
เปิดแผนฉกทองเชียงใหม่ โจรหนุ่มเตรียมการซับซ้อน ฆ่าชิงรถแกร๊บ-ใช้ลวง ตร. ซื้อตั๋วเตรียมเผ่นไปญี่ปุ่น

“ไม่มีอาชญากรรมใดที่สมบูรณ์แบบ อาชญากรย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ”
ความจริงที่ถูกพิสูจน์มาครั้งแล้วครั้งเล่า ล่าสุด ก็คดีโจรชิงทองในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่แม้นจะใช้เวลาวางแผนสุดสลับซับซ้อน เหี้ยมโหดขนาดใช้ชีวิตคนบริสุทธิ์เป็นเหยื่อล่อให้ตำรวจหลงทาง ซื้อเวลาเพื่อจะหลบหนีออกนอกประเทศ
แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ชนิดไม่ทันข้ามวัน

หลักฐานมัดนำทองไปเร่ขาย
โจรบุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง
คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเที่ยงวันที่ 8 กรกฎาคม พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ญาณพล พัฒนชัย ผกก.สภ.แม่ปิง พร้อมชุดสืบสวน รุดไปตรวจสอบเหตุคนร้ายวิ่งราวทองคำ จากร้านทองออโรร่า ชั้น 2 ในห้างดังกลางเมืองเชียงใหม่
ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า คนร้ายสูงประมาณ 170 ซ.ม. ใส่หมวกสีดำ เสื้อแจ๊กเก็ตสีเขียวของพนักงานไรเดอร์ สวมแมสก์ปิดบังใบหน้า เดินเข้ามาในห้างและเดินตรงไปในเคาน์เตอร์ร้านทอง กวาดทองที่แขวนโชว์อยู่ไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกไปที่ลานจอดรถก่อนขับรถเก๋งโตโยต้า อัลตีส สีขาว ทะเบียน 1173 จันทบุรี หลบหนีไปทางถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ลำปาง
พล.ต.ต.ธวัชชัยสั่งการให้รีบสกัดจับทันที โดยเบื้องต้นคนร้ายกวาดสร้อยทองคำไปทั้งหมด 32 เส้น น้ำหนักประมาณ 80 บาท รวมมูลค่าราว 3 ล้านบาท
กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบรถคันดังกล่าวจอดทิ้งบริเวณใกล้กับวัดผาลาด ทางขึ้นดอยสุเทพ ด้านในรถมีรอยเลือดจำนวนมากเปรอะอยู่ เมื่อตรวจสอบพบว่าเจ้าของรถคือ ว่าที่ ร.ท.สุเทพ ชัยนันตา อายุ 48 ปี ชาว ต.ช่อแล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อาชีพเป็นคนขับแกร็บคาร์และเป็นเทรนเนอร์ สอบถามญาติๆ ทราบว่าออกมาวิ่งรถรับผู้โดยสารแต่เช้าและไม่สามารถติดต่อได้
หลักฐานที่พบชี้ไปที่ ว่าที่ ร.ท.สุเทพอย่างช่วยไม่ได้ แต่คดีก็พลิกชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อตำรวจได้เบาะแสสำคัญใหม่จากเจ้าของร้านทองในตลาดต้นลำไย ว่ามีชายคนหนึ่งนำสร้อยทองมาเร่ขายที่ร้าน แต่ไม่ได้รับซื้อเอาไว้ เนื่องจากตรวจสอบแล้วสงสัยว่าอาจเป็นสร้อยทองของร้านที่เพิ่งถูกก่อเหตุมา ที่สำคัญภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถเห็นหน้าตาของชายคนดังกล่าวอย่างชัดเจน
ตำรวจทำงานด้วยความรวดเร็ว ลงพื้นที่ไล่เช็กกล้องวงจรปิดปริเวณดังกล่าว จนรู้ว่าหลังไม่สามารถนำทองไปขายที่ร้านได้ ชายต้องสงสัยนำสร้อยทองไปจำนำที่โรงรับจำนำแห่งหนึ่ง สุดท้ายก็ได้ข้อมูลของชายต้องสงสัย
19.00 น. ของวันที่เกิดเหตุ 7 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมตัวนายนิพิฐพนธ์ สมบูรณ์สุขยิ่ง อายุ 26 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนกล็อกขนาด 9 ม.ม. เสื้อผ้าชุดไรเดอร์ที่ใช้ก่อเหตุ และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาวเทาของผู้ต้องหา ที่บ้านใน ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ก่อนตรวจค้นยึดทองคำรูปพรรณ จำนวน 70 บาทที่เหลืออยู่ ซึ่งเจ้าตัวนำไปซุกซ่อนไว้บริเวณใต้หลังคาโรงรถ
