

ขอแสดงความนับถือ
กระสุนที่เฉี่ยวใบหู โดนัลด์ ทรัมป์
ถูกคาดหมายว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเมืองอเมริกัน
ทำให้ โจ ไบเดน ที่นอกจากเผชิญปัญหา “สังขาร” อันร่วงโรยแล้ว
ยังต้องเผชิญผลกระทบจากความพยายามลอบสังหารทรัมป์ดังกล่าว
อันอาจส่งผลให้ โจ ไบเดน พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี แบบไม่ได้ลุ้น
ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่า ทีมโจ ไบ เดน และพรรคเดโมแครต จะรับมืออย่างไร
แน่นอน เมื่อกล่าวถึงการ “รับมือ” แล้ว
ไม่ใช่อเมริกาเท่านั้น ที่ต้องรับมือ
ชาวโลกเองก็ต้องเตรียมรับมือ
โดยเฉพาะหากทรัมป์กลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีรอบที่ 2
ความ “เปลี่ยนแปลง”
และความ “ปั่นป่วน” จะเกิดขึ้นหรือไม่
สถานการณ์โลก ปัจจุบันมากด้วยความเคลื่อนไหว
คอลัมน์ โลกทรรศน์ ของ อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้ “มองการเปลี่ยนแปลง ของอังกฤษและโลก”
หลังพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลางของอังกฤษชนะเลือกตั้งทั่วไป
โดยได้ที่นั่งมากถึง 650 ที่นั่งในสภา
และได้นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์
สตาร์เมอร์ อาจต้องทำงานร่วมกับโดนัลด์ ทรัมป์ หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ซึ่งก็ต้องรอดูว่า สหรัฐจะมีจุดยืนเรื่องยูเครนอย่างไร
แต่สตาร์เมอร์สาบานว่าลอนดอนจะสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อยูเครนในสงครามต้านรัสเซีย
และเมื่อพิจารณาสิ่งที่ใกล้ไทยขึ้นมาสักนิด
อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ ให้ข้อมูลว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ มีประวัติของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและด้านสิทธิมนุษยชนโดดเด่น
และความเป็นประชาธิปไตยนี้ ทำให้ Derek Tonkin อดีตทูตอังกฤษผู้ติดตามการเมืองในเมียนมาอย่างต่อเนื่องได้เขียนผ่าน X หรือทวิตเตอร์ ทันทีว่า
“…นโยบายของรัฐบาลอังกฤษต่อเมียนมาภายใต้การบริหารงานของพรรคเลเบอร์จะกดดันอย่างแข็งขันต่อไป ในการยุติการปกครองโดยทหาร”
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า เส้นทางการเมืองของสตาร์เมอร์ นอกจากความชำนาญด้านยุโรปแล้ว การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนยังโดดเด่นและสืบเนื่อง
ท่าทีต่อการเมืองเมียนมา จึงโน้มเอียงไปในทางต่อต้านรัฐบาลทหาร
ซึ่งแน่นอน ทิศทางหลายเรื่องอาจกระทบกับไทยที่ยังสงวนท่าทีในการรักษาสัมพันธ์ในเชิงบวกกับรัฐบาลทหารเมียนมาอยู่ในหลายๆ ประเด็น
จากอังกฤษ ข้ามฟากไปยังฝรั่งเศส
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้
“ชนัดดา ชินะโยธิน” พาไป คุยกับฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย
เพื่อร่วมนับถอยหลัง สู่โอลิมปิก ปารีส 2024 ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคมด้วย
เอกอัครราชทูตปวงเบิฟ กล่าวว่า
“ข้อดีอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกก็คือ ความสามารถในการนำผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกัน การแข่งขันครั้งนี้ส่งเสริมบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของความสามัคคีและความสนิทสนมกัน เนื่องจากนักกีฬา ผู้เข้าชม และเจ้าหน้าที่ที่มีภูมิหลังทางภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลายได้มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นเลิศทางด้านกีฬา”
“การรวมตัวของพลเมืองโลกครั้งนี้สร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นการตอกย้ำจิตวิญญาณแห่งสันติภาพและมิตรภาพที่โอลิมปิกเป็นตัวแทน”
“การแข่งขัน Paris Games…ผมมั่นใจว่าจะเป็นงานที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำและประสบความสำเร็จ จากการนำมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติมารวมกันอีกครั้งในใจกลางฝรั่งเศส”
การเมืองโลกที่ร้อนระอุ
จากทั้งความรุนแรง และสงคราม
ในแทบทุกภูมิภาค
จะมี “สันติภาพและมิตรภาพ” จากปารีสเกมส์ 2024
มาช่วยผ่อนคลายให้ชุ่มเย็นลงได้เพียงใด
แต่เชื่อว่าหลายคนอาจไม่ได้คาดหวังนัก
แถมอาจต้องร่วมภาวนาว่าคงไม่มีเหตุร้ายใดๆ จากความขัดแย้งของโลก
มาทำลายเจตนารมณ์ของโอลิมปิกที่ดีๆ และสวยงาม
ให้พังทลายลงไปอีก •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022