

ผู้บรรยายพิเศษ
ในชั้นเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เราได้รับฟังจากปากของ “ผู้บรรยายพิเศษ” หลายท่าน ที่ทำให้เราได้เห็นสภาพปัญหาของชาติอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอุปสรรคเรื่องชั้นความลับ รวมทั้งความหวังและทางออกแห่งปัญหาสำคัญของชาติในขณะนั้น
เราได้รับฟังคำบรรยายพิเศษจาก พล.ต.หาญ ลีนานนท์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก ที่ทำให้ได้รับรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงของการคุกคามจากเวียดนาม และแนวทางใหม่ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ กับคำเรียกใหม่ที่ไม่คุ้นหู “การเมืองนำการทหาร”
พ.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จากกรมยุทธการทหารบกเช่นเดียวกันที่บอกเล่าพวกเราถึงแนวโน้มของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา ซึ่งจะนำไปสู่การคุกคามชายแดนด้านตะวันออก รวมทั้งรากเหง้าของปัญหาและแนวทางในการแก้ไขปัญหาสงครามภายในระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
ในการเดินทางไปดูงานที่กองทัพภาคที่ 2 เราได้รับฟังการบรรยายสรุปจาก พ.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ยิ่งทำให้เราได้เข้าใจและเชื่อมั่นใน “การเมืองนำการทหาร” อย่างลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก และทำให้เราได้รับทราบว่า นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่นำความสำเร็จในการแก้ปัญหาสงครามภายในที่ภาคอีสานคือ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกปัจจุบัน-พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ด้วยวิธีคิดแบบทหาร เมื่อเห็นปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศที่รุมเร้า พวกเราย่อมนึกถึงผู้ที่จะมา “นำทัพ” เป็นลำดับแรก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และคณะทหารหนุ่ม จึงอยู่ในใจและเป็นความหวังของพวกเราแม้เมื่อจบการศึกษาในปลายปี พ.ศ.2522
ความนึกคิดของนายทหารนักเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบกชั้นยศร้อยเอก-พันตรี จำนวนกว่า 200 คนขณะนั้น น่าจะสะท้อนความคิดของนายทหารในกองทัพบกทั่วทั้งประเทศได้ในระดับที่น่าสนใจ
กล่าวอย่างรวบรัด พวกเราอยากได้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก และอยากให้คณะทหารหนุ่มมีบทบาทมากขึ้นในการดึงกองทัพออกจากวงจรซ้ำซากของปลักตมแห่งอำนาจ เพื่อเป็นทหารของชาติ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประชาชนอย่างแท้จริง
ปรับ ครม.ก่อนโยกย้ายทหารประจำปี
วันที่ 11 สิงหาคม 2521 มีการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พล.อ.เล็ก แนวมาลี พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ขยับมาแทน
การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนสุดท้ายในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ใน 1 ตุลาคม พ.ศ.2521
น่าสังเกตอย่างยิ่งว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ดำเนินการอย่างรีบเร่งโดยไม่ได้นำเรื่องเข้าหารือกับสภานโยบายแห่งชาติตามธรรมเนียมปฏิบัติ ยิ่งไปกว่านั้น พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ประธานสภานโยบายแห่งชาติก็ไม่ได้รับทราบ ทั้งยังกระทำในช่วงที่ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ อยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้แท้จริงแล้วคือความพยายามในการกระชับฐานอำนาจของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เพื่อเตรียมไว้สำหรับการโยกย้ายนายทหารประจำปี 2521 เพราะทำให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ควบทั้ง 3 ตำแหน่งสำคัญ คือ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดในคราวเดียว
ทำให้การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้จะขึ้นอยู่กับลายเซ็นจากปลายปากกาของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของหนังสือพิมพ์และสังคมโดยทั่วไปทั้งพลเรือนและทหารในขณะนั้นยังคงเชื่อมั่นว่า พล.อ.เสริม ณ นคร ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกอยู่ในขณะนั้นจะได้ควบทั้งตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด
หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พาดหัวข่าวอย่างมั่นใจแบบฟันธงว่า “เสริมยิ้มร่าควบ 2 เก้าอี้” เว้น “สยามรัฐรายวัน” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เพียงฉบับเดียว!
