

พัฒนาการของกรณี”แคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้”ในเชิงการข่าว น่าศึกษา น่าวิเคราะห์ อย่างเป็นพิเศษ
จาก”ปรากฏการณ์”แล้วดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็น”มวลชน”
เริมจากความสงสัยภายในหมู่ผู้สมัครเข้ารับ”การเลือก”เพื่อดำรงสถานะเป็น”สมาชิกวุฒิสภา” แล้วผ่านความรับรู้ของ”สื่อ”บางสื่อที่กระสาต่อกลิ่นอันได้มา
จากนั้น มีการนำเสนอผ่านช่องทางในลักษณะอันเป็น”ปักเจก” แสดงความทึ่ง ต่อความสามารถที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 ใน 200 สมาชิกวุฒิสภา”ใหม่”ด้วยกัน
เมื่อรับรู้ว่ามาจากพื้นที่”บุรีรัมย์”อันเป็นเขตอิทธิพลอันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของสาย”สีน้ำเงิน” ยิ่งเร้า เย้ายวนใจใคร่รู้อย่างเป็นพิเศษ
น่าสังเกตว่าความแคลงคลางกังขาที่ผุดพรายขึ้นเป็นหวอดเล็กๆกลับยิ่งได้รับความสนใจขยายขึ้น หลายสำนัก หลายคนต่าง อยากพบ อยากสัมภาษณ์ แต่ถูกปฏิเสธ
ต่อเมื่อ”กรรมกรข่าวนอกจอ”ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้รับเกียรติอย่างเต็มพิกัด นั่นแหละคือหมุดหมายอันสำคัญ
การแสดงความสามารถนั่นเองที่เร้าเย้ายวนใจอย่างยิ่งยวด
ภายในเวลาอันรวดเร็ว เรื่องที่เคยซุบซิบกันอยู่ภายในวงแคบๆก็กลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ กลายเป็น”ปรากฏการณ์”ในทางสังคมโดยอัตโนมัติ เจ้าตัวนั้นเองที่ทำให้แสงแห่งสปอตไลต์เข้าฉายจับ
ไม่เพียงเป็นการฉายจับภายในประเทศ หากแต่สำคัญเป็นอย่างมากยังมาจากคนไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งชาวต่างประเทศเอง
ไส้กี่ขดต่อกีขดก็ปรากฏออกมา การวิพากษ์วิจารณ์ขยายวง อย่างฉับพลันไม่แตกต่างไปจากสำนวนโบราณที่ว่า ประกายไฟได้นำไปสู่ไฟลามทุ่ง
เห็นกันอย่างแจ้งชัด ถนัดตา ยิ่งออกมาแถลง ยิ่งออกมาชี้แจง ยิ่งกลายเป็นคำถามนำไปสู่คำถามตามมาอย่างไม่ขาดสาย ยกระดับไปสู่ความเป็นสาธารณะ ความเป็นมวลชน
ยากที่จะดับลงได้ มีแต่จะไหม้ มีแต่แผ่กระจายออกไป
การแผ่กระจายแห่งข้อมูล คือพื้นฐานอันอุดมสมบูรณ์ให้กับกระบวนการทางด้านข่าวสาร
ทุกอย่างเริ่มต้นโดย”มวลชน” อยู่ในมือ”มวลชน”
อาจไม่สามารถถึงขนาดให้เจ้าตัวต้องพันไปจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่การดำรงอยู่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่ว่าในทางสังคมหรือในทางส่วนตัว
บรรดาคนที่เคยแวดล้อม บรรดาคนที่เคยเป็นรากฐานยิ่งเหน็ดเหนื่อยมากยิ่งขึ้นเป็นสภาพอย่างที่หัวร่อมิได้ ร่ำไห้มิออก