

กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น
สมมุติว่า…ประเทศไทย
ปราศจากคอร์รัปชั่น (2)
สัปดาห์ก่อนตั้งประเด็น “ถ้าประเทศไทยปราศจากคอร์รัปชั่น” ทำให้เกิดจินตนาการไปกว้างไกล
เพื่อนฝูงหลายคน อ่านแล้วบอกว่าผมเป็นเอามาก เป็นเรื่อง “ฝันกลางฤดูฝน” หรือเปล่า
แต่อีกบางคนก็ปลอบใจผมว่าอย่างน้อยผมก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายอย่างที่หลายคนกล่าวหาผม
“เอ็งหวังจะเกิดชาติหน้ากี่โมง?” อีกคนหนึ่งส่งข้อความมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ก็ผมบอกไว้ในคอลัมน์ก่อนแล้วไงว่ายังไงๆ ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก ยังฝันไม่ครบถ้วน จึงขออนุญาตนอนต่อเพื่อจะได้ฝันให้ครบเครื่อง
ก่อนจะกลับไปฝันต่อ ผมจำข้อความหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจความสำคัญของสังคมไร้เรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวงและมีหลักนิติธรรม
สองเรื่องนี้จำเป็นต้องเป็นพี่น้องคู่แฝดที่ต้องไปไหนไปด้วยกันตลอด
ข้อความใน Facebook ของ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์, ผู้อำนวยการ Thailand Institute of Justice (TIJ) บอกว่า
“หลักนิติธรรม” เป็นเหมือน “อากาศ”
ถ้ามีอยู่อย่างพอเพียง จะไม่สังเกตเห็นถึงความสำคัญ
แต่ถ้าขาดแคลน เบาบาง จะเริ่มอึดอัด หายใจติดขัด รู้ถึงคุณค่า
สังคมไทยมีสัญญาณหลายอย่างที่ทำให้เราเริ่มอึดอัด หายใจติดขัด
แต่เรายังอาจไม่รู้ว่าอาการดังกล่าวเป็นเพราะ “หลักนิติธรรมเสื่อมถอย”!
เห็นภาพชัดเลยว่าเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
หากหลักจริยธรรมดำรงอยู่ในทุกอาชีพของประเทศ เราก็คงไม่เห็นความสำคัญของคำว่า “สังคมแห่งคุณธรรม”
แต่หากมาตรฐานของธรรมาภิบาลที่มาพร้อมกับความเปิดเผยโปร่งใสไม่พอเพียงหรือเบาบาง เราจะรู้สึกอึดอัดขัดข้อง
วันนี้ สังคมไทยไม่เพียงแต่รู้สึกได้ถึงสัญญาณของความอึดอัด หายใจติดขัดเท่านั้น
แต่เรายังรู้สึกถึงความเจ็บป่วยอาการหนัก มองไม่เห็นอนาคตของบ้านเมือง
เพราะหลักแห่งคุณธรรมนั้นไม่ได้เพียงแต่ “เสื่อมถอย”
แต่ยัง “ถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย” อย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงขึ้นทุกวัน
ดังนั้น การได้ร่วมกันจินตนาการให้เห็นภาพของ “สังคมไทยที่ไร้คอร์รัปชั่น” จึงน่าจะเป็นการ “ฝัน” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
เรื่องที่ไม่กล้าคิดก็ต้องคิด
ไม่เพียงแต่ยอมรับว่ามันเป็น Mission Impossible
แต่ยังต้อง Think the Unthinkable ด้วย
เพราะพอผมหลับฝันต่อก็เห็นว่ายังมีเรื่องดีๆ ที่ยังฝันไม่จบอีกมากมายหลายเรื่องนัก
เช่น โลกที่ปราศจากพฤติกรรมคอร์รัปชั่นจะเป็นโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เพราะเมื่อสังคมไม่มีเรื่องกลโกงที่ฉ้อฉล กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมจะได้รับการบังคับใช้อย่างจริงจังและเคร่งครัด
ธุรกิจน้อยใหญ่จะแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่มีต่อโลก
เราจะไม่เห็นว่าอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะที่เป็นธุรกิจยักษ์ที่มีอำนาจต่อรองกับการเมืองสูงๆ ทั้งหลายพยายามที่จะหลบเลี่ยงกฎเกณฑ์กติกาเพื่อประหยัดต้นทุน
แต่เสี่ยงกับการสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นภัยต่อความยั่งยืนของชาติอีกต่อไป
ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบนั้น รัฐบาลจะลงทุนมหาศาลในพลังงานหมุนเวียนและยึดมั่นแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน
ด้วยการตระหนักถึงประโยชน์ระยะยาวที่ยั่งยืน…มากกว่าผลกำไรระยะสั้นของวิถีปฏิบัติแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนและกลุ่มตนเท่านั้น
นอกจากนี้ กองทุนสาธารณะที่มีจุดประสงค์เพื่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมจะถูกใช้อย่างมีประสิทธิผล
ซึ่งนำไปสู่อากาศ น้ำ และที่ดินที่สะอาดขึ้นสำหรับคนทุกหมู่เหล่าโดยไม่มีความเหลื่อมล้ำหรือเลือกปฏิบัติ
