
26 มกราคม มวลชนจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกันบริเวณสกายวอล์กด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน เพื่อส่งแรงสนับสนุนและกำลังใจไปยัง “ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” และ “แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์” สองนักกิจกรรมและผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่ตัดสินใจถอนประกันตนเอง และอดน้ำ-อาหารประท้วงกระบวนการยุติธรรม
หนึ่งในนั้นคือ “ธงชัย วินิจจะกูล” นักประวัติศาสตร์อาวุโส และอดีตนักกิจกรรมในยุคปลายทศวรรษ 2510
โอกาสนี้ อาจารย์ธงชัยได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวภาคสนามของมติชนทีวีในสามประเด็นสำคัญ ได้แก่ ปัญหาของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, การประเมินการต่อสู้ของ “ตะวันกับแบม”
และบทบาทน่าผิดหวังของพรรคการเมืองรวมถึงสื่อมวลชนกระแสหลัก
ปัญหาของ ม.112
“หลายคนพูดแล้วว่าคนที่ถูกกล่าวหาคดีอาญานี่ต้องถือว่าเขาบริสุทธิ์ งั้นเรื่องการไม่ให้ประกัน เรื่องการที่บอกว่าถอนประกันเพราะจะไปทำผิดซ้ำ คุณยังไม่ตัดสิน คุณบอกว่าทำผิดซ้ำได้ยังไง?
“แล้วล่าสุดกรณีที่ตะวันกับแบมเขาถอนประกันตัวเอง เขาประท้วง คืออันนี้อยากจะเตือนความจำของคนหลายคนที่ลืมๆ ไปแล้ว เขาประท้วงการที่สองคนก่อนหน้าเขา คือ ใบปอ (ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์) กับ เก็ท (โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง) โดนถอนประกัน เพราะมีการกระทำ ซึ่งไม่ใช่การกระทำความผิดซ้ำ แต่มันเป็นการกระทำที่ศาลให้ความเห็นว่ามันทำนองนั้น อันนี้ (กระบวนการยุติธรรม) ไม่มีสิทธิ์ ผิดทั้งหมด
“เอาล่ะ ต่อให้ผมจะเข้าข้างศาล ผมจะเข้าข้างได้กรณีเดียว ซึ่งประเด็นนี้คนไม่ค่อยพูดถึงกัน เป็นประเด็นที่เทคนิคสักหน่อยในทางกฎหมาย ผมก็ไม่ใช่นักกฎหมาย ผมคิดว่ายังมีคนพูดถึงประเด็นนี้ ก็คือ ประเด็นที่ว่ากรณี 112 มันอยู่ในหมวดความมั่นคงในราชอาณาจักร
“ถ้าเทียบกันง่ายๆ ความผิดอันนี้ถูกทำให้เปรียบเสมือนกับคุณไปวางระเบิดปล่อยไว้ในที่สาธารณะ จึงสามารถฟ้องใครก็ได้โดยที่ไม่ต้องมีผู้เสียหาย ถามหน่อยเถอะว่าการให้ความเห็น อย่างที่ไม่ได้คุกคาม ไม่ได้ก่อความเสียหายอะไร มันมีอันตรายเทียบเท่ากับการวางระเบิดในที่สาธารณะเชียวเหรอ? ถึงขนาดทำให้ใครๆ ก็ฟ้องกันได้ ถึงขนาดทำให้ต้องไม่ให้ประกัน
“หมายถึงว่า การที่บอกว่าหลักที่คุณเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่าผิด มันมีข้อยกเว้นในทางกฎหมาย ในกรณีทำนองอย่างที่ไปวางระเบิดในที่สาธารณะ หรือสงสัยว่าวางระเบิด
“นี่ผมเกือบจะยอมนะ ยอมให้ว่าศาลอาจจะคิดอย่างนั้น เพราะมันอยู่ในหมวดความมั่นคงในราชอาณาจักร (แต่) ขอถามหน่อยเถอะว่ามันเหมือนกันเหรอ? มันเหมือนกันก็ต่อเมื่อคนใช้กฎหมายอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ มันเหมือนกันก็ต่อเมื่อกฎหมายนี้ไปอยู่ในหมวดนั้นได้ยังไง? การบัญญัติกฎหมายนี้ก็ไม่ชอบมาพากล
“เพราะฉะนั้น ข้อเรียกร้องทั้งหลายที่ว่ามันไม่ยุติธรรม ต้องไปถึงจุดที่อาจารย์ปิยบุตร (แสงกนกกุล) เคยบอกว่า เอามันออกมาจากหมวดความมั่นคง อาจารย์วรเจตน์ (ภาคีรัตน์) เคยบอกว่า เอามันออกมาจากหมวดความมั่นคง หรือไปไกลกว่านั้น คือ ข้อหาหมิ่นประมาททั้งหมดไม่ควรเป็นข้อหาทางอาญา
