

สถานะและการดำรงอยู่ของ 200 สมาชิกวุฒิสภา”ใหม่”กำลังอยู่ในการประเมินในทาง”ความคิด”และในทาง”การเมือง”อย่างมากด้วยความอ่อนไหว
มีความหงุดหงิด มีความไม่พอใจต่อการได้มาซึ่ง 200 สมาชิกวุฒิสภา”ใหม่”อย่างแน่นอน
กระนั้น ในความหงุดหงิดก็สะท้อนความหลากหลาย รู้สึกหรือไม่ว่าเป็นความหงุดหงิดอันปรากฏขึ้นจาก”ภายใน” ของ 250 สมาชิกวุฒิสภา”เก่า”แม้ว่าองค์ประกอบจาก”สีน้ำเงิน”จะมีความคุ้นชิน
คุ้นชินเพราะว่า”สีน้ำเงิน”ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งอำนาจรัฐประหารอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่หลังโค่นรัฐบาลพรรคพลังประ ชาชนเมื่อเดือนธันวาคม 2551 มาแล้ว
ยิ่งในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 พรรคการเมืองที่มี ความแนบชิดอยู่กับ”สีน้ำเงิน”ยังเป็นองค์ประกอบหนึ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งมีความแนบชิด
แต่เมื่อพลัง”สีน้ำเงิน”ผงาดผ่านการเป็นองค์ประกอบใหญ่ใน 200 สมาชิกวุฒิสภา”ใหม่”กลับกลายเป็นความหงุดหงิด
นี่ย่อมเป็นภาวะซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งในทางการเมือง
เด่นชัดยิ่งว่าภายใน 250 สมาชิกวุฒิสภา”เก่า”ไม่มีความสุกงอมในการวางมือจาก”อำนาจ” ยังต้องการความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังไม่อยากเห็น”การเปลี่ยนแปลง”
การเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏจึงดำเนินไปอย่างจำใจ จำยอมเพียงเห็นการผงาดขึ้นมาของ ส.ว.”สีน้ำเงิน”ภายใน 200 สมาชิกวุฒิสภา”ใหม่” ภายใน 250 สมาชิกวุฒิสภา”เก่า”ก็มิอาจยอมรับได้อย่างเต็มเปี่ยม
การยอมรับต่ออำนาจภายใน”รัฐบาพิเศษ”ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนกลางจึงเป็นการยอมรับอย่างหวานอมขมกลืน ไม่ว่าจะมองจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะมองจากพรรคพลังประชารัฐ
เพราะเพียงแต่การผงาดขึ้นของ ส.ว.”สีน้ำเงิน”ที่มีความใกล้ชิดอยู่กับพรรคภูมิใจไทยก็ยังหงุดหงิดและแสดงท่าทีออกมา
นี่ย่อมสร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างสูงให้พรรคภูมิใจไทย
บทเรียนจากปรากฏการณ์อันเกิดขึ้นระหว่าง 250 สมาชิกวุฒิสภา“เก่า”กับ 200 สมาชิกวุฒิสภา”ใหม่”จึงสำคัญ
สำคัญต่อพรรคภูมิใจไทย สำคัญต่อพรรคเพื่อไทย แท้จริงแล้ว การจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ เสมอเป็นเพียงการตัดสินใจ”ชั่วคราว”เพราะเป้าหมายร่วมคือปฏิเสธการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล
ความหงุดหงิดจาก 250 สมาชิกวุฒิสภา”เก่า”จึงดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็นตัวแทนแห่งอำนาจ”เก่า”ในทางการเมือง