เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ตำนานสื่ออันตราย | วงค์ ตาวัน

27.05.2023

การใช้เครื่องมือสื่อสารของรัฐ เพื่อบิดเบือนความจริง ใส่ร้ายป้ายสีคนคิดต่าง หรือยุยงให้เกิดความคลุ้มคลั่งถึงขั้นให้ประชาชนฆ่ากันได้ ทำกันมาทุกยุคทุกสมัย แต่ที่หนักหนาสาหัส คือ การมีส่วนปลุกปั่นจนเกิดการฆ่าหมู่กลางเมือง 6 ตุลาคม 2519 โดยสถานีวิทยุยานเกราะ และเครือข่ายวิทยุทหารทั้งหมด รวมถึงหนังสือพิมพ์ขวาจัดดาวสยาม

เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่รัฐบาลทหาร รสช. ใช้กำลังทหารพร้อมกระสุนจริงปราบปรามผู้ชุมนุมจนเลือดนอง มีบทสรุปของคณะกรรมการสอบสวนค้นหาความจริงในยุครัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน ประการหนึ่งว่า การควบคุมข่าวสารของรัฐบาล และการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่กดดันให้ประชาชนต้องออกจากบ้าน มาร่วมการชุมนุมประท้วงจำนวนมาก และเมื่อรัฐใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม จึงนำมาสู่ความสูญเสียมากมาย

จึงมีมติให้มีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เพื่อเป็นสื่ออิสระ ปลอดพ้นจากการควบคุมแทรกแซงโดยรัฐ เป็นช่องทางหนึ่งเพื่อลดความอึดอัดของสังคม จนต้องลงถนนประท้วง เพียงแต่สุดท้ายไอทีวีก็ประสบปัญหาจนต้องรื้อกันใหม่อีกรอบ กลายเป็นไทยพีบีเอสในปัจจุบัน ที่ยังไม่อิสระแท้จริง

ในกรณี 6 ตุลาคม 2519 และพฤษภาคม 2535 ประเด็นสื่อเครื่องมือของฝ่ายรัฐ ถือเป็นส่วนสำคัญที่นำมาสู่การเข่นฆ่าผู้คนกลางเมือง!

6 ตุลาคม คือ หนังสือพิมพ์ดาวสยาม บิดเบือนภาพการแสดงละคร เพื่อปลุกปั่นให้คนเกลียดชังนักศึกษา ใส่ร้ายว่าล้อเลียนเบื้องสูง จากนั้นก็ใช้วิทยุยานเกราะและเครือข่าย ปลุกพลังมวลชนฝ่ายขวา มารวมตัวกันด้วยอาการโกรธแค้นจนขาดสติ เข้าร่วมกับกองกำลังรัฐ ใช้อาวุธเข่นฆ่านักศึกษาประชาชน นำร่างมากระทำทารุณสารพัด

แน่นอนว่า เมื่อเอ่ยถึงคำว่าสื่อที่ใช้บิดเบือนและปลุกปั่น ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ต้องนับว่า หนังสือพิมพ์ดาวสยาม และวิทยุยานเกราะ คือสัญลักษณ์สื่อเลวร้ายในการใช้เป็นเครื่องมือนำไปสู่การเข่นฆ่าคนคิดต่าง

จนมาในยุคหลังๆ เมื่อเกิดการใช้สื่อเพื่อปลุกระดมสร้างความเกลียดชังอย่างไม่มีเหตุผล มักเรียกกันว่า เป็นดาวสยามยุคใหม่ เป็นยานเกราะกลับมาเกิด

ดาวสยามและยานเกราะ คือสัญลักษณ์ของสื่ออันตรายในทางการเมืองไปในที่สุด!

 

ในยุคปี 2516-2519 ช่วงการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของขบวนการนักศึกษาประชาชน นำโดยศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย โดยหลังจากได้รับชัยชนะโค่นล้มรัฐบาลทหารในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 จากนั้นขบวนการนักศึกษายังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ในทุกปัญหาสังคม รวมทั้งเพื่อสร้างประชาธิปไตย จนต้องเกิดการกวาดล้าง 6 ตุลาคม 2519 เพื่อหยุดยั้งขบวนการนี้ให้ได้

ในช่วงนั้น เป็นยุคที่การสื่อสารในสังคมยังไม่กว้างขวาง ไม่มีโทรศัพท์มือถือ โดยเครื่องมือของฝ่ายนักศึกษาคือ การติดโปสเตอร์ การแถลงข่าว และการชุมนุมปราศรัยใหญ่

