เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

‘ม่านมายาในปัญญา’ ในสายตานักอ่านและนักวิจารณ์

28.08.2024

บทความพิเศษ | ชาคริต แก้วทันคำ

 

‘ม่านมายาในปัญญา’

ในสายตานักอ่านและนักวิจารณ์

 

‘ม่านมายาในปัญญา’ ของบลูลาพิส เป็นเรื่องสั้นที่เข้ารอบการประกวดรางวัลมติชนอวอร์ด 2024 ลำดับที่ 6 ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับที่ 2286 วันที่ 7-13 มิถุนายน 2567 มีความน่าสนใจดังนี้

1. เปิดเรื่องใช้ได้ ทำให้นักอ่านอยากรู้ แม้ว่าข้อความที่ใช้เปิดเรื่องว่า “สวัสดีชาวโลก” อาจดูธรรมดาทั่วไป หรือนักอ่านบางคนอาจเคยได้ยินจากภาพยนตร์หรือคุ้นๆ ว่าเคยได้อ่านจากที่ใดมาก่อน แต่มันก็เร้าความสนใจให้นักอ่านใคร่รู้เรื่องราว

2. ประเด็นของเรื่องทันสมัย

3. ตอนจบแบบหักมุม

เรื่องสั้น ‘ม่านมายาในปัญญา’ ของบลูลาพิส เริ่มเรื่องเมื่อชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนมาปรากฏตัวบนสะพานลอยเพื่อศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ และได้พบกับวีร่าโดยบังเอิญ จากนั้นทั้งสามจึงเข้าไปคุยกันในร้านกาแฟ ระหว่างนั้นได้ยินคนในร้านพูดกันเรื่องการใช้เอไอให้ช่วยทำงาน และวีร่าก็บอกว่าเธอเป็นนักเขียน ต้องการเขียนงานส่งประกวดแต่เขียนไม่ออก ก่อนบีซิกซ์จะให้การช่วยเหลือ แม้ว่ามันจะผิดกฎหรือหลอกลวงคนอื่นก็ตาม

สุดท้ายวีร่ากลับลงมือฆ่าบีซิกซ์ ก่อนจะรู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่เอไอ

 

‘ม่านมายาในปัญญา’

ในสายตานักอ่าน

ในชีวิตของคนเรา มักจะพบว่าบางครั้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับคนแปลกหน้า เช่นเดียวกับวีร่า บีซิกซ์ และเฟนาที่มาพบกันโดยบังเอิญบนสะพานลอย ก่อนทั้งสามจะพูดคุยและชวนกันไปที่ร้านกาแฟ

บลูลาพิสปูความขัดแย้งภายในใจของวีร่าว่าทั้งเกลียดและกลัวสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับคนแปลกหน้า แต่ผู้เขียนบทความยังมองว่ามันน้อยเกินไป และบอกเพียงช่วงต้น ระหว่างที่เล่าเรื่องไม่แสดงอาการหรือสิ่งใดให้เป็นเบาะแสหรือเชื่อมโยงไปสู่ประเด็นอื่น

อีกทั้งผู้เขียนบทความไม่ได้ติดใจกับสถานการณ์ที่ตัวละครทั้งสามพบกันโดยบังเอิญ เพราะมันมีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดคุยและชักชวนกันไปที่อื่นต่อ แต่น่าเสียดายที่บลูลาพิสใช้พื้นที่สำหรับเปิดเรื่องมากไป และไม่ได้ให้อะไรกับนักอ่านมากพอ นอกจากความตงิดใจ ที่สำคัญคือ ฉากบนสะพานลอยและการวิเคราะห์วิพากษ์ของเฟนาก็ไม่ถูกนำไปใช้ต่อ หรือแฝงสัญญะอะไรที่น่าจะเป็นประเด็นให้นักอ่านตีความ เช่น ‘การข้ามหรือก้าวข้าม’ ของบางสิ่ง

และเมื่อทั้งสามเข้ามาในร้านกาแฟ ได้ยินคนในร้านคุยกันเรื่องการทำงานของเอไอที่เข้ามาช่วยเหลือหรือแย่งงานมนุษย์ ซึ่งผู้เขียนบทความเห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญที่บลูลาพิสต้องการนำเสนอ ก่อนจะนำไปสู่ความขัดแย้ง คลี่คลาย และตอนจบ

ทั้งนี้ เมื่อบลูลาพิสเฉลยให้วีร่าเป็นนักเขียนที่ “ช่วงนี้ฉันเขียนไม่ออกเลย ตอนนี้มีประกวดเรื่องสั้นระดับนานาชาติอยู่ พวกนายจะช่วยฉันหน่อยได้หรือเปล่า” เท่ากับว่าวีร่าเชื่อว่าเอไอสามารถเขียนเรื่องสั้นได้ ครั้นตัวละครหนึ่งรับปาก ส่วนอีกตัวเกิดความขัดแย้งขึ้นมาว่ามันน่าจะผิดกฎหรือเข้าข่ายหลอกลวง

ผู้เขียนบทความเห็นว่าบลูลาพิสสร้างบทสนทนานี้ได้แนบเนียน เพราะอ่านมาถึงตรงนี้ นักอ่านอาจจะยังแยกไม่ออกว่าใครเป็นเอไอ ใครเป็นมนุษย์ หรือทั้งสองล้วนเป็นเอไอ และเฟนาที่กังวลเรื่องศีลธรรมเกิดรู้สึกโกรธก่อนจากไป ปล่อยให้บีซิกซ์ทำงานกับวีร่า โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถเขียนงานได้ถึง 15 หน้า ซึ่งผู้เขียนบทความมองว่าเป็นข้อมูลที่เป็นไปได้ อาจไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก แม้วีร่าจะเข้าใจว่าบีซิกซ์เป็นเอไอก็ตาม

