
โผทหาร ฉบับ ‘คลังแสง’ ส่อง ตัวช่วย ‘บิ๊กทิน’ ทันเกมอำนาจ กองทัพ จับตา ‘ใหญ่-ไก่-ม้ามืด’ เข้มข้น ชิง แม่ทัพ 1 ชิงคิวนั่ง ผบ.ทบ.

แม้กลาโหมจะมีกำหนดให้ ผบ.เหล่าทัพ ส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ประจำปี 2567 ภายใน 15 สิงหาคม แต่ตามขั้นตอนแล้ว ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ จะมีการหารือนอกรอบ ในเรื่องตำแหน่งแลกเปลี่ยนกันก่อน
เช่น เก้าอี้รองปลัดกลาโหม รอง ผบ.ทหารสูงสุด และรองเสนาธิการทหาร จาก 3 เหล่าทัพ
โดยสามารถใช้การประสานพูดคุยโดยตรง ระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ กับปลัดกลาโหม และ ผบ.ทหารสูงสุด
แต่ ผบ.เหล่าทัพก็จะยื้อให้ใกล้เวลาที่สุด เพราะหากส่งชื่อรองปลัดกลาโหม หรือรอง ผบ.ทหารสูงสุด ก็จะทำให้รู้ทันทีว่า เสนอชื่อใครเป็น ผบ.เหล่าทัพ
ด้วยการจัดโผทหารในช่วง 5 ปีมานี้ ผบ.เหล่าทัพ รวมทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องส่งบัญชีรายชื่อไปที่ปลัดกลาโหมเลย จากที่สมัยก่อนจะส่งไปรวมที่ ผบ.ทหารสูงสุด
แต่ครั้งนี้มีกระแสข่าวสะพัดว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พลเรือน ที่อาจจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในกองทัพ ในเรื่องการจัดโผทหารและขั้วอำนาจ จะให้ บิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม มาช่วยดู รวมถึงจะปรึกษา ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ด้วย
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่านายสุทินไว้วางใจ พล.อ.สมศักดิ์ และ พล.อ.ทรงวิทย์ อย่างมาก โดยจะเห็นได้จากการมอบหมายงานสำคัญต่างๆ ให้ช่วยมาตลอด เช่น เรื่องการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.กลาโหม การแก้ปัญหาเรือดำน้ำจีน และการปฏิรูประบบการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แบบรวมศูนย์ และการตั้งหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร และระบบการจัดซื้ออาวุธแบบใหม่
ที่ต้องจับตามองคือ ในช่วงที่นายสุทินไปเยือนสหรัฐอเมริกาตามคำเชิญของ รมว.กลาโหมสหรัฐ ช่วง 20 สิงหาคมนี้ ก็จะมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม และ พล.อ.ทรงวิทย์ ร่วมคณะไปด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่ ผบ.เหล่าทัพได้ส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหารแล้ว ก็คาดว่าจะไปหารือกันที่สหรัฐ
ครั้งนี้จึงถือเป็นการจัดโผทหารใหญ่ ครั้งแรกของนายสุทิน ตั้งแต่มาเป็น รมว.กลาโหมได้เกือบ 1 ปี
มีการตั้งข้อสังเกตเปรียบเทียบว่า การจัดโผทหารครั้งนี้อาจไม่สะดวกราบรื่น ง่ายดายสำหรับ ผบ.เหล่าทัพเท่าใดนัก โดยดูจากโครงการเรือดำน้ำจีนของ ทร. และการจัดซื้อเครื่องบินรบของ ทอ. ที่ ทั้งนายสุทิน และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังดองเอาไว้
แม้ว่ากองทัพเรือจะได้มีการศึกษาและสอบถามความเห็นด้านกฎหมาย ในการเปลี่ยนเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับเรือดำน้ำ จาก 7 หน่วยงานรวมทั้งกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่นายสุทินก็ยังไม่ลงนามเพื่อส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยต้องการตรวจสอบความถูกต้องด้านกฎหมาย โดยเฉพาะการตีความว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรือดำน้ำ ถือเป็นสาระสำคัญของเรือดำน้ำหรือไม่ และเป็นอำนาจของ ครม. หรือ ทร. ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลง
ขณะที่กองทัพอากาศ แม้จะสรุปคะแนนให้เครื่องบินกริพเพ่น จากสวีเดน ชนะ เอฟ 16 บล็อก 70 ของสหรัฐ และสรุปรายงานให้นายสุทินแล้วก็ตาม
แต่นายสุทินก็ยังไม่เลือกแบบ แต่ส่งการบ้านให้ ทอ.กลับไปหาคำตอบมาใหม่ถึงความเหมาะสมและภารกิจ ขณะที่นายเศรษฐาก็ระบุว่า แค่ผลคะแนนของคณะกรรมการ ทอ.ยังไม่เพียงพอ เพราะต้องดูในเรื่องของออฟเซ็ตโพลีซี การค้าการลงทุนที่จะตอบแทนกลับคืนมาให้ประเทศร่วมด้วย หากข้อมูลยังไม่ครบและยังไม่พร้อม ก็จะยังไม่ตัดสินใจเลือกแบบ