ขณะที่ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภาค 5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเองที่ สภ.ภูพิงค์ เชียงใหม่ ก่อนเปิดเผยว่า นายนิพิฐพนธ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทั้งหมด อ้างว่าเพื่อหาเงินไปช่วยพ่อแม่ปลดหนี้สินที่ถูกหลอกลงทุนฟอเร็กซ์ 3 ดี จนเป็นหนี้ถึง 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบแผนการก่อเหตุที่เจ้าตัวเขียนบันทึกข้อความเอาไว้ในโทรศัพท์มือถืออย่างละเอียด ทั้งภาพถ่ายสถานที่ ระยะเวลาที่ใช้เดินทางและลงมือก่อเหตุ มีทั้งแผนเอ แผนบี แผนซี ทำให้กลายเป็นหลักฐานมัดตัวชนิดดิ้นไม่หลุด

ว่าที่ร้อยโทสุเทพ ชัยนันตา ถูกฆ่าชิงรถ
ตะลึงแผนสุดซับซ้อน-เหี้ยมโหด
แต่ที่น่าตกใจคือ ประเด็นรถที่ใช้ก่อเหตุ ที่ถูกทิ้งอยู่ที่ทางขึ้นดอยสุเทพ นายนิพิฐพนธ์รับว่าวางแผนลงมือก่อเหตุมาเป็นเวลานานถึง 1 ปี กับ 2 เดือน ไปดูลาดเลาที่ร้านทองก่อน จากนั้นมาสำรวจเส้นทาง ก่อนเช้ามืดวันเกิดเหตุ ขับรถยนต์ของตนไปจอดที่ลานกาแล ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นเดินเท้าลัดเลาะเส้นทางธรรมชาติมาที่ดอยสุเทพ เพื่อหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดตามถนนหลัก ก่อนถึงวัดผาลาด เป็นระยะทางประมาณ 6-7 กิโล
จากนั้นโทรศัพท์เรียกแกร็บคาร์มาหา เพื่อฆ่าชิงรถและใช้รถคันดังกล่าวทำให้ตำรวจไขว้เขวแล้วจะหนีไปต่างประเทศ ซึ่งคนที่กดรับงานบังเอิญเป็นว่าที่ ร.ท.สุเทพ
หลังว่าที่ ร.ท.สุเทพขับรถมารับ นายนิพิฐพนธ์ขึ้นไปนั่งหลังรถก่อนออกอุบายว่าต้องการชมวิว ขอให้ขับรถมาจอดที่จุดชมวิว จากนั้นจึงใช้อาวุธปืนจ่อยิงจนเสียชีวิตและลากศพไปทิ้งลงเหวบริเวณใกล้จุดชมวิวดอยสุเทพ ที่ลึกประมาณ 50 เมตร จากนั้นขับรถของผู้ตายรวมทั้งนำเสื้อผ้าชุดไรเดอร์ของผู้ตายไปก่อเหตุวิ่งราวทองที่ห้างดังกล่าว
หลังก่อเหตุเสร็จขับรถมายังจุดทิ้งศพที่ดอยสุเทพ ใกล้วัดผาลาด แล้วเดินลัดเลาะเส้นทางธรรมชาติย้อนไปยังจุดจอดรถของตนเอง แล้วนำทองไปตระเวนขายที่ตลาดต้นลำไยและจำนำจำนวน 7 เส้น ได้เงินประมาณ 300,000 บาท ก่อนโอนเงินบางส่วนให้พ่อ-แม่ และนำไปซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแต่มาถูกจับได้เสียก่อน
พล.ต.ท.กฤตธาพลเผยอีกว่า ผู้ต้องหาชอบเล่นเกมประเภทใช้อาวุธปืน เป็นเด็กเนิร์ด สารภาพทุกข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อชิงทรัพย์ รถยนต์ อำพรางซ่อนเร้นทำลายศพ, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และวิ่งราวทรัพย์ทอง
กลางดึกวันเดียวกัน ตำรวจนำนายนิพิฐพนธ์ไปชี้จุดทิ้งศพ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิลงไปเก็บกู้ร่างของว่าที่ ร.ท.สุเทพขึ้นจากเหวนำส่งแผนกนิติเวร รพ.มหาราชเชียงใหม่ เพื่อชันสูตร ท่ามกลางความเศร้าเสียใจและเสียงตะโกนด่าผู้ต้องหาด้วยความโกธรแค้น

พฐ.เก็บหลักฐานที่รถ
ด้านพ่อและแม่ของนายนิพิฐพนธ์เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจและขอโทษที่ลูกชายก่อเหตุดังกล่าว ยอมรับว่าลูกชายมีพฤติกรรมหมกมุ่นและติดเกมจริงๆ โดยเฉพาะเกมวางแผนและต่อสู้ใช้ความรุนแรง รวมทั้งชอบดูหนังแนวเดียวกันนี้ด้วยมาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งได้พยายามห้ามปรามตักเตือนอยู่ตลอด แต่ไม่เป็นผล
