การแข่งขัน ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี อาจจะปิดฉากลงพร้อมกับความสมหวังและผิดหวังของแฟนๆ แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ทีมที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์เป็นผู้ชนะในรายการนี้
สเปน อาจจะไม่ใช่ตัวเต็งอันดับ 1 ก่อนการแข่งขันเริ่ม แต่เมื่อยูโรเปิดฉาก ทีมกระทิงดุก็แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมและรักษามาตรฐานได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเป็นทีมเดียวที่คว้าชัยชนะตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบชิงชนะเลิศแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวม 7 นัด และเป็นการเก็บชัยในเวลา 90 นาที ถึง 6 นัด มีเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศซึ่งเฉือนชัยเจ้าภาพ อินทรีเหล็ก เท่านั้นที่ต้องลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ
สเปนโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ สไตล์การเล่นและปรัชญาของพวกเขายังคงเป็นบอลบุกที่ต่อบอลทำเกมอย่างสวยงาม แต่ต่างจากสไตล์ “ติกี้-ตาก้า” ที่เคยสร้างชื่อในยุค “โกลเดน เจเนอเรชั่น” อยู่เล็กน้อย
เพราะสเปนยุคนี้ไม่ได้เน้นว่าจะต้องต่อบอลไปมาและเน้นครองบอลให้มากกว่าคู่แข่งตลอดเวลาอีกต่อไป แต่เป็นการปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับคู่แข่ง และการต่อบอลแต่ละครั้งให้มีความหมายมากกว่า
เช่น เกมถล่มโครเอเชียในนัดแรก สเปนครองบอล 46 เปอร์เซ็นต์ อ้างอิงจากบริษัทเก็บสถิติกีฬาระดับโลกอย่าง ออปต้า แมตช์ดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในการลงสนามแมตช์ที่มีความหมาย 137 นัดหลังสุดซึ่งกระทิงดุครองบอลน้อยกว่าคู่แข่ง และต่อมาในรอบก่อนรองชนะเลิศกับเยอรมนี สเปนก็ครองบอลน้อยกว่าที่ 48 เปอร์เซ็นต์
ปรัชญาการเล่นที่ต่างจากเดิมนี้ต้องยกเครดิตให้ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ กุนซือทีมชาติที่บางคนสบประมาทว่าโนเนม เพราะไม่เคยมีผลงานการคุมทีมชุดใหญ่ระดับเป็นที่ประจักษ์มาก่อนรับงานใหญ่อย่างการคุมกระทิงดุในปี 2022 เลย
กระนั้น ก็ไม่ใช่ว่า เด ลา ฟูเอนเต้ จะปราศจากความสำเร็จแต่อย่างใด เพราะตอนคุมทีมยู-19 ก็พาทีมคว้าแชมป์ยุโรปปี 2015 ไปคุมทีมยู-21 ก็คว้าแชมป์ยุโรปปี 2019 ขยับไปคุมทีมยู-23 ก็ได้เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2020
จึงไม่น่าแปลกใจที่พอ หลุยส์ เอ็นริเก้ ลาออกจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติชุดใหญ่หลังตกรอบฟุตบอลโลก 2022 สมาคมฟุตบอลสเปนจะเลือกขยับเด ลา ฟูเอนเต้ ขึ้นมาจากการคุมทีมเยาวชน เพราะนักเตะหลายคนในชุดใหญ่ก็เติบโตมาจากการปลุกปั้นของเขา
และเด ลา ฟูเอนเต้ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ฤดูกาล 2022-2023 ได้ในปีต่อมา
สเปนชุดปัจจุบันเป็นการผสมผสานระหว่างนักเตะอายุน้อยเปี่ยมพรสวรรค์ และแข้งตัวเก๋าประสบการณ์สูง โดยมี เฆซุส นาบาส กองหลังวัย 38 ปี เป็นสมาชิกคนสุดท้ายจากชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010
นอกจาก โรดรี้ และ ฟาเบียน รุยซ์ ที่ถือเป็นหัวใจหลักของทีมแล้ว นักเตะสเปนที่ได้รับการจับตามองและพูดถึงเป็นพิเศษก็คือปีกวัยหนุ่มทั้ง 2 ข้าง อย่าง นิโก้ วิลเลียมส์ และ ลามีน ยามาล
โดยเฉพาะรายหลังซึ่งเป็นวันเดอร์คิดจากสโมสร บาร์เซโลน่า ที่หลายคนยกไปเปรียบเทียบกับตำนานสโมสรอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เรียบร้อยแล้ว
ยามาลโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในทัวร์นาเมนต์นี้ แม้จะเพิ่งอายุเต็ม 17 ปี ในวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เขามีทั้งความเร็ว เซนส์บอล ความกล้าเล่นกล้าลุย และความมั่นใจ โดยทัวร์นาเมนต์นี้เขาได้ลงสนามครบทั้ง 7 นัด รวม 507 นาที ยิงได้ 1 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ มีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอล 79.86 เปอร์เซ็นต์ และวิ่งรวมระยะทาง 55.32 กิโลเมตร
ด้วยวัยเพิ่งเต็ม 17 ปี ยามาลฝากสถิติไว้ในทัวร์นาเมนต์นี้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแข้งอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ และนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำแอสซิสต์ได้
การที่ยามาลเล่นได้อย่างโดดเด่นขนาดนี้ นอกจากพรสวรรค์เฉพาะตัวแล้ว ยังมาจากความเชื่อใจและไว้ใจของสตาฟฟ์โค้ชและพี่ๆ ในทีม ความที่มีหลายช่วงอายุ ความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะกระทิงดุจึงเป็นไปอย่างอบอุ่นเหมือนพี่น้องและครอบครัว
ทุกคนต่างเล่นเพื่อกันและกัน ช่วยเหลือและไว้ใจกัน
ขณะที่เด ลา ฟูเอนเต้ พูดถึงลูกทีมของเขาตอนหนึ่งว่า จุดเด่นของทีมสเปนเวลานี้คือความสามารถในการยืดหยุ่นและปรับตัวในเกม โดยปรับแท็กติกตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้า นำไปสู่ความเป็นไปได้มากมายในการสร้างสรรค์เกม จะทำเกมบุกเร็วก็ได้ เน้นการครองบอลก็ได้ ปรับเกมจากรุกเป็นรับหรือรับเป็นรุกอย่างรวดเร็วก็ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเชื่อใจและสมัครสมานสามัคคีกันนั่นเอง
ความสำเร็จจากยูโรหนนี้ทำให้สเปนทำสถิติครองตำแหน่งเจ้ายุโรปสูงสุด 4 สมัย พร้อมสถิติที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ ในช่วง 23 ปีหลัง ทีมจากสเปนไม่ว่าจะระดับสโมสรหรือทีมชาติ เมื่อเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว พวกเขามีสถิติคว้าชัยชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ 27 นัดติดต่อกันแล้ว!
ด้วยความที่นักเตะกระทิงดุชุดนี้อายุยังไม่มากนัก หลายคนยังมีอนาคตอีกยาวไกลรออยู่ข้างหน้า ทั้งนักวิจารณ์ สื่อ และแฟนบอลจึงเชื่อว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองระลอกใหม่ของทีม เหมือนกับในอดีตที่เคยคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ 3 รายการติดต่อกัน
และเชื่อเหลือเกินว่า ฟุตบอลโลก 2026 ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะไม่มีใครมองข้ามพวกเขาอีกต่อไปแล้ว! •
Technical Time-Out | SearchSri
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