1 ตุลาคม พ.ศ.2521 ก็มีประกาศพระบรมราชโองการ ให้นายทหารรับราชการ และโดยที่แทบไม่มีใครคาดคิด พล.อ.เปรม ติณสูลานท์ ซึ่งเพิ่งเป็น 1 ใน “5 เสือ ทบ.” ได้แค่ปีเดียว ทั้งยังมีอาวุโสน้อยสุดได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ขณะที่ พล.อ.เสริม ณ นคร ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพียงตำแหน่งเดียว
หมากเหนือชั้นของเกรียงศักดิ์
การโยกย้ายนายทหารใน 1 ตุลาคม พ.ศ.2521 นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสภาวะ “อำนาจคู่” ระหว่างสองขั้วผู้นำทางทหาร พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ กับ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ที่ต่างยังคงชิงไหวชิงพริบกันมาโดยตลอด
พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จะต้องเกษียณอายุจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ใน 30 กันยายน พ.ศ.2521 และตามธรรมเนียมปฏิบัติก็จะเป็นวงรอบของผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นคือ พล.อ.เสริม ณ นคร ต้องขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
ซึ่งเท่ากับว่า พล.อ.เสริม ณ นคร จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดควบคู่ไปกับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และจะอยู่ในตำแหน่งนี้ไปอีก 1 ปีเต็มจาก 1 ตุลาคม พ.ศ.2521 ถึงวันเกษียณอายุใน 30 กันยายน พ.ศ.2524
ส่งผลให้อำนาจทางการทหารซึ่งแยกไม่ออกจากอำนาจทางการเมืองจะรวมศูนย์ไปอยู่ที่ พล.อ.เสริม ณ นคร ตลอดทั้งปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้
ก่อนหน้านี้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ยังมี “พันธมิตร” ที่สำคัญและเป็น “เพื่อนสนิท” ที่ไว้วางใจได้ในกองทัพบกคือ พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการทหารบก แต่ก็จะต้องเกษียณอายุราชการใน 30 กันยายน พ.ศ.2521 นี้เช่นเดียวกัน
หากเป็นไปเช่นนี้ จาก 1 ตุลาคม พ.ศ.2521 เป็นต้นไป ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จึงนับว่าโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง หนาวเย็นอย่างยิ่ง…
ปริศนาตำแหน่ง รมช.มหาดไทย
การมอบตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย” ให้กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ข้าม พล.อ.เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารบกก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี พ.ศ.2520 หลังการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้สร้างปริศนาตัวโตไว้ให้สังคมติดตามขบคิด
พระบรมราชโองการให้นายทหารรับราชการเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ.2521 คือคำตอบต่อปริศนานี้ว่าการเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนผลักดันให้ก้าวขึ้นจากตำแหน่ง “ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก” สู่ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการทหารบก” ได้อย่างมีเหตุผล แนบเนียน และสง่างาม
เพราะเป็นการสร้าง “น้ำหนัก” ให้กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนทำให้มีเหตุผลเพียงพอสำหรับการทะยานขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในตุลาคม พ.ศ.2521
คำตอบสุดท้ายต่อปริศนานี้คือ การไม่ควบทั้งตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ของ พล.อ.เสริม ณ นคร ย่อมทำให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ในคำสั่งเดียวกันนี้ พล.ท.อำนาจ ดำริกาญจน์ แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้คุมฐานกำลังในกรุงเทพมหานครซึ่งมีความใกล้ชิดกับ พล.อ.เสริม ณ นคร ยังถูกย้ายไปเป็นรองเสนาธิการทหารบก หลุดจากตำแหน่งคุมกำลัง ซึ่งสร้างความไม่พอใจถึงกับ พล.ท.อำนาจ ดำริกาญจน์ ชักชวน พล.อ.เสริม ณ นคร ทำการรัฐประหารแต่ได้รับการปฏิเสธ
นอกจากนั้น การโยกย้ายนายทหารเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ.2521 ครั้งนี้ ยังส่งผลให้ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ และผู้สนับสนุนต่างถูกลดทอนอำนาจลงไปอย่างถึงที่สุด และหลังจากนั้นเพียง 2 เดือนถัดมา เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในเดือนธันวาคม พ.ศ.2521 “สภานโยบายแห่งชาติ” ที่ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ดำรงตำแหน่งประธาน ก็สิ้นสุดลงตามกฎหมาย เป็นอันหมดบทบาทของฝ่าย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ และกลุ่มผู้สนับสนุนไปอย่างสิ้นเชิง
การขึ้นสู่อำนาจสูงสุดในกองทัพบกของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จึงเป็นไปตามที่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ วางแผนไว้อย่างสุขุมเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นผู้ได้รับประโยชน์ทางการเมืองโดยตรง
แต่ยังมีปัจจัยที่สำคัญเหนือกว่านี้อีกในการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นปัจจัยซึ่งต้องแปลความผ่านสัญญาณที่ส่งผ่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช…
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022