ในสังคมที่ต้องการรักษาโลกใบนี้ให้น่าอยู่เพื่อส่งต่อให้ลูกหลานอย่างภาคภูมิใจ ข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะได้รับการยกย่องเชิดชูโดยถ้วนหน้า
และรัฐบาลที่รับผิดชอบและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจะนำไปปฏิบัติด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงจัง
ความพยายามร่วมกันระดับโลกจะนำไปสู่ความก้าวหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์โลกไว้สำหรับคนรุ่นอนาคต
ในสังคมที่ไม่มีเรื่องฉ้อฉลหลอกลวงนั้น คุณภาพของชีวิตประจำวันของพลเมืองไทยจะดีวันดีคืน
เพราะโลกที่ปราศจากการทุจริตจะหมายถึงค่านิยมของประชาชนที่เคารพและยึดมั่นความยุติธรรมและความไว้วางใจอย่างกว้างขวาง
ไม่ว่าจะเป็นการปฏิสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ณ ที่ทำงานของหน่วยงานราชการในระดับท้องถิ่น ตลอดถึงเนื้อหาของข้อตกลงทางธุรกิจที่สำคัญ
เพราะเมื่อสังคมยึดมั่นในหลักจริยธรรมและนิติธรรมแล้ว ความซื่อสัตย์จะเป็นบรรทัดฐานของทุกองคพายพของรัฐ, เอกชนและธุรกิจ
สังคมจะน่าอยู่เพียงใดหากคุณไม่ต้องกังวลว่าตำรวจตั้งด่านเพื่อจะรีดไถ
หรือหากคุณรู้ว่าหากไปขอใบอนุญาตแต่งเติมบ้าน คุณไม่ต้องนั่งเดาว่าจะต้องจ่ายใต้โต๊ะเจ้าหน้ากี่คน…และคนละเท่าไหร่
โลกแบบที่ว่านี้จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากเพียงใดหาก ผู้คนจะมีศรัทธาในสถาบันสาธารณะและมีความไว้วางใจต่อกันและกันอย่างสนิทใจ
ชีวิตจะมีคุณภาพดีขึ้นเพียงใดหากคุณรู้ว่าเมื่อต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ คุณจะได้รับการปฏิบัติด้วยความเป็นกันเองในฐานะเป็นเพื่อนร่วมชาติ
และคุณรู้ชัดแจ้งว่าบริการรัฐแต่ละเรื่องจะมีกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน
เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ “ดุลพินิจส่วนตัว” เพื่อตัดสินว่าสิ่งใดทำได้สิ่งใดทำไม่ได้
เพราะเกณฑ์หลักของการตัดสินมีเพียงประการเดียว : นั่นคือการรับใช้ประโยชน์แห่งสาธารณะ
แน่นอนว่า เมื่อไม่มีเรื่องต้มตุ๋นและหลอกหลวง การบริการลูกค้าในทุกรูปแบบของสังคมจะมีคุณภาพระดับยอดเยี่ยม
บริษัทต่างๆ จะแข่งขันกันด้วยคุณภาพของสินค้าและบริการของตน
เพราะผู้ประกอบการตระหนักดีว่าผู้บริโภคมีความรู้และรู้เท่าทันและต้องการสิ่งที่ดีที่สุด
ตลาดจะให้รางวัลแก่ผู้ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมีความเป็นเลิศ มากกว่าการผูกขาดและสร้างผลกำไรสูงสุดสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น
ผมตื่นขึ้นมาแล้วก็พยายามบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่โลกสมมุติ
บางคนอาจจะบอกว่าประเทศไทยที่ปราศจากการทุจริตเป็นทั้ง “ความฝันที่น่าอัศจรรย์”
และ “ปณิธานอันสูงส่ง”
บางคนอาจจะบอกว่าความพยายามจะกำจัดคอร์รัปชั่นโดยสมบูรณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา
แต่ก็ต้องถามดังๆ ว่าคนไทยมีสิทธิ์จะตั้งปณิธานร่วมกันที่จะระงับยับยั้งการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งของมะเร็งร้ายที่ชื่อคอร์รัปชั่นได้ไหม
เราสามารถจะสร้างปณิธานร่วมกันว่าแม้เรากำจัดความชั่วร้ายนี้ไม่ได้หมดสิ้น อย่างน้อยก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจร่วมกันสร้างสังคมไทยที่การทุจริตเป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่บรรทัดฐาน
และก้าวต่อจากนั้น เราก็มีสิทธิ์จะเรียกให้ให้สังคมไทยยึดมั่นในหลักความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม
โดยที่ให้เด็กรุ่นต่อไปได้เห็นสังคมที่ความยุติธรรมไม่ได้เป็นเพียงอุดมคติ แต่เป็นความจริงในชีวิตประจำวัน
ใครจะรู้ บางทีวันหนึ่ง เส้นแบ่งระหว่าง “ความฝันกลางฤดูฝน” กับ “ความเป็นจริงแห่งชีวิต” จะเริ่มพร่ามัว
และพบว่าเราอาจจะกล้าฝันถึงสังคมไทยที่ไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด
แต่ดีกว่าวันนี้อย่างเหลือเชื่อ!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022