

การดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็นไวรัลของบทเพลง”อย่าเลิกกับฉันตอนยังเป็นพระได้ไหม”มากด้วยความละเอียดอ่อน
เป็นความละเอียดอ่อนในด้าน”ความเชื่อ”ทาง”ศาสนา”
เป็นความละเอียดอ่อนในบรรยากาศแห่งการท้าทายอย่างคมแหลมต่อพระพุทธศาสนา ไม่ว่าในกรณี”อาจารย์น้องไนซ์”ที่อึกทึกครึกโครมาพร้อมกับกระบวนการ”เชื่อมจิต”
ไม่ว่าในกรณีของ”น้องหญิง”ที่มาพร้อมกับการตรวจสอบ”พลังบุญ”อันมีการอ้างโยงไม่เพียงแต่ควอนตัม ฟิสิกส์ โปรตอนและอิเล็กตรอนครบครัน
ยิ่งเมื่อประสานเข้ากับการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการประยุกต์ทั้งเพลงสวดในแบบ “แปดทิศจักรวาล”เข้ากับท่วงทำนองในแบบเฮฟวี่ เมตัล ตลอดจนเร็กเก้จากคาริบเบี้ยนอย่างคึกคัก
อย่าได้แปลกใจหาก”อย่าเลิกกับฉันตอนยังเป็นพระได้ไหม”จะมีการนำเสนอเข้ามาอย่างสัมพันธ์กับกระบวนเพลงในแบบ”น้ำตาคลอเบ้า”ที่มีจุดเริ่มมาจากตัวละครตลกหกฉาก
ต้องยอมรับว่าบทเพลงเหล่านี้ฉีกทั้ง”รูปแบบ”เดิมอันเคยเป็นความเคยชิน และมากับ”เนื้อหา”ที่ประชดประเทียดเสียดสังคม
เป็นสังคม”ไทย” เป็นสังคม”ชาวพุทธ”ระดับรากฐาน
ความจริง การนำเอาพระมาล้อเลียนมิได้เป็นเรื่องใหม่อย่างชนิดถอดด้าม นิทานพื้นบ้าน”ศรีธนญชัย”ก็มีเรื่องอย่างนี้ เรื่องราว”ตาเถรยายชี”ก็นินทากันอยู่ทุกหย่อมย่านบ้านเมือง
ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่”อีสาน” ไม่ว่าในพื้นที่”คนเมือง” ไม่ว่าในพื้นที่”คนใต้”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่”ภาคกลาง”เห็นได้จากบทเพลงลูกทุ่ง”โยมค้างกับพระสักคืนได้ไหม”ในท่วงทำนองออดอ้อนขอความเห็นใจ อันต่อเนื่องมายัง”อย่าเลิกกับฉันตอนยังเป็นพระได้ไหม”
และเมื่อมีการจัดระบบเข้าสู่”น้ำตาคลอเบ้า”ผ่านเข้าสู่การโคฟเวอร์ในกระสวนแบบ”มิลลิ”เข้าไปอีก ยิ่งสร้างความคึกคัก เรียกร้อยยิ้มได้อย่างถ้วนทั่ว
ยิ่งตอนนี้ ได้มีการปรับประยุกต์โดย AI เข้าสู่ท่วงทำนองในแบบ R&B และเร็กเก้ ก็ย่อมระเบิดเถิดเทิง
นี่เป็นเรื่องของแฟชั่น เป็นความนิยมในลักษณาการแบบ”ตลกหกฉาก”ที่เป็นพัฒนาการมาจาก”สำเร็จความเครียด”เหมือนเป็นความคึกคะนองในแบบ”เด็กสถาปัตย์”
อาจไม่ละเมียดละไมในแบบของ”เฉลียง” เพราะมาในท่วงทำนองแบบขัดๆกันระหว่างตัวโน้ตและเสียงร้องที่บางครั้งก็เป็นการแผดเสียงและคร่ำครวญ
กระนั้น ก็ยอมรับเถิดว่า”อย่าเลิกกับฉันตอนยังเป็นพระได้ไหม”สอดรับกับความเป็นจริงที่มองไปยังพื้นที่ศาสนาได้ชัดเจน