“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องทางเทคนิค ซึ่งคนหลายๆ คนจำนวนมาก (ที่มาชุมนุม) เหล่านี้ไม่เข้าใจ ศาลทั้งหลายก็คงจะบอกตัวเองว่าพวกคุณต่างหากที่ไม่รู้เรื่องกฎหมาย เพราะมันอยู่ในหมวดความมั่นคง
“วันนี้ผมขอโต้แทนว่า แล้วการที่ (ม.112) มาอยู่ในหมวดความมั่นคง มีอันตรายเทียบเท่ากับการไปวางระเบิดในที่สาธารณะจริงหรือ? กฎหมายนี้อยู่ในหมวดนั้นจึงไม่เป็นธรรม ถ้าไม่อยากถอนออกจากการเป็นคดีอาญาทั้งหมด อย่างน้อยต้องออกมาจากหมวดความมั่นคง”
การต่อสู้ของ “ตะวันกับแบม”
“ผมอยากจะท้านะว่า ไปถามรายคนเลยว่ามีใครเห็นด้วย (กับการประท้วงอดน้ำ-อาหารของ “ตะวันและแบม”) แทบทั้งหมดจะบอกว่าเห็นด้วยไม่ลง เพราะถ้าทุกคนเห็นด้วยก็ต้องโดดลงไปทำ
“แต่คนที่ออกมาดูถูก ด้วยเหตุผลนี้ เช่นเหตุผลที่หนึ่งที่เขามักจะให้กัน ก็คือว่า ไม่เห็นเหรอว่าผลของเรื่องนี้มันทำไม่ได้ทันที ผมอยากจะถามกลับ คุณนึกว่าคุณฉลาดคนเดียวเหรอ? เด็กสองคนนี้ หรือใครๆ ในโลกก็เห็นว่ามันไม่ก่อผล ถ้าถามว่าไม่ก่อผล แล้วยังทำทำไม?
“ผมถามกลับว่า คุณนวมทอง ไพรวัลย์ สละตัวเองแล้วไง? เกิดรัฐประหารต่อมาไหม? ก็เกิด ใช่ไหม คุณนวมทองโง่มากสิ ดูถูกเขาไปเลย โง่มาก ตายแล้วยังอุตส่าห์ไม่ป้องกันการรัฐประหารอีก
“ถามว่าคุณสืบ นาคะเสถียร ฉลาดไหม? ฆ่าตัวตายแล้วสามารถหยุดการทำลายป่าได้ไหม? ไม่ได้ นอกจากหยุดไม่ได้แล้ว คนที่มีส่วนในการทำลายป่าคือผู้พิพากษาทั้งหลาย ที่ทำป่าดอยสุเทพ ป่าแหว่ง ถามว่าคุณสืบนี่โง่ฉิบหายเลยใช่ไหม?
“ขออนุญาตพูดกันอย่างแรงๆ หยาบๆ ไม่ เขาเห็น เขาฉลาดพอๆ กับนายแบก นางแบก และคนทั้งหลายที่ตั้งคำถาม แต่คนเหล่าที่คิดที่พูดมาด้วยเหตุผลนี้ว่าคุณไม่เห็นเหรอว่ามันไม่ได้ผล คุณต่างหากล่ะ คุณลองคิดดูหน่อย ถ้าหากเด็กพวกนี้คิดสั้น มองไม่เห็น ก็ถือว่าไม่ฉลาด
“แต่ถ้าหากเด็กเหล่านี้ คุณสืบ นาคะเสถียร คุณนวมทอง ไพรวัลย์ เขาคิด เขารู้ เขารู้มันไม่เกิดผลในเร็ววัน ทำไมเขายังจะทำอยู่ แปลว่าเขาคิดใหญ่มาก เขาคิดทั้งๆ ที่รู้ว่ามันอาจไม่ได้ผล
“แปลว่าอะไร? แปลว่าเขาคิดจะทำอย่างนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ตายนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจไม่เกิดผลขึ้นมาทันที คนแบบนี้ต่างหากใจใหญ่มาก ใจใหญ่จนผมไม่กล้า คุณไม่กล้า ใจใหญ่จนถึงคุณไปถามใครก็บอกเห็นด้วยไม่ลง เพราะเราใจใหญ่ไม่พอ
“ถามว่าคนใจใหญ่อย่างนี้น่ะเหรอ ที่พวกคุณควรจะดูถูก ผมขอตอบว่า ผมพอใจอย่างหนึ่งที่ไม่มีคนไปต่อล้อต่อเถียงกับคนใจเล็กขี้ปะติ๋วขนาดนั้น เพราะคนใจเล็กขี้ปะติ๋วคิดเล็กคิดน้อย จับผิดเล็กๆ น้อยๆ ไม่คู่ควรต้องไปถกเถียงด้วย
“ปล่อยให้เพ้อเจ้อไป อยู่ทีวีช่องไหน สักวันคนก็จะไม่ฟังพวกคุณ พวกคุณต่างหากล่ะควรจะหยุด ใจน้อย ปากน้อย หยุดพูดสักหน่อย แล้วไปนั่งคิดดูให้ดี
“คานธีเขาใจใหญ่แค่ไหน ถึงทำในสิ่งที่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตัวเองอาจจะล้มเหลว อาจจะตายฟรี สืบ นาคะเสถียร นวมทอง ไพรวัลย์ คนเหล่านี้เขาโง่ขนาดไม่รู้เหรอว่ามันไม่เกิดผลในทันที? เขาไม่โง่ เขารู้
“เพราะฉะนั้น คนที่ดูถูกพวกเขาเหล่านั้นต่างหาก ถ้าหากยังมีวิจารณญาณอยู่บ้าง หยุดพูดและกลับไปคิดให้ดีสักหน่อย ให้เวลาทบทวนความคิดตัวเองสักหน่อยว่า ตัวเองทำไมถึงใจเล็กขนาดนั้น? ทำไมถึงใจแคบขนาดนั้น?
