bg-single

ครบรอบ 1 ทศวรรษ Boyhood หนังที่ถ่ายทอดสัจธรรมของชีวิตและเวลา ด้วยบทเพลง

23.07.2024

บทความพิเศษ | ศรัณยู ตรีสุคนธ์

 

ครบรอบ 1 ทศวรรษ Boyhood

หนังที่ถ่ายทอดสัจธรรมของชีวิตและเวลา

ด้วยบทเพลง

 

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง Boyhood ของผู้กำกับการแสดง ริชาร์ด ลิงเคลเตอร์ เพิ่งจะมีอายุครบ 10 ปีไปหมาดๆ

หนังเรื่องนี้ใช้ระยะเวลาในการสร้างนานถึง 12 ปี โดยเล่าเรื่องราวการเติบโตของ เมสัน อีแวนส์ จูเนียร์ (เอลลาร์ โคลเทรน) หนุ่มน้อยวัย 6 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับ โอลิเวีย (แพทริเซีย อาร์เคว็ตต์) คุณแม่ และ ซาแมนธา (ลอเรไล ลิงเคลเตอร์) พี่สาววัย 8 ปี

หนังโฟกัสไปยังการเติบโตทั้งด้านร่างกายและจิตใจของเมสันเป็นหลัก โดยได้เจอะเจอกับเมสัน อีแวนส์ ซีเนียร์ (อีธาน ฮอว์ก) ที่หย่าร้างกับแม่ไปแล้วบ้างเป็นครั้งคราว

ผู้กำกับฯ ริชาร์ด ลิงเคลเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาอยากสร้างหนังที่ “เวลา” มีความสัมพันธ์และเป็นพลวัตขับเคลื่อนชีวิตของมนุษย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามานานแล้ว

ซึ่งเขาก็ทำได้ดีใน Before Sunrise (1995), Before Sunset (2004) และ Before Midnight (2013) หนังไตรภาคที่ถ่ายทอดความงามของธรรมชาติทั้งในแง่ของความรักที่เป็นอนิจจังอยู่เสมอและกระแสธารของวันเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

ส่วน Boyhood เป็นหนังที่ริชาร์ด ลิงเคลเตอร์ ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของตัวเองที่คลอดเขาออกมาในขณะที่มีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น

โปสเตอร์หนัง Boyhood

หนังเริ่มถ่ายทำในปี 2002 จนถึงปี 2013 โดยใช้เวลาถ่ายทำต่อปีราวๆ 2-3 สัปดาห์เท่านั้น

ส่วนบทหนังมีเพียงพล็อตแบบเบสิกที่สุดสำหรับตัวละครหลักเพื่อที่เรื่องราวเรื่องราวของทุกคนในเรื่องจะได้มีพัฒนาการ, เติบโตและมีชีวิตของตัวเอง

โดยริชาร์ด ลิงเคลเตอร์ ได้วางฉากจบที่ไม่สามารถเลี่ยนแปลงได้เอาไว้แล้ว

“เวลาเป็นเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครที่จะเหยียบย่างลงบนแม่น้ำสายเดิมเป็นครั้งที่ 2 ได้ เพราะมันไม่ใช่สายน้ำเดิม และเขาก็ไม่ใช่คนเดิม” คำกล่าวของเฮราคลิคุส นักปรัชญาชาวกรีกยุคก่อนโสกราตีส สะท้อนให้เห็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่อง Boyhood ได้อย่างชัดเจน

ส่วนสิ่งที่ทำให้ Boyhood เป็นหนังที่เด่นมากๆ อีกสิ่งหนึ่งก็คือ “เพลงประกอบ” ที่แสดงให้เห็นถึง “สัจธรรมของชีวิต” ด้วย

ท่วงทำนองของบทเพลงเป็นตัวแทนของยุคสมัย เช่นเดียวกับเพลงบางเพลงที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเพลงที่เราชอบด้วยซ้ำแต่มันกลับมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความทรงจำที่เรามีต่อผู้คน, สถานที่และวันเวลา

อย่างเช่น เพลง Yellow ของวง Coldplay เป็นเพลงที่เป็นความรู้สึกในส่วนลึกที่โอลิเวียร์มีให้กับลูกชาย วันเวลาที่ผันเปลี่ยนทำให้เขาเป็นตัวของตัวเองทีละน้อยและจะโบยบินไปจากอ้อมอกของเธอไปในอีกไม่ช้า