แม้จะมีรายงานข่าวว่า พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ได้พูดคุย ทำความเข้าใจทั้งกับนายสุทินและนายกฯ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังถูกดึงดองเรื่องไว้ก่อน
ดังนั้น การจัดโผทหารก็ไม่ใช่ว่าผ่านง่ายๆ และต้องไม่ลืมว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีประสบการณ์ที่เลวร้ายจากเกมการเมืองในกองทัพ และเคยถูกรัฐประหาร ก็ย่อมที่จะต้องการให้นายสุทินเข้ามามีส่วนในการจัดวางผังอำนาจในกองทัพ แม้จะไม่สามารถแตะต้องในส่วนของทหารคอแดงได้ แต่ก็ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้แชร์อำนาจในกองทัพ หลังจากที่นายทักษิณโดนกองทัพเล่นงานจนต้องลี้ภัยต่างแดนนานถึง 17 ปี
แม้ก่อนหน้านี้นายทักษิณจะให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องโผทหารก็ตาม
ยิ่งในโผนี้จะมีการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร. คนใหม่ และยังต้องเตรียมวางตัวคนที่จะขึ้นเป็นปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทอ. คนต่อไป ในโยกย้ายปลายปี 2568 ด้วย อีกทั้งนายสุทินก็ถือเป็นสายตรงของนายทักษิณอยู่แล้ว จนสามารถรักษาเก้าอี้ได้เป็น รมว.กลาโหมต่อ ไม่ถูกปรับออก
จึงไม่แปลกที่โผโยกย้ายทหารครั้งนี้จะถูกจับตามองว่า อาจจะต้องส่งถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ก่อนที่นายเศรษฐาจะลงนาม นำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอน ไม่ต่างจากโผปรับ ครม.
ดังนั้น แม้นายสุทินเป็น รมว.กลาโหม พลเรือน จึงไม่ใช่อุปสรรคในการร่วมจัดโผทหารเพราะจะมีผู้ช่วยอีกหลายคน
แต่เก้าอี้ที่ฝ่ายการเมืองไม่อาจแตะต้องได้คือ ในส่วนหัวของทหารคอแดง เช่น แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.
สูตรการขึ้นสู่อำนาจของบิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 กำลังถูกจับตามองว่าจะเป็นเส้นทางของแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่หรือไม่
เพราะแม้จะมีแม่ทัพน้อยที่ 1 เป็นพลโท จ่ออยู่ก็ตาม แต่คราวนั้น พล.อ.พนา ที่ยังเป็นพลตรี รองแม่ทัพภาคที่ 1 อยู่ ก็ปาดหน้าบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ที่ตอนนั้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 และ เป็นตัวเต็งแม่ทัพภาคที่ 1 อยู่ สร้างความฮือฮามาแล้ว
แต่เพราะเชื่อกันว่า เพราะมี “สัญญาณ” ไฟเขียว ตั้งแต่ พล.อ.พนาได้รับเลือกให้ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง ตอนเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และได้ฟาสต์แทร็กขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ทันทีที่ฝึกหลักสูตร แปรสภาพจากทหารคอเขียว เป็นนายทหารคอแดง แบบหมาดๆ เลยทีเดียว
มาโยกย้ายคราวนี้ จึงทำให้บิ๊กไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ถูกจับตามองว่ามีโอกาสที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะเป็นแกนนำเตรียมทหาร 28 เป็นนายทหารคอแดงที่สนิทสนมใกล้ชิดกับแกนนำรุ่น ที่เป็นทหารคอแดงคนสำคัญ นอก ทบ. และมีเพาเวอร์ในกองทัพ
แม้ว่าตอนนี้แม่ทัพใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 จะเป็นเต็งหนึ่ง เพราะเป็นรุ่นพี่ ตท.27 และครองยศพลโท อาวุโสกว่าแล้วก็ตาม
เหตุที่ทำให้ พล.ท.อมฤตกลายเป็นเต็งหนึ่ง แม่ทัพภาคที่ 1 เพราะเติบโตมาในสายกำลังรบ เป็นคอมแมนเดอร์ ในกองพลบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ.มาตลอด ทั้งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม และ ผู้บัญชาการกองพล ก่อนขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1
แม้จะเติบโตมาในสาย 3 ป. สายบูรพาพยัคฆ์ แต่เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นนายทหารลูกรักของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกฯ ตั้งแต่เมื่อครั้งรับราชการอยู่ ร.21 รอ. ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารเสือราชินีด้วยกัน และเมื่อครั้งเป็น ผบ.ร.21 รอ. พล.ท.อมฤตก็มาดูแลทีม รปภ.ของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย
ขณะที่บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ก็เป็นน้องรัก สายทหารเสือราชินี ของ พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน
เหตุที่ศึกชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 เข้มข้นและสำคัญ เพราะจะเป็นการชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ด้วย เพราะเส้นทางของแม่ทัพภาคที่ 1 จะขึ้นสู่ 5 เสือ ทบ. และมักจะเป็น ผบ.ทบ. มากกว่านายทหารที่มาจาก แม่ทัพภาคที่ 2-3-4 หรือหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ที่เปรียบเป็นกองทัพภาคที่ 5
แต่เมื่อมีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) ในยุคที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรกนั้น ผบ.ทบ.จะต้องเป็นนายทหารคอแดง และต้องควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยนั่นเอง
ดังนั้น ทหารคอเขียว จากแม่ทัพภาคที่ 2 แดนอีสาน แม่ทัพภาคที่ 3 สายเหนือ และแม่ทัพภาคที่ 4 แดนใต้ จึงหมดโอกาสที่จะเป็น ผบ.ทบ. ไม่ใช่เพราะไม่ใช่ทหารคอแดง แต่เพราะระบบทหารมีการคัดคนเก่ง สมัยเรียนจบ รร.นายร้อย จปร.แล้ว คะแนนจะได้เลือกลงหน่วยใด เพราะคนเรียนเก่ง คะแนนสูง ก็ได้เลือกหน่วยลงก่อน ที่ก็มักจะเป็นหน่วยใน กทม. พล.1 รอ. กองทัพภาคที่ 1
กลายเป็นว่า แม่ทัพภาคที่ 1 สำคัญกว่าแม่ทัพภาคอื่นๆ อีก ครั้งที่ผ่านมาเพราะการปฏิวัติรัฐประหารใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นคีย์แมน จึงเป็นการวางรากฐานเส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ. ของคนที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มาอย่างยาวนาน
ดังนั้น การชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ของ พล.ท.อมฤต กับ พล.ต.วรยส จึงเป็นเสมือนการชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.อีกด้วย อีกทั้งทั้งคู่เกษียณอายุราชการกันยายน 2571 เหมือนกัน จึงต้องมีแค่คนใดคนหนึ่งที่จะสมหวัง
ในแง่คอนเน็กชั่น พล.ต.วรยสอาจจะเหนือกว่า พล.ท.อมฤต แต่จะเสียเปรียบในเรื่องเส้นทางรับราชการทหาร ที่ไม่ได้ผ่านสายคอมแมนด์มาเช่น พล.ท.อมฤต แม้ว่าจะได้มาเป็น ผบ.พล.1 รอ.ก็ตาม เพราะเส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ. ต้องเป็นคอมแมนเดอร์มาตลอด
พล.ต.วรยสเพิ่งเป็นที่จับตามองเมื่อครั้งมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.เท่านั้น เพราะเป็น ตท.28 รุ่นที่กำลังเติบโตแบบมีผู้หนุนหลัง
แต่กระนั้น แคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 1 มิได้มีแค่ 2 คน เพราะใน ตท.28 ที่จ่อเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ยังมีทั้งรองมด พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร อดีต ผบ.พล.ม.2 รอ. ทหารม้าคอแดง และรองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ สายวงศ์เทวัญคอแดง
แต่กระแสข่าวใน ตท.28 สะพัดออกมาว่า ในรุ่นมีมติให้ พล.ต.วรยสเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน เพราะเกษียณก่อน ยิ่ง พล.ต.สราวุธเกษียณกันยายน 2573 เลยทีเดียว
เพราะหาก พล.ต.วรยสได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็คาดกันว่า พล.ต.สราวุธจะขยับขึ้นพลโท แม่ทัพน้อยที่ 1 รอไว้ก่อน
แต่หาก พล.ท.อมฤตได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.วรยสก็จะเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 เพื่อรอเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในปีถัดไป เพราะจะไปทันกันที่ 5 เสือ ทบ. แล้วชิง ผบ.ทบ.กันอีกที

พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์
แต่ที่ไม่อาจมองข้ามคือ บิ๊กตั้ง พล.ท.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล รอง เสธ.ทบ. แกนนำ ตท.27 อีกคน ที่ดูเหมือนจะหลุดไลน์ไป เมื่อครั้งขยับจาก ผบ.พล.ร.11 ไปเป็นรองแม่ทัพน้อยที่ 1 แล้วถูกส่งเข้า บก.ทบ. นั่งรองเสธ.ทบ.