ปกติแล้วลูกชายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและไม่ค่อยพูด จึงไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะก่อเหตุเช่นนี้
ตอนตำรวจเข้ามาจับกุมตัวที่บ้านยังตกใจมาก เพราะหลังก่อเหตุแล้วลูกชายได้กลับมาอยู่ที่บ้านและทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง ทั้งนี้ เป็นห่วงลูกชายว่าอาจจะทำร้ายตัวเองในระหว่างที่ถูกคุมขัง
สำหรับที่ระบุว่าลูกชายก่อเหตุเพราะทางบ้านมีปัญหาทางการเงินเพราะถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทองสูญเสียเงินจำนวนมากนั้น ยอมรับว่าทางบ้านมีปัญหาการเงินจากการถูกหลอกให้ร่วมลงทุนจริง ถูกหลอกไปเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ทำให้ทางบ้านเผชิญปัญหาทางการเงิน
ซึ่งก่อนหน้านั้นลูกชายเคยเตือนแล้วแต่พ่อแม่ไม่เชื่อ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ลูกชายก่อเหตุเพราะหวังจะนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว แต่ยืนยันว่าทางบ้านไม่รู้เรื่องระแคะระคายแม้แต่น้อย และถึงจะมีปัญหาเรื่องถูกโกงเงิน แต่ทางบ้านยังใช้ชีวิตอยู่ได้ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่สุขสบายเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้น
โดยลูกชายไม่ได้ทำงานอะไร แต่ทำหน้าที่คอยดูแลแม่และแม่ให้เงินเดือนราวเดือนะ 15,000-20,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่น้อย
ส่วนความผิดที่ลูกก่อเหตุนั้น ยอมรับว่าเป็นห่วงลูก เพราะในสายตาพ่อแม่แล้ว ลูกเป็นเด็กและเป็นคนดีเสมอ แต่ก็ไม่ได้ปกป้องว่าลูกไม่ผิด และบอกกับลูกแล้วให้พูดความจริงทั้งหมดเพื่อโทษหนักจะได้เป็นเบา
รวมทั้งขอแสดงความเสียใจและขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างสูงและจากใจด้วย โดยทางครอบครัวจะไปกราบขอขมาแทนลูกชายอย่างแน่นอน
ขณะที่จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่าเคยเป็นผู้เข้าประกวดมิสเตอร์ทัวริซึม ไทยแลนด์ 2018 เป็นตัวแทนจาก จ.ลพบุรี และเวที Mister Universe Thailand 2019 ซ้ำยังเคยแสดงภาพยนตร์เป็นหนังฆาตกรรมอีกด้วย
ส่วนเฟซบุ๊ก เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น โพสต์ภาพของว่าที่ ร.ท.สุเทพ พร้อมข้อความแสดงความอาลัย ระบุว่า “R.I.P. ว่าที่ร้อยโทสุเทพ ไรเดอร์ขับแกร็บ ชาวแม่แตง เชียงใหม่ เทรนเนอร์ด้านการออกกำลังและโภชนาการ แบบคำเมือง ใน ติ๊กต็อก FB #ลดไขมันขั้นเทพ ระบุข้อมูลผู้เสียชีวิต ว่าที่ร้อยโท สุเทพ เดิมเป็นชาวอำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่ แต่ไปทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งที่ จ.ระยอง มีภรรยาและบุตรอยู่ที่ จ.ระยอง ส่วนแม่อยู่ที่ อ.แม่แตง อายุกว่า 80 ปี แม่ป่วยจึงลาออกจากงานมาดูแลแม่ที่ จ.เชียงใหม่ และใช้เวลาว่างขับแกร็บหารายได้ จนเกิดเหตุถูกสังหารชิงรถยนต์จากคนร้ายชิงทอง”
คดีที่ปิดลงได้อย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งมาจากคนในสังคมที่ไม่นิ่งดูดาย คอยแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้แม้นอาชญากรจะวางแผนสลับซับซ้อนเพียงใด ก็ยากจะรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022