สำหรับหนังเรื่องนี้ Yellow กลายเป็นเพลงที่พูดถึงการเสียสละของแม่คนหนึ่งที่ถึงแม้ว่าเธอจะต้องสูญเสียความสุขรวมถึงความฝันไปก็ตาม แต่เพื่อลูกแล้วเธอยอมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเธอก็หวังไว้ว่าในสักวันหนึ่งเขาจะมองเห็นมันในภายหลัง นั่นคือความรักที่ไม่มีข้อแม้ใดๆ ของผู้เป็นแม่

หน้าปก Black Album

ความหลักแหลมในการใช้บทเพลงและศิลปินผู้สร้างสรรค์งานเพลงของริชาร์ด ลิงเคลเตอร์ ในหนัง Boyhood เป็นชั้นเชิงในการเล่าเรื่องที่แยบยลทีเดียว

ฉากที่เด่นชัดที่สุดอยู่ในฉากที่เมสันผู้เป็นพ่อมอบ Black Album ที่ล้อเลียน White Album ของวง The Beatles ให้กับลูกชาย

มันคืออัลบั้ม Bootleg ที่เมสัน ซีเนียร์ รวบรวมงานเพลงจากโซโล่ อัลบั้มที่ดีที่สุด ของสมาชิกวง The Beatles ทุกคนหลังจากที่มีการยุบวงไปแล้วให้กับลูกชาย ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจากการปลุกให้วงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

แต่เมสันผู้เป็นลูกกลับเฉยๆ กับความตื่นเต้นเกินเหตุของผู้เป็นพ่อ เพราะสมาชิกที่เมสัน จูเนียร์ ชื่นชอบที่สุดคือ พอล แม็กคาร์ตนีย์ ต่างหาก

เมสันผู้เป็นพ่อไม่เห็นด้วย เพราะในความคิดของเขาแล้ว The Beatles คือวงดนตรี ไม่ใช่สมาชิกคนใดคนหนึ่ง ไม่มีสมาชิกโปรดสำหรับพ่อ เพราะ The Beatles คือความสมดุลที่สมาชิกแต่ละคนมีให้แก่กันมากกว่า

หากเปรียบชีวิตในแต่ละช่วงวัยของเมสัน จูเนียร์ (หรือแม้กระทั่งเราทุกๆ คนก็ตาม) เป็นเหมือนกับงานเพลงของวง The Beatles

ถึงแม้ว่าเราจะมีช่วงเวลาที่ดีและอยู่ในความทรงจำเสมอมา ชีวิตก็ไม่อาจที่จะสร้างความสมดุลได้ถ้าหากปราศจากประสบการณ์ทั้งดีและร้าย

พอล แม็กคคาร์ตนีย์ คือสมาชิกคนโปรดของเมสัน จูเนียร์

บางที ริงโก้ สตาร์ อาจจะเป็นสมาชิกของวงที่เขาชอบน้อยที่สุด แต่ The Beatles จะเป็นวงร็อกที่เจ๋งที่สุดตลอดกาลไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากขาดใครคนใดคนหนึ่งไป

ความสุขสันต์ในชีวิตบางอย่างอาจจะสูญสลายไปตลอดกาลไม่ต่างไปจากการแยกวงของ The Beatles แต่ถึงจะอย่างนั้นช่วงเวลาดีๆ จะยังคงอยู่ ชีวิตของเราทุกคนจะยังคงมี จอห์น, พอล, จอร์จ และริงโก้ อยู่เสมอ และแต่ละคนต่างก็มีบทเพลงที่ดีที่สุดของตัวเอง เราอาจจะเพียงหลงลืมมันไปเท่านั้น

และเมื่อเราตระหนักได้และรวบรวมพลังชีวิตให้กลับมามีชีวาอีกครั้งหนึ่ง เราทุกคนก็จะมีงานเพลง Bootleg ดีๆ ของวง The Beatles อย่าง Black Album ในยามที่เราท้อแท้และเพรียกหาความทรงจำดีๆ ให้กลับคืนมาเพื่อสร้างสมดุลให้กับการดำเนินชีวิตอีกครั้ง

 

