโรปให้เป็นผู้ติดตามนโยบายการค้าและความสัมพันธ์ของสหภาพยุโรปกับเอเชีย-โอเชียเนีย (ค.ศ.1996-1999)

จากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิบดีกรมกิจการเศรษฐกิจและการคลังระหว่างประเทศ (ค.ศ.2004-2006)

ก่อนกลับไปประจำการอีกครั้งในเอเชียในตำแหน่งกงสุลใหญ่ฝรั่งเศส ณ นครเซี่ยงไฮ้ (ค.ศ.2006-2010) ซึ่งเป็นช่วงที่ได้ประสานงานการมีส่วนร่วมของฝรั่งเศสในงานมหกรรมโลก World Expo 2010

ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศเมียนมา (ค.ศ.2011-2015) และเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศฟิลิปปินส์ (ค.ศ.2015-2017) ควบคู่กับตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้มิได้มีถิ่นพำนักประจำสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ สหพันธรัฐไมโครนีเซีย และสาธารณรัฐปาเลา โดยมีถิ่นพำนักอยู่ที่กรุงมะนิลา

ในปี ค.ศ.2017 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชีย-โอเชียเนีย (ค.ศ.2017-2020) กระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศฝรั่งเศส

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ผลักดันข้อริเริ่มหลายด้าน อาทิ การเปิดตัวยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของฝรั่งเศส และการแสดงความประสงค์ของฝรั่งเศสเพื่อขอรับสถานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน จนกระทั่งเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2020

นายตีแยรี มาตู เป็นนักวิจัยประจำหน่วยวิจัย Centre d’études himalayennes (UPR 299) ของสถาบัน Centre national de la recherche scientifique (CNRS) ตั้งแต่ ค.ศ.1989 มีความเชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาการเมืองและด้านภูมิรัฐศาสตร์ในดินแดนหิมาลัย มีความสนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดีย และเรื่องมิติยุทธศาสตร์ของแนวโค้งเทือกเขาหิมาลัย โดยทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประเทศภูฏานเป็นหลัก

การศึกษา สำเร็จการศึกษาจากสถาบัน EDHEC (ค.ศ.1985) จากสถาบัน Manchester Business School (ค.ศ.1985) และจากสถาบัน Institut d’Etudes Politiques de Paris (ค.ศ.1988) ในระดับปริญญาเอก สาขารัฐศาสตร์ และสาขาเอเชียศึกษา

ด้านภาษา สามารถพูดภาษาของประเทศในเอเชียได้หลายภาษาอย่างคล่องแคล่ว รวมถึงภาษาจีน

นายตีแยรี มาตู เกิด ค.ศ.1963 สมรสกับนางเซซีล มาตู มีบุตร 3 คน คือ อาแล็กซ็องดรา (เกิด ค.ศ.1991) ฟร็องซัว (เกิด ค.ศ.1995) และชาร์ล (เกิด ค.ศ.1997)

นายตีแยรี มาตู ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ชั้นอัศวิน

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด