
การเดินทางสูญหาและการตามหาย | อานี ดอฮะ : ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด 2024

การเดินทางสูญหาและการตามหาย | อานี ดอฮะ
ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด 2024
มันตรงกับเดือนนี้พอดี นับรวมๆ ก็ครบสิบปีแล้วที่เขาหายตัวไป ที่จำได้แม่นเพราะมันตรงกับเดือนเกิดของฉันพอดี กลางเดือนกลางปี 2560
ฉันมาที่นี่เพื่อระลึกถึงเขาเป็นครั้งสุดท้าย คนรักของฉัน
ปีที่เขาหายตัวไป เป็นปีครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาส่งข้อความมาอวยพรวันเกิดในตอนเช้าก่อนออกเดินทางไปนราธิวาส มีกิจกรรมเกี่ยวกับสันติภาพที่โรงเรียนอะไรสักอย่างในตัวเมือง เขาบอกว่าจะพักที่โรงแรมกับกลุ่มเพื่อนกวี วันรุ่งขึ้นเขาจะแวะไปหาฉันที่ตากใบ แต่ก็ไม่ได้ไป เขาหายตัวไประหว่างเดินทางไปตากใบ
นั่นคือช่วงปลายเดือนเมษายน หรือราวๆ สองสัปดาห์หลังวันฮารีรายออีฎิลฟิตรี ช่วงเดียวกับที่เหตุการณ์ความไม่สงบเริ่มกลับมาคุกรุ่นอีกครั้งหลังสงบไปนานสิบปีนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดโต๊ะเจรจาสมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ไม่มีการพบศพ ไม่พบร่องรอยหรือเบาะแส จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันที่ 14 มิถุนายน ก่อนถึงวันเกิดของฉันหนึ่งวันพอดี เขาก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฉัน แต่ญินประจำตัวกระซิบบอกฉัน ว่านั่นไม่ใช่เขา
ฉันนั่งเรียบเรียงเรื่องนี้ในคืนวันที่ 15 มิถุนายน 2577 ณ รีสอร์ตแนวแคมปิ้งบนเขาแถวแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ตั้งใจว่าจะเขียนให้กลายเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งเพื่อส่งประกวด
[ทะเลหมอก]
หากให้เลือกระหว่างภูเขากับทะเล แน่นอนว่าเขาต้องเลือกภูเขา หากเป็นภูเขาช่วงหน้าฝนด้วยยิ่งดี เขาอยากเห็นทะเลหมอกกับตาสักครั้งในชีวิต เขายังไม่มีโอกาสที่ว่านั้นจนถึงวันที่หายตัวไป
เมื่อฉันมาที่นี่ จึงพกบทกวีของเขามาด้วย
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่าเรื่องสั้นเรื่องล่าสุดที่ได้ตีพิมพ์ของเขาถูกโอนเข้าบัญชีของฉัน ตลอดสิบปีมานี้ฉันทำตามคำขอของเขาก่อนหายตัวไป หากเขาตายเรื่องสั้นทั้งหมดที่ยังไม่เผยแพร่ขอยกให้ฉัน จะจัดการอย่างไรกับมันก็ได้ จะลบให้หายไปจากโลกหรือจะแก้ไขขัดเกลาแล้วส่งไปตีพิมพ์ก็ตามสะกวด ด้วยนามปากกาลับของเขาหรือใช้ชื่อของฉันเองก็ได้ ยังไงเงินก็จะถูกโอนเข้าบัญชีของอีแบงก์ที่เราเคยใช้ร่วมกันสมัยก่อนตอนที่เขายังไม่ได้แต่งงาน เขายังใช้บัญชีนี้ประกอบการรับค่าต้นฉบับอยู่ เมื่อมีเงินเข้าบัญชีฉันจึงเดินทางไปจังหวัดบ้านเกิดของเขา เยี่ยมแม่ผู้ชราของเขาแล้วมอบเงินค่าต้นฉบับให้
ทุกครั้งแม่ของเขาจะรับไว้ แต่ครั้งนี้เธอไม่ขอรับ แต่กลับบอกฉันว่า “ใกล้ครบรอบวันตายของลูกชายป้าแล้ว ใช้เงินจำนวนนี้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาเถอะ ตามวิถีศาสนาที่เขาเลือกนับถือนั่นแหละ”
เขากับแม่นับถือคนละศาสนา ตอนแรกแม่ของเขาก็รับไม่ได้เพราะมีลูกชายคนเดียวและยังไม่ได้บวช แต่เขาก็ไม่ได้บอกแม่ตอนตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา เมื่อรู้ความจริงทีหลังจึงไม่ยอมคุยกับเขาอยู่นานหลายเดือน แต่ท้ายสุดสายสัมพันธ์แม่ลูกก็ตัดกันไม่ขาด นอกจากนั้น ยังพยายามทำความเข้าใจและเคารพสิ่งที่ลูกชายเลือกด้วย ฉันรับปากแม่ของเขาไปทั้งที่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าศาสนาของฉันไม่มีวิธีทำบุญให้คนตาย ฉันแค่ยังไม่แน่ใจต่างหากว่าเขาตายแล้วแน่ๆ หรือเปล่า แต่แม่ของเขาเลือกที่จะเชื่อว่าเขาตายไปแล้ว เพราะเขามาเข้าฝันเมื่อไม่กี่ปีก่อน บอกว่าอยากกินหมูผัดส้มของโปรดสมัยที่เขายังไม่ได้เปลี่ยนศาสนา เธอเลยเชื่ออย่างสนิทใจ ถึงฉันจะไม่เชื่อเรื่องผีและวิญญาณ เพราะศาสนาของเรามีคำอธิบายเป็นอีกอย่าง แต่ก็ไม่อยากจะโต้แย้งประการใด
ฉันนึกถึงรวมบทกวีเล่มแรกและเล่มเดียวของเขาที่ออกกับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง เมื่อกลับถึงบ้านที่ตากใบ ฉันจึงติดต่อสั่งซื้อกับพี่เบียร์ที่เป็นผู้จัดการสำนักพิมพ์ ถ้าเป็นเมื่อประมาณสิบปีก่อนค่าต้นฉบับเรื่องสั้นสามารถซื้อหนังสือของเขาได้ประมาณสิบเล่ม แต่ด้วยเงินค่าต้นฉบับเรื่องสั้นของเขาในปี 2577 สามารถซื้อกวีนิพนธ์เล่มที่ว่าได้แค่ห้าเล่มในราคาลดพิเศษยี่สิบเปอร์เซ็นต์ (ราคาเต็มเล่มละ 130 บาท) ฉันเลยต้องสบทบเงินของตัวเองไปเพิ่มเพื่อให้ได้หนังสือมาทั้งหมดยี่สิบเล่ม เมื่อถึงหนังสือจัดส่งมาถึงบ้าน ฉันพบว่าพี่เบียร์แถมเพิ่มมาให้อีกห้าเล่ม ฉันเดาว่ามันคงค้างสต๊อกอยู่เยอะ บทกวีขายยากมานานแล้ว เขาเองก็เคยบ่นให้ฟังว่าช่วงสิบปีหลังมานี้แม้คนยังอ่านหนังสือเล่ม แต่ส่วนใหญ่จะยืมกันอ่านหรือซื้อต่อจากกลุ่มซื้อขายหนังสือใหม่มือสอง แม้แต่พวกครูสอนภาษาไทยก็ยังใช้วิธีถ่ายเอกสารหนังสือให้นักเรียนนักศึกษาตามจำนวนของผู้เรียน และส่วนใหญ่จะเป็นฉบับที่ยืมมาจากห้องสมุดอีกทีด้วย ฉันส่งพวกมันต่อไปยังห้องสมุดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เขาเคยเรียนแห่งละสองเล่ม กับใส่ซองใสซิปล็อกพร้อมการ์ดเขียนข้อความบอกให้หยิบอ่านได้ฟรีตามสถานที่ท่องเที่ยวและมหาวิทยาลัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหลือเก็บไว้เองสองเล่ม และอีกเล่มตั้งใจว่าจะมาวางให้หยิบอ่านฟรีที่รีสอร์ตซึ่งมีทะเลหมอกให้ชมตลอดปี
ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีทะเลหมอกอยู่หลายแห่ง และมีครบทั้งสามจังหวัด ฉันตั้งใจว่าจะวางหนังสือของเขาไว้จังหวัดละแห่ง ฉันวางไว้แล้วบนเทือกเขาเทือกเขาบูโดในเขตอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี และที่เขาน้ำใสเขตอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส แห่งสุดท้ายคือที่นี่ บนแคมปิ้งรีสอร์ตในหุบเขาเขตตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
ฉันยกมือขึ้นแล้วหลับตา กล่าวขอดุอาอ์จากพระเจ้า หากเขาตายไปแล้ว ด้วยผลบุญจากการบริจาคหนังสือครั้งนี้ ขอให้พระองค์ทรงอภัยโทษแก่บาปที่เขาเคยทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ จะได้ไม่ทุกข์ทรมานในโลกหลังความตายหรือ “อะลัมบัรซัค” มากนักขณะระหว่างรอวันพิพากษาว่าจะไปสวรรค์หรือนรก แต่หากเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ขอพระองค์ทรงโปรดบันดาลให้ได้พบกับเขาอีกครั้งในเร็ววันด้วยเถิด เมื่อฉันลดมือลงแล้วลืมตาขึ้น เขาก็ปรากฏกายต่อหน้าฉัน ท่ามกลางแสงสุดท้ายของวันที่ลับหายไป
แต่ฉันไม่อยากเชื่อว่านั่นเป็นเขา
[แดนสนธยา]
การหายตัวไปของเขาไม่ถูกกล่าวถึงไม่ว่าในแวดวงใน เหตุผลง่ายๆ คือเขาเป็นอาวุธให้ใครไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นพวกต่อต้านรัฐหรือเข้าข้างรัฐ พวกในแวดวงกวียิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่ได้สัดกัดตัวเองเป็นกลุ่มนักเขียนก้าวหน้า แต่ก็ไม่ได้ถูกนับเป็นนักเขียนสายอนุรักษนิยมด้วยเช่นกัน เขาเป็นแค่กวีคนหนึ่งที่มุ่งมั่นนำเสนอประเด็น เกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในมิติอื่นๆ ประเด็นที่นอกเหนือจากความรุนแรง แต่ไม่มีใครสนใจมิติความซับซ้อนเหล่านั้น
เขาเคยพูดว่าเมืองนี้เหมือนแดนสนธยา เป็นส่วนหนึ่งของประเทศแต่ขณะเดียวกันก็เหมือนไม่ใช่ ผู้คนพูดภาษาอื่น จอดรถชิดเกาะกลาง และใช้ชีวิตภายใต้กฎอัยการศึกมาหลายสิบปี เหมือนเมืองที่ถูกครอบไว้ด้วยครอบแก้ว คล้ายกับครอบแก้วรูปโดมในเรื่อง Under the dome ซีรีส์เรื่องโปรดของเขาที่สร้างจากนวนิยายของสตีเฟ่น คิง
“จู่ๆ วันหนึ่งทั้งเมืองก็ถูกครอบด้วยโดมแก้ว ทำให้คนที่อยู่ในโดมไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนข้างนอกได้ สามจังหวัดก็เหมือนถูกครอบไว้ด้วยบางอย่างเช่นกัน ต่างกันตรงที่ว่าที่นี่ไม่ได้ปิดกั้นจนติดต่อกันไม่ได้ ชาวเมืองยังติดต่อกับโลกภายนอกได้ แต่คนภายนอกต่างหากที่ปิดกั้นการรับรู้เกี่ยวกับที่นี่”
นั่นคือบทสนทนาในคืนต้นเดือนมิถุนายน 2561
ฉันรู้ที่เขาพูดแบบนั้นเพราะเรื่องที่เพิ่งเจอ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งถูกจับกุมในคดีหลบหนีการเกณฑ์ทหารเมื่อเจ็ดปีก่อนช่วงที่เขายังเรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้ไปผ่อนผันในปีที่สี่ของการเกณฑ์ทหารเพราะอำเภอเปลี่ยนวันที่คัดเลือกทหาร เขาได้รับแจ้งในใบ สด.35 แล้วแต่ลืม ตอนที่นึกขึ้นได้ก็ผ่านวันคัดเลือกไปแล้ว เขาเลยเลิกไปผ่อนผันนับแต่นั้น
เขาหลบหนีมาได้เจ็ดปี บัตรประชาชนหมดอายุก็ใช้ชีวิตแบบคนเถื่อน ใครคนหนึ่งบอกเขาว่าคดีจะหมดอายุความเมื่อครบสิบปี เขาคงหลบหนีได้อีกหลายปีหากปีนั้นไม่ต้องขึ้นไปรับรางวัลประกวดบทกวีที่กรุงเทพฯ งานรับรางวัลจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เขาจึงไปสถานีอำเภอปัตตานี เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปีที่เขาเดินเข้าสถานีอำเภอ หากเดินเข้าสถานีอำเภอบ้านเกิดคงไม่ได้กลับออกมา แต่ที่ปัตตานีเขาทำบัตรประชาชนได้อย่างง่ายดาย
ทว่า ทันทีที่เขาใช้บัตรประชาชนใบนั้นประกอบการซื้อตั๋วรถไฟในเดือนกุมภาพันธ์
[ญินกอรีม]
ชายที่ปรากฏตัวต่อหน้าฉันตอนนี้ ฉันไม่อยากเชื่อว่าเป็นเขา ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อว่าไม่ใช่
“นี่พี่ตัวจริงหรือเปล่า” ฉันพูดออกไปเหมือนรำพึง
“ถ้าไม่ใช่แล้วคิดว่าเป็นอะไร ญินกอรีมเหรอ” เขาตอบกลับมา
ฉันยักไหล่ให้กับคำตอบนั้น เขาอาจจะเป็นญินกอรีมก็ได้ พวกมันถูกเรียกว่าเป็นญินบัดดี้ คอยตามติดมนุษย์คนหนึ่งตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อมนุษย์คนนั้นตายวิญาณจะอยู่ในโลกอะลัมบัรซัค ส่วนมันก็ปลอมตัวเป็นมนุษย์คนนั้นไปเข้าฝันญาติมิตร แลเพราะมันเป็นญินกอรีมมันจึงรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา ไม่มีอะไรที่มันไม่รู้หรือเลียนแบบเขาไม่ได้ ไม่มีทางแยกแยะออก แต่ถ้านี่เป็นญินกอรีมของเขา ก็แปลความได้อย่างเดียวว่าเขาได้ตายไปแล้ว แน่นอนว่าฉันไม่อยากเชื่ออย่างนั้น แต่จะให้เชื่อว่าจู่ๆ เขาปรากฏกายที่นี่ตัวเป็นๆ เพราะคำขอดุอาอ์ของฉันถูกตอบรับมันก็ดูแฟนตาซีและเหลือเชื่อเกินไปหน่อย
ถ้าเป็นญินกอรีม มันคงขอให้เธอทำบุญไปให้ ด้วยอาหารที่ชอบ หรือของที่อยากได้ หรือขอให้ช่วยทำนั่นทำนี่ตามต้องการ แต่ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย”
“แต่แม่ของพี่ฝันถึงพี่นะ ในฝันพี่บอกว่าให้แม่ช่วยทำหมูผัดส้มให้กิน แม่พี่ก็เลยทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ ที่ฉันมานี่ก็เพราะแม่พี่นั่นแหละฝากฝัง ให้ทำบุญครบรอบวันตายให้พี่ตามวิถีศาสนาของพวกเรา ถ้าไม่ช่ญินกอรีมแล้วจะเป็นอะไร” ฉันว่า
“เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“พี่อาจจะตายไปแล้ว แต่ไม่รู้ตัว”
“ถ้าฉันตาย วิญญาณฉันจะออกมาได้ยังไง เธอก็รู้ ความเชื่อของเราไม่ใช่แบบนั้น”
เสียงอาซานดังขึ้นมาจากสมาร์ตโฟนของฉันพอดี เป็นเสียงที่ตั้งค่าไว้ในแอพพ์ “มุสลิมโปร” เมื่อถึงเวลาละหมาดมันจะส่งเสียงขับอาซานแจ้งเตือน ฉันกดปิดเสียงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา เราสบตากันแวบหนึ่งก่อนจะหันมองกันไปทางอื่น เป็นเขาที่ชี้ไปยังขอบฟ้าทางทิศตะวันตกที่ตอนนี้กลายเป็นสีวานิลลา
“สวยเนอะ” เขาพูด
ฉันหันมองตาม พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี
ฉันพบว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือเขาหายไปแล้ว หรือที่จริงแล้วเขาไม่อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกก็ไม่แน่ ฉันอาจฝันเป็นตุเป็นตะ
[คนรักของคนอื่น]
อีกไม่กี่วันฉันต้องเข้าพิธีดูตัว กับชายที่พ่อจัดหาให้ ส่วนเขาแต่งงานไปแล้วกับสาวยะลา ตั้งเดือนกุมภาพันธ์ต้นปี 2564 นั่นคือสามปีก่อนการหายตัวไป
ฉันครองตัวเป็นโสดอยู่จนถึงตอนนี้ ไม่ได้คบใครหรือสนใจชายใด เคยมีคนมาดูตัวสี่ห้าครั้งแต่ฉันก็ปฏิเสธไปทุกคน จนคนในหมู่บ้านเริ่มค่อนแคะว่าฉันช่างเลือกเกินไปทั้งที่หน้าตาก็แค่พอดูได้ ระวังเถอะสักวันจะขึ้นคาน พวกนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นชายที่ฉันรักหนึ่งเดียว แต่เพราะเป็นมุอัลลัฟเลยไม่เป็นที่ต้อนรับของครอบครัวฉัน นั่นเป็นชะตากรรมปกติของชายที่เป็นมุสลิมด้วยการเปลี่ยนศาสนา ซึ่งเราเรียกกันว่ามุอัลลัฟ จะว่าไปแล้วผู้หญิงทุกคนที่หลงรักชายมุอัลลัฟล่วนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ไม่มีครอบครัวไหนอยากได้เขยมุอัลลัฟ บางครั้งเป็นเรื่องความไม่วางใจในความรู้ศาสนา บางครั้งเป็นเรื่องชาติพันธุ์ เพราะมุอัลลัฟทุกคนเป็นซีแยหรือชาวสยาม คนนายูหรือมลายูบางคนถึงขั้นชิงชังรังเกียจ ครอบครัวของฉันเป็นหนึ่งในนั้น ครอบครัวภรรยาของเขาก็ไม่ต่าง เพียงแต่ภรรยาของเขายืนกรานหนักแน่นมากพอเลยได้เขาเป็นสามี บางทีถ้าฉันเข้มแข็งมากพอก็คงได้แต่งงานกับเขาแล้ว แต่นั่นก็ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ เหมือนที่ภรรยาของเขาต้องประสบ ความรักเหมือนเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ไม่เคยใช่
สุดท้ายเขากับภรรยาก็ไปกันไม่รอด หลังแต่งงานกันได้ไม่กี่ปีก็ถูกบังคับให้หย่า ใครสักคนนี่แหละปล่อยข่าวว่าเขาแอบกินหมูตอนกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเกิด เขาสาบานกับฉันว่าไม่ใช่เรื่องจริง ที่จริงไม่ต้องสาบานฉันก็เชื่อ เพราะก่อนหน้าจะเปลี่ยนศาสนาเขาก็ศึกษาคำสอนของเราอย่างจริงจัง บางเรื่องเขายังรู้มากกว่าพวกเราที่เป็นมุสลิมโดยกำเนิดเสียอีก แต่ครอบครัวภรรยาของเขาไม่สนเรื่องนั้น แค่ข่าวลือว่าเขากินหมูก็เพียงพอให้ชีวิตคู่ของเขาล่มสลายได้แล้ว
หลังหย่ากับภรรยาเขาย้ายมาเช่าบ้านอยู่ที่ปัตตานี เป็นช่วงจังหวะที่ฉันกำลังเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในตัวเมืองพอดี เราไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เขาแต่งงานไป แต่ฉันก็ติดตามข่าวคราวของเขาผ่านสเตตัสบนเฟซบุ๊ก จึงรู้ว่ามีคาเฟ่บางแห่งที่เขาชอบไป ฉันเลยแวะไปที่นั่นเผื่อได้พบกัน ไปอยู่สามสี่ครั้งถึงได้เจอ
แม้เราจะเคยคบหาเป็นคนรักกันมาก่อนสมัยเป็นนักศึกษาปริญญาตรี แต่ลึกๆ แล้วฉันก็รู้ดีว่าอย่างมากก็เป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทที่สุด สถานะอื่นใดนอกจากนั้นเป็นเรื่องเกินเอื้อมจริงๆ
[เบตงในความทรงจำ]
ความทรงจำของฉันย้อนกลับไปในคืนต้นเดือนมิถุนายน 2561
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเป็นวันนัดฟังคำพิพากษาคดีหนีเกณฑ์ทหาร คดีลงเอยที่ศาลสั่งให้เขาจ่ายค่าปรับแล้วส่งเรื่องต่อให้สัสดีอำเภอ อาจเพราะตอนนั้นเขาอายุเกินสามสิบไปแล้ว สัสดีอำเภอเลยจำหน่ายชื่อเขาออกจากบัญชีตรวจเลือกทหารกองเกิน ตอนนั้นฉันเพิ่งเรียนจบและกลับไปอยู่บ้านที่ตากใบ ตั้งใจว่าจะอยู่ว่างๆ สักปีก่อนสอบบรรจุข้าราชการครูหรือหางานทำในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาสักแห่ง เขาส่งข้อความหาฉันในคืนนั้น เอ่ยชวนไปขับรถเที่ยวตระเวนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยกัน บอกว่าโดนจับเข้าครั้งหนึ่งก็เปลี่ยนมุมมองชีวิตไปบางอย่าง หนึ่งในนั้นคืออยากทำอะไรควรรีบทำถ้ายังมีโอกาส และหนึ่งในสิ่งที่อยากทำในตอนนั้นคือขับรถเที่ยวชมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สักครั้งกับฉัน
เช้าวันต่อมาเราเลยนัดเจอกันที่หาดแฆแฆ ขับมอเตอร์ไซค์กันมาคนละคัน ท่ามกลางฝนเดือนมิถุนายนที่ตกโปรยปรายหนักบ้างเบาบ้าง เราแวะชมทะเลน้ำจืดที่ทุ่งยางแดง เลี้ยวเข้าบันนังสตา แวะกินมื้อเที่ยงร้านอาหารริมทาง หลังจากนั้นตั้งใจจะไปยังจุดชมวิวเขื่อนบางลาง
ลงจากจุดชมวิวเขื่อนบางลางเป็นเวลาบ่ายสาม เราปรึกษากันว่าจะเที่ยวต่อหรือหาที่พักค้างคืนสักคืน เป็นเขาที่เสนอให้เราขับกันไปให้ถึงเบตง ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยนักเพราะกว่าจะถึงก็คงค่ำมืดดึกดื่น
“มันอันตรายเหรอ” เขาถาม
“เปล่าหรอก แค่มันคงดึกมากกว่าจะถึง อาจจะสองสามทุ่ม”
“อยากไปให้ถึงเบตงสักครั้งในชีวิต อยากตื่นเช้าแล้วขึ้นไปดูหมอกที่อัยเยอร์เวง”
ฉันเป็นฝ่ายยอมแพ้ เพราะอยากยอมตามใจเขามากกว่า อีกอย่างสามจังหวัดยามค่ำคืนไม่ได้อันตรายขนาดที่เขาว่ากันหรอก ฉันเคยขับมอเตอร์ไซค์จากตากใบถึงปัตตานีตอนย่ำค่ำมาแล้วหลายหน
เราออกจากเขื่อนบางลางตอนบ่ายสาม แวะกินมือเย็นข้างทางตอนห้าโมงก่อนถึงธารโตเล็กน้อย แวะถ่ายรูปตรงสะพานข้ามป่าฮาลา-บาลาตอนตะวันใกล้ตกดิน เส้นทางหลังจากนั้นเป็นโค้งขอบเขานับร้อยโค้งที่ทั้งหักศอกและสลับซับซ้อน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยสายไม่หยุด และความมืดที่โรยตัวลงมาจนมองแทบไม่เห็นทาง ตอนนั้นแหละที่เขาเพิ่งเริ่มนึกกลัวเพราะมันมืดจนมองอะไรแทบไม่เห็นนอกจากเงาตะคุ่มของภูเขาและเงาไม้พัดไหว กว่าจะถึงเบตงก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม แต่กว่าจะหาที่พักได้ก็เกือบสี่ทุ่ม เรารู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดที่ผ่านมาถึงเบตงอย่างปลอดภัย
เข้าวันต่อมาเราตั้งใจจะไปจุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แต่เมื่อไปถึงเราต้องจอดรถไว้ครึ่งทาง แล้วนั่งรถรับจ้างต่อขึ้นไป เราไม่ชอบที่ถูกบังคับให้จ้างรถขึ้นโดยไม่มีทางเลือกอื่นให้อีก เราจึงขับกลับลงมา เขาเกือบจะได้เห็นทะเลหมอกแล้ว แต่ก็ไม่ได้เห็น
[การเดินทางสิ้นสุด]
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นเขาคงไม่ใช่เขา วินาทีนั้นฉันถอนหายใจอย่างปลดปลง ฉันถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พรุ่งนี้ฉันจะวางหนังสือของเขาไว้ที่นี่ ส่วนฉันคงได้เวลาเดินทางต่อ ถึงเวลาก้าวผ่าน
พรุ่งนี้ฉันต้องกลับไปตากใบ เรื่องการดูตัวที่รออยู่ ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะว่าพิจารณาชายคนที่จะมาอย่างจริงจังสักครั้ง
ส่วนเรื่องสั้นที่ตั้งใจเขียนจนจบ ฉันกลับเปลี่ยนใจแล้วว่าจะไม่ส่งประกวด เพราะไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่าอย่างไรดี •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022