เพลงประกอบหนัง Boyhood มีอีกหลายเพลงและแต่ละเพลงก็พาผู้ชมย้อนวันเวลากลับคืนไปยังช่วงเวลาที่ล่วงเลยไปแล้วแต่ยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอไม่ว่าจะเป็นเพลง Have to Say I Told You So ของวง The Hives, Could We ของ Cat Stevens, Band on the Run ของ Paul McCartney and Wings, Hate It Here ของวง Wilco รวมถึงเพลง Deep Blue ของวง Arcade Fire ที่เปิดในช่วงท้ายๆ และเป็นเหมือนบทสรุปของหนังทั้งเรื่อง

แต่เพลงที่นับได้ว่ามีความสำคัญในการเล่าเรื่องและขุดลึกเข้าสู่ความรู้สึกของเมสัน จูเนียร์ ได้อย่างลึกซึ้งที่สุดต้องยกให้กับเพลง Hero ของวงอินดี้โฟล์กอย่าง Family of the Year

ทันทีที่เพลง Hero บรรเลงขึ้นมา ภาพที่ปรากฏบนจอภาพยนตร์คือท้องถนนกลางทะเลทรายที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เมสัน จูเนียร์ ที่กำลังขับรถไปยังมหาวิทยาลัยที่ไกลจากบ้าน ห่างไกลออกไปจากอ้อมอกของพ่อและแม่ การกดชัตเตอร์เก็บภาพระหว่างการเดินทางของเมสัน ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขากำลังบันทึกสิ่งที่คาบเกี่ยวกันอยู่ระหว่างอดีตและปัจจุบัน ซึ่งมักจะมาจากมุมมองของใครก็ตามที่กำลังวิตกกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

Hero เป็นบทเพลงที่พูดถึงอิสระและเสรีภาพของเด็กที่เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ “Let me go. I don’t want to be your hero” ท่อนแรกของเพลงบรรยายความปรารถนาในใจของลูกที่กำลังบอกกับพ่อแม่ว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กที่เป็นทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างสำหรับพวกเขาอีกต่อไป

ท่อนที่ร้องว่า “Your masquerade, I don’t want to be a part of your parade. Everyone deserves a chance to walk with everyone else” สื่อได้โดยนัยว่าในขบวนพาเหรดบนถนนแห่งชีวิตที่ถูกปูเอาไว้อย่างถนุถนอมมาตั้งแต่ลูกเกิดเส้นนี้ เมื่อถึงเวลาอันสมควร ลูกๆ ก็จะต้องเลือกเดินบนเส้นทางของตัวเอง

ส่วนหน้ากากที่พ่อแม่เลือกสวมให้อย่างพึงพอใจมาตลอด ถึงวันหนึ่งก็ต้องถอด ออกเพราะท้ายที่สุดแล้วเด็กๆ ทุกคนต่างก็ต้องโตเพื่อไปมีชีวิตเป็นตัวเอง

 

บทเพลงในหนังเรื่อง Boyhood เป็นดั่งบทบันทึกความทรงจำที่ทำให้เรานึกถึงผู้หญิงหรือชายหนุ่มคนแรกที่เราหลงรัก, คำพูดของพ่อแม่ที่มองเราเป็นผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก, มิตรภาพของเพื่อนฝูงที่ครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่ามันจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ รวมถึงการเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายเมื่ออกหักครั้งแรกและเราจำได้ดีถึงเพลงที่เราได้ฟังหรือนึกถึงในช่วงเวลาเหล่านั้น

ไม่มีใครหยุดวันเวลาและการเปลี่ยนแปลงได้ เราอาจจะหยิบฉวยวันเวลาเอาไว้ได้ก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงขณะหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นช่วงเวลาทั้งในอดีตและปัจจุบันต่างหากที่จะฉกฉวยเราเอาไว้ ไม่ใช่แค่เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

แต่มันจะอยู่กับเราตลอดไป

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)
‘โฉมหน้าของศักดินาภิวัตน์ในปัจจุบัน’ (2)
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (21) ความตายจากฟากฟ้า
เมษา พฤษภา 2553 ประสาน 2 การเคลื่อนไหวใหญ่ ระหว่าง รัฐบาล กับ คนเสื้อแดง
มนุษย์เป็นเพียงผลลัพธ์ของเหตุบังเอิญ
ปฏิบัติการเหมันต์ทมิฬ (2) (Operation Dark Winter)
การเล่นกอล์ฟช่วยให้มีอายุยืน จริงหรือไม่?
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (132)
ตามไปดูการใช้ AI ในโรงเรียน ‘ญี่ปุ่น’