ส่วนหนังสือพิมพ์ มีทั้งแนวกลางๆ และหนังสือพิมพ์ฝ่ายก้าวหน้า 2-3 ฉบับ โดยมีดาวสยามเป็นหัวหอกของหนังสือพิมพ์ฝ่ายขวาจัด

ยุคนั้นสถานีโทรทัศน์คึกคักแค่รายการบันเทิง ข่าวทีวีค่อนข้างจืดชืด ถึงช่วงเวลาข่าวตอนค่ำเมื่อไหร่ เป็นช่วงที่ชาวบ้านปิดทีวีพักเครื่องจริงๆ

*สถานีวิทยุเป็นสื่อที่มีบทบาทเข้าถึงทุกบ้าน ขณะที่วิทยุผูกขาดโดยรัฐ แถมวิทยุเครือข่ายกองทัพมีมากมายหลายร้อยสถานี*

ฝ่ายรัฐและฝ่ายขวา จึงมุ่งเน้นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อมาที่สถานีวิทยุ โดยมีการจัดตั้งชมรมวิทยุเสรี นำโดย พ.อ.อุทาร สนิทวงศ์ ใช้วิทยุยานเกราะเป็นแม่ข่าย มุ่งเน้นรายการโจมตีขบวนการนักศึกษาประชาชน ใส่ร้ายว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ประสานกับหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ที่ใช้หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวป้ายสีขบวนการนักศึกษาในทุกวัน

การบิดเบือนปลุกความคลุ้มคลั่งที่ร้ายแรงที่สุด คือ การตกแต่งภาพการแสดงละครที่ลานโพธิ์ของนักศึกษา แล้วตีพิมพ์บนหน้า 1 ของดาวสยามในวันรุ่งขึ้นว่า นักศึกษาแสดงละครล้อเลียนองค์รัชทายาท

ทั้งที่การแสดงละครดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณี 2 ช่างไฟฟ้านครปฐม ที่ออกติดโปสเตอร์ต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม หนึ่งในสามทรราช 14 ตุลาฯ แล้วถูกรุมทำร้าย สับกุญแจมือ เอาไปแขวนคอไว้ที่ประตูบานใหญ่สีแดง ทางเข้าที่ดินจัดสรร

เป็นเหตุการณ์ในปลายเดือนกันยายน 2519 ซึ่งขณะนั้นศูนย์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างการระดมให้ข้อมูลกับประชาชน ถึงเบื้องหลังการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม โดยวิธีบวชเณร เพื่อเอาศาสนาบังหน้า โดยยังไม่รีบร้อนชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่ เพราะประเมินว่า การอ้างเรื่องบวชกลับเข้ามา อาจทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งเห็นอกเห็นใจ

**ประกอบกับช่วงนั้นมีข่าวชัดเจนว่า รัฐและฝ่ายขวา เตรียมแผนเข่นฆ่ากวาดล้างใหญ่ เพื่อหวังกวาดล้างขบวนการนักศึกษาประชาชนให้หมดสิ้นไป**

โดยมีนายทหารใหญ่ในศูนย์อำนาจส่งสัญญาณให้ รวมทั้งการพูดจาของแกนนำฝ่ายขวาที่ว่า อาจจำเป็นต้องสูญเสียนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพื่อให้สังคมไทยสงบ ไปจนถึงการเทศน์ของพระขวาจัดที่ว่าการฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป

กรณี 2 ช่างไฟฟ้านครปฐม นายชุมพร ทุมไมย และนายวิชัย เกษศรีพงศา ถูกฆ่าจับแขวนคอที่ประตูแดง จึงนำมาสู่การแสดงละครที่ธรรมศาสตร์ เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ และเรียกร้องให้รัฐบาลจับกุมคนร้ายมาให้ได้

แต่กลับถูกบิดเบือนว่าเป็นการล้อเลียนหมิ่นเบื้องสูงโดยดาวสยาม ตามด้วยการปลุกระดมฝ่ายขวาของวิทยุยานเกราะ

จนกลายเป็น 6 ตุลาฯ ไปในที่สุด!

 

เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ครบรอบ 45 ปีในปีนี้ โดยมีการจัดงานรำลึกถึงวีรชนที่ถูกเข่นฆ่า ค้นหาความจริงของเหตุการณ์อำมหิตอย่างถึงที่สุด รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อบันทึกเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์ โดยประชาชนร่วมกันบันทึกเอง เนื่องจากรัฐพยายามกลบเกลื่อนเรื่องราว เพราะเป็นอาชญากรรมครั้งร้ายแรงที่ฝ่ายรัฐและฝ่ายขวากระทำขึ้น

เรื่องราวของ 2 ช่างไฟฟ้าและประตูแดง วัตถุพยานสำคัญของเหตุการณ์ ได้มีการเก็บรักษาเอาไว้ เพื่อนำมาจัดแสดงในทุกครั้งที่มีการรำลึกถึง 6 ตุลาฯ และในอนาคตจะเกิดพิพิธภัณฑ์การต่อสู้ของประชาชน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ศึกษา

เพราะไม่มีทางที่รัฐ จะยอมให้มีการบันทึกประวัติศาสตร์เหล่านี้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาคม 2516 หรือ 6 ตุลาคม 2519 หรือพฤษภาคม 2535 และพฤษภาคม 2553

จุดสำคัญคือ เพื่อให้วีรชนของประชาชน ไม่สูญหายชื่อเสียงเรียงนามไป รวมทั้งสังคมไทยจำเป็นต้องเรียนรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างจากการกระทำของรัฐในแต่ละยุค

ดังเช่น ในยุคนี้เมื่อคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม เคลื่อนไหวเป็นขบวนการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฝ่ายขวายุคใหม่หวาดผวา แต่ขาดความรู้ทางประวัติศาสตร์ จึงพยายามเรียกร้องให้เกิด 6 ตุลาฯ อีก เพื่อกวาดล้างเด็กสามนิ้วเหมือนปี 2519

โดยไม่รู้ว่าผลจากการเข่นฆ่า 6 ตุลาคม 2519 ได้ผลักให้นักศึกษาประชาชนหลายพันคน เข้าป่าจับปืน กลางเป็นสงครามที่แผ่กว้างรุนแรง ยิ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตทหารตำรวจชั้นผู้น้อย อีกทั้งสงครามที่พรรคคอมมิวนิสต์เป็นแกนนำ ได้ลุกลามถึงขั้นเกือบจะยึดเมืองได้อยู่แล้ว

สังคมไทยต้องตระหนักว่า ยิ่งรัฐใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน ไม่สามารถทำให้คนกลัวและยอมสยบ กลับกลายเป็นการตอบโต้ด้วยความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งนำมาซึ่งความสูญเสียของทุกฝ่าย

ขณะเดียวกัน ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมในกระบวนการเข่นฆ่าประชาชน ไม่ว่าจะเหตุการณ์ไหน ไม่ว่าจะบทบาทไหน คนเหล่านี้จะได้รับการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของประชาชน ประณามกันไปชั่วลูกชั่วหลาน

ขบวนการดาวสยาม ยานเกราะ ในยุคนั้น ก็ปรากฏชื่อพร้อมปูมประวัติด้านมืดเอาไว้ให้ได้รู้กัน

ที่ทำตัวเป็นดาวสยาม ยานเกราะยุคใหม่ จะได้เรียนรู้เอาไว้ว่าในวันข้างหน้าชื่อเสียงเรียงนามจะถูกกล่าวถึงเช่นไร!?!

 

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

จดหมาย
หมี่กระเฉด ซีฟู้ด
เดินตามดาว | ศรินทิรา
‘มิตซูบิชิ ไทรทัน’ MY2025 ปรับใหม่ดุดันขึ้น-เพิ่มออปชั่น
ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ลุกลาม ‘วงการกีฬา’ จับตาห้ามแข่ง ‘ซีเกมส์’
อสังหาฯ อย่าคาดหวังกำลังซื้อจีน
ยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 125 เมื่อ ‘โจทย์’ ยากเกินไป ก็ไม่สนุก
สะแกแสงและขางหัวหมู ไม้ยาหายาก
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568
ขอแสดงความนับถือ
“อนุทิน” นิ่งสงบหลังถอนตัวจากรัฐบาล ย้ำ “ภูมิใจไทย” ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง เตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ ขอให้บ้านเมืองสงบ
“ชัยวุฒิ”เผย เพื่อไทยพยายามชวนร่วมรัฐบาล แต่ พปชร.ไม่ร่วม ฝากพรรคร่วมฯ ถ้ายังกอดคอกันอยู่ จะจมน้ำตายกันหมด แนะ ถอนตัวตั้งรัฐบาลใหม่