แต่หลังจากที่ พล.ท.ธวัชชัยได้เป็นตัวแทน ทบ.นำกำลังพลร่วมคณะวีไอพีไปศึกษาดูงานการสวนสนามของทหารม้ารักษาพระองค์ ของราชวงศ์อังกฤษ และฝรั่งเศส เพื่อเตรียมการสำหรับพิธีปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ครั้งหน้าในรัชกาลที่ 10 ในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ก็ทำให้ถูกจับตามองว่ายังมีโอกาสที่จะโยกกลับมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ อีกทั้ง พล.ท.ธวัชชัยก็ถูกจัดเป็น สายวงศ์เทวัญคอแดง
อย่างไรก็ตาม มีการมองข้ามช็อตว่า หาก พล.ท.ธวัชชัยไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็อาจจะต้องแยกวง ฉีกตัวออกไปอยู่ บก.ทัพไทย เพื่อเตรียมจ่อคิวขึ้น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง ในอนาคต เช่นอาจเป็นรองเสธ.ทหาร ติดยศพลเอก จากนั้นค่อยขึ้นในส่วนหัวของ บก.ทัพไทย รอคิวต่อจากคนที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในการโยกย้ายครั้งนี้
เช่น หาก พล.อ.พนาได้เป็น ผบ.ทบ. ก็คาดว่า พล.อ.ธราพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. จะถูกส่งข้ามไป บก.ทัพไทย เช่น เป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อรอคิวเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เพื่อน ตท.24 ที่จะเกษียณกันยายน 2568
แต่หาก พล.อ.ธราพงษ์ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. คนที่ต้องข้ามไปคือ พล.อ.พนา แม้ว่าโดยอายุราชการที่เกษียณกันยายน 2571 จะรอเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.ธราพงษ์ ที่เกษียณกันยายน 2569 ได้อีก 1 ปีก็ตาม แต่จะให้ พล.อ.พนา วนจากเสธ.ทบ. เป็น ผช.ผบ ทบ. และเป็นรอง ผบ.ทบ. จึงเป็นเรื่องยากที่จะต้องรอนานขนาดนั้น
จนเป็นที่มาของกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.พนาจะข้ามไป บก.ทัพไทย เป็นเสนาธิการทหาร ในโยกย้ายนี้นั่นเอง

พลตรี วรยส เหลืองสุวรรณ
ขณะที่ บก.ทัพไทยนั้น พล.อ.ทรงวิทย์ก็วางตัวบิ๊กจุ๊ฟ พล.อ.ชิดชนก นุชฉายา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพไทยไว้ให้เป็นเสนาธิการทหารอยู่แล้ว
ทั้งในยุคที่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้วางกฎเหล็กไว้ว่าหาก ทบ.จะส่งพลเอกมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องให้มาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุดก่อน แล้วค่อยขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด ไม่ใช่มาเสียบยอด เป็น ผบ.ทหารสูงสุดเลย และจะสงวนเก้าอี้เสนาธิการทหารไว้ให้คนในทัพไทยได้เติบโต
กระแสข่าวที่ว่า พล.อ.พนาจะพลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. และจะถูกส่งข้ามมาอยู่กองทัพไทย ส่งผลให้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างเตรียมทหาร 26 และเตรียมทหาร 24 เพราะในรุ่นมองว่าเป็นการปั่นกระแสจาก ตท.24 โดยที่ ตท.26 ยังเชื่อมั่นว่า พล.อ.พนา แกนนำและความหวังของรุ่น จะได้เป็น ผบ.ทบ.ในโยกย้ายครั้งนี้ ตามสัญญาณเดิม
ขณะที่ พล.อ.เจริญชัยพยายามสยบกระแสความขัดแย้ง ด้วยการออกงาน ออกข่าวออกสื่อ โดยมี พล.อ.พนา ในฐานะ เสธ.ทบ. และเลขาฯ กอ.รมน. ตัวเต็ง ผบ.ทบ. เคียงข้าง
แต่ทว่า ขึ้นชื่อว่าศึกชิงเก้าอี้ ศึกชิงอำนาจในกองทัพ ย่อมมีความคุกรุ่น เข้มข้นเช่นนี้ทุกปี เพียงแต่นี่เป็นโผใหญ่ครั้งแรกของ รมว.กลาโหม พลเรือน และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จึงยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม
https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024