เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

กลยุทธ์อสังหาฯ ฝ่าวิกฤต

13.07.2024

ปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ วิกฤตกำลังซื้อตกต่ำ ซึ่งเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจประเทศเติบโตต่ำต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ

ผลกระทบครั้งนี้ กับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมากน้อยเพียงใดนั้น ถึงขนาดที่ผู้บริหารอสังหาฯ ระดับท็อป 3 กล่าวว่า เป็นภาวะที่หนักหนาที่สุดในรอบ 20 ปี ยกเว้นเฉพาะวิกฤตการเงิน “ต้มยำกุ้ง” ปี 2540 เท่านั้น ที่เหลือ วิกฤตน้ำท่วม ชุมนุมประท้วง วิกฤตซับไพรม์ ล้วนเล็กน้อยกว่าวิกฤตที่กำลังเจออยู่เวลานี้

จากแรงกดดันที่ถาโถมมา ก็จะเห็นการรับมือตอบโต้กับสถานการณ์เกิดขึ้นแล้ว นับจากนี้ไป

 

เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีลักษณะแตกต่างจากธุรกิจประเภทอื่น คือ เป็นธุรกิจที่ใช้เงินทุนสูง (capital intentsive) และมีสภาพคล่องต่ำ มีที่ดิน อาคารที่เรียกรวมว่า อสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นทั้งวัตถุดิบ, สินค้า และทรัพย์สิน

ปัญหาของธุรกิจอสังหาฯ เมื่อเผชิญภาวะวิกฤตเมื่อดูจากงบการเงินจึงมักไม่ใช่ปัญหาการขาดทุน แต่ร้อยละเกือบร้อยมักเป็นปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน คือ มีเงินสดไม่เพียงพอสำหรับการชำระหนี้ต่างๆ อาทิ ผู้รับเหมา ซัพพลายเออร์ ค่าใช้จ่ายบริหารและสำนักงาน

ดังนั้น กลยุทธ์ท่าแรกที่ถูกนำมาใช้ จะเป็นการเร่งระบายสต๊อกสินค้า บ้าน-คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จรอการขาย เพราะยิ่งขายได้มากขายได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดรายได้และลดหนี้ได้มากเท่านั้น บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่เติบโตจากการทำโครงการคอนโดฯ จะมีสต๊อกห้องชุดเหลือขายจำนวนมาก

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ซัพพลายบ้าน และคอนโดฯ เหลือขายมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 จนถึงไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้าง 213,429 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,217,916 ล้านบาท

ตลาดอสังหาฯ จะต้องมีแคมเปญขายสต๊อกเหล่านี้แบบจัดหนักต่อเนื่องไปอีกนานพอสมควร เพราะมีข้อจำกัดด้านกำลังซื้อที่ตกต่ำ

 

กลยุทธ์ท่าที่ 2 การขายทรัพย์สินชิ้นใหญ่ เริ่มมีการนำมาใช้กันบ้างแล้ว อาทิ บมจ.แอลพีเอ็นฯ ขายบิ๊กล็อตห้องชุดพร้อมอยู่โครงการริมแม่น้ำให้บริษัทเอกชนรายหนึ่ง, บมจ.อนันดา ขายเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ซึ่งเป็นบริษัทลูกให้แก่มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ซึ่งเป็นพันธมิตร JV จากญี่ปุ่น มูลค่า 2,540 ล้านบาท

ล่าสุด เดอะ ฟอเรสเทียส์ บางนาตราด ของ MQDC ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงซื้อขายอาคารชุดพักอาศัยเดอะ ฟอเรสเทียส์ มายโทเปีย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อาคารชุดในโครงการกับบริษัท ซูเปอร์ สยาม เรียลตี้ จำกัด มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท

กลยุทธ์ท่าที่ 2 นี้น่าจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทั้งที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างเป็นทางการ และแบบไม่เป็นข่าว

 

ถ้าทำ 2 ท่ากลยุทธ์นี้แล้วปัญหายังไม่จบ

ท่าต่อไปซึ่งเป็นกลยุทธ์ท่าที่ 3 คือ การหาผู้ร่วมทุนใหม่เข้ามา

เป็นการหาทุนใหม่เข้ามาถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นเดิมยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นลง และมีผู้บริหารใหม่มาร่วมบริหาร

กลยุทธ์ท่าที่ 3 นี้ยังไม่มีข่าวอย่างเป็นทางการว่ามีใครทำหรือยัง

ซึ่งอาจมีการตกลงกันและดำเนินการไปแล้วเงียบๆ ภายในก็เป็นได้

 

กลยุทธ์ท่าที่ 4 กลยุทธ์สุดท้ายที่มักเกิดตอนท้ายๆ ของวิกฤติ คือ การทำแผนฟื้นฟู เป็นการดำเนินการผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ผ่านศาล ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ฝ่ายต่างๆ มาทำเงื่อนไขข้อตกลง เพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้

แต่ขณะนี้ยังไม่มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น ซึ่งก็หมายความว่าวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่า จุดต่ำสุด หรือ bottom

อย่างไรก็ดี วิกฤตกำลังซื้อตกต่ำครั้งนี้ บริษัทอสังหาฯ มีหนี้สินค่อนข้างต่ำ คือ มี D/E เรโชเฉลี่ยบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์เพียง 1.09 เท่านั้น

ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดปัญหาหนักหน่วงจนถึงขั้นทำแผนฟื้นฟูน้อยมาก ส่วนใหญ่น่าจะจบปัญหาได้ในขั้นระบายสต๊อกเหลือขาย หรืออย่างมากก็ตัดขายทรัพย์สินชิ้นใหญ่ แค่นั้น

สถานการณ์นี้จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน กี่เดือนกี่ปี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจอสังหาฯ เพียงลำพัง เพราะเรื่องกำลังซื้อของตลาดเป็นผลของระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ จึงขึ้นกับสภาพการเมืองของประเทศไทย รัฐบาลไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และประชาชนคนไทย •

 

 

 

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดินเผา วัตถุมงคลเก่าแก่ของวัดลิงขบ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เสก
ร้อนสุดขั้ว ‘สะท้านโลก’
อสังหาฯ ปรับแผนเปลี่ยนกลยุทธตลาด
‘โจบ’ บนเส้นทางเดียวกับ ‘จู๊ด’ แต่อยากยิ่งใหญ่ในแบบของตัวเอง
ชัยชนะของ AIS-GULF-JAS คนไทยเฮพร้อมดูบอลไทยลีกฟรี!
ยำรวมมิตร (กินกับข้าวต้ม)
เจาะลึกสถานการณ์ค่าย ‘NETA’ กับอนาคตตลาดรถ EV เมืองไทย
ดาวกับดวงวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568
จดหมาย
กลาก สังคัง ฮ่องกงฟุต มะเขือขื่นตอบโจทย์ได้
เดินตามดาว | ศรินทิรา
ขอแสดงความนับถือ