“ถ้าอย่างนั้นจะตระหนักดีว่า เราที่มาในที่นี้ คงไม่มีใครบอกหรอกว่าเราเห็นด้วย แต่เอ็งไปตายก่อนนะ เราอาจจะบอกเราไม่เห็นด้วย เพราะเราทำไม่ลง เพราะเราใจไม่ใหญ่พอ เราไม่กล้าสละตัวเองเพื่อสิ่งที่มันใหญ่ขนาดนั้น”
ถึงพรรคการเมืองและสื่อหลัก
“เด็กๆ ตั้งแต่ปี 2563 ข้อเรียกร้องทั้งหลาย จะแรงจะเบาเราเถียงกันได้ แต่ข้อเรียกร้องสำคัญอันหนึ่ง ซึ่งพวกเรามองข้ามแล้วก็เพิกเฉยกันมาตลอด คือ ข้อสอง เขาขอให้ไปคุยในสภา แค่นี้ให้ไม่ได้เหรอ? ถ้าสภาไม่ใช่ที่ถกเถียง แล้วคุณจะให้ที่ไหนอีกล่ะ? ที่จะเป็นที่ที่เปิดโอกาสให้คนคุยกัน ทุกวันนี้ สภายังประกาศปิดประตูไม่ให้เขาเถียงกัน
“แม้ข้อสามของตะวันกับแบม บอกให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยหยิบประเด็นนี้ขึ้นไปผลักดันในสภาหน่อย พรรคการเมืองก็ยังไม่กล้า ออกมาพูดแค่ว่า เอาเขาไปพิจารณาหน่อย ถ้าคุณเอาเขาไปพิจารณา มันก็จะช่วยได้เยอะ และเราอาจจะมีโอกาสได้ต่อรองกับเด็กสองคนนั้น ว่าอย่าแรงขนาดนี้เลย
“ผมเชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ มีความกังวล 108 ผมอยากจะถามว่า ความกังวลของท่านเหล่านั้นมีค่ามากกว่าชีวิตของเด็กเหรอ? ใครก็ตามที่กังวลว่าจะไม่ได้กลับบ้าน การที่คุณไม่ได้กลับบ้าน มีค่ามากกว่าชีวิตของเด็กเหรอ? ถ้าชีวิตของเด็กมีค่ามากกว่า ออกมาแสดงท่าทีหน่อย ช่วยเขาหน่อย เราจะได้ไปพูดคุยกับเด็ก ต่อรองให้เขาลดลงมาหน่อย
“แต่ทุกวันนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อ คุณแคร์กับการที่ตัวเองไม่ได้กลับบ้านมากกว่าชีวิตของเด็ก เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ไปจนถึงเรื่องที่ว่าเปิดประตูสภาสิ คุยกัน สังคมถกเถียงกัน
“และประการสุดท้าย สื่อมวลชนทำตัวน่าเกลียดมานานแล้ว ไม่เคยรายงานข่าวเหล่านี้ ไม่เคยเปิดให้มีการถกเถียงในเรื่องเหล่านี้ สื่อมวลชนหลักๆ ทั้งหลายทำราวกับช้างตัวเบ้อเริ่มที่คุณมองไม่เห็น
“ผมถึงบอกเมื่อเร็วๆ นี้ว่า คงเป็นเรื่องตลก ถ้าหากเป็นข่าวไปในต่างประเทศว่าคนไทยเรียกร้องให้ศาลปฏิบัติตามกฎหมาย คงเป็นเรื่องตลกอีกเช่นกัน ถ้าคนไทยเรียกร้องให้สื่อมวลชนรายงานข่าวหน่อยสิ”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022