แต่เมื่อเฉลยในตอนจบ ผู้เขียนบทความยังนึกสงสัยในประเด็นนี้อยู่ เพราะบลูลาพิสไม่ได้ปูเรื่องว่าวีร่ามีความสามารถในด้านนี้ หรือจริงๆ แล้ว เป็นผู้เขียนบทความที่สับสนเอง เพราะเอไอต้องสามารถทำได้ทุกอย่าง นับประสาอะไรแค่เขียนเรื่องสั้นประกวด และเมื่อกลับมาอ่านส่วนนี้อีกรอบ จึงมองเห็นความไม่ค่อยสมจริงที่อาจถูกกลบเกลื่อนได้ เมื่อวีร่าให้เหตุผลว่า “การกระทำของบีซิกซ์ไม่ใช่การกระทำของสมองมนุษย์ที่จะสามารถกระทำได้” ซึ่งมันคือความเข้าใจผิดที่จะนำไปสู่ตอนจบแบบหักมุมนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนบทความกลับมองว่าบลูลาพิสคิดจะหลอกคนอ่านหรือเบี่ยงเบนประเด็นนี้ แต่เมื่อระบุจำนวนเวลากับจำนวนหน้าที่เขียน มันเลยทำให้ดูไม่แนบเนียนพอ

อีกทั้งเมื่อบีซิกซ์ทำงานเสร็จแล้ว วีร่าชักชวนเขาให้ออกไปท่องเที่ยวยังสถานที่สวยงาม ก่อนความจริงจะเปิดเผยว่าเป็นการลวงไป ‘ฆ่า’ ผู้เขียนบทความไม่ติดใจว่าทำไมบีซิกซ์ถึงเชื่อคนง่าย เพราะบลูลาพิสได้เกริ่นเรื่องการมาศึกษาเรียนรู้ชีวิตของคนที่นี่ไว้แล้ว ตลอดจนเฟนายังมาเป็นเพื่อนในฐานะผู้พิทักษ์

แต่ที่ผู้เขียนบทความติดใจก็คือ ผู้หญิงอย่างวีร่า นอกจากปมความกลัวที่ต้องเผชิญกับคนแปลกหน้ากับความกดดันเรื่องการเขียนเรื่องสั้นประกวด มันยังดูเป็นความขัดแย้งที่มีไม่มากพอให้ใช้เป็นแรงจูงใจในการฆ่าเท่าใด แม้วีร่าจะทำเพราะต้องการปิดปากเพื่อแสดงถึงความซับซ้อนในจิตใจมนุษย์ แต่มันก็ดูง่ายเกินไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำร้ายคนคนหนึ่งได้ง่ายดายด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้

ผู้เขียนบทความเห็นว่า เรื่องสั้น ‘ม่านมายาในปัญญา’ ของบลูลาพิส ยังขาดรายละเอียดของฉาก บรรยากาศ และความขัดแย้ง เพราะควรให้ตัวละครวีร่ารู้สึกกังวลกับการเขียนให้มากกว่านี้ และควรทิ้งประเด็นนี้หรือความกลัว ความกังวลใจไว้เป็นระยะๆ อันเป็นความขัดแย้งภายในใจจนถึงขีดสุด หรือแสดงอารมณ์ กิริยาอาการที่บ่งบอกถึงความกลัวหรือโรคกลัว ถ้าบลูลาพิสเพิ่มรายละเอียดตรงนี้เข้าไป มันจะสะท้อนถึงการตอบสนองทางอารมณ์ตามสัญชาตญาณที่จะส่งผลให้วีร่าสามารถฆ่าผู้อื่นได้โดยปราศจากเหตุผลหรือมิอาจควบคุมได้ ซึ่งมันจะทำให้เรื่องสั้นมีความน่าเชื่อถือและน้ำหนักมากขึ้น

ดังนั้น เรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์นี้จึงมีความเป็นเรื่องแต่งที่ยังบกพร่องในความสมจริงอยู่พอสมควร

 

‘ม่านมายาในปัญญา’

ในสายตานักวิจารณ์

การที่บลูลาพิสกำหนดให้บีซิกซ์และเฟนามาปรากฏตัวที่นี่เพื่อศึกษาวิถีชีวิตผู้คน และได้พบว่ามนุษย์บนโลกใบนี้มีความซับซ้อนในจิตใจที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาหรือหยั่งถึง ตลอดจนความจริงที่อาจถูกซุกซ่อนอยู่ ดังข้อความสุดท้ายของบีซิกซ์ที่ว่า “ทำไม เพราะอะไร เธอกลัวอะไร”

ความน่าสนใจก็คือ ทำไมวีร่าต้องฆ่าบีซิกซ์ ผู้วิจารณ์เห็นว่า มนุษย์นอกจากจะเป็นผู้สร้างแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำลาย และเมื่อวีน่ากำลังเผชิญกับวิกฤตของนักเขียนที่เขียนไม่ออก การฆ่าของเธอนอกจากจะเป็นการปิดปากหรือกำจัดเรื่องใช้เอไอในการช่วยเขียนแล้ว มันยังแสดงว่าเธอไม่ยอมรับหากเอไอจะเข้ามามีบทบาทหรือแทนที่ทนุษย์ กลายเป็นความกลัวที่นำไปสู่ความมืดบอดทางปัญญา เพราะเธอเห็นว่ามันคือศักดิ์ศรีที่ต้องกอบกู้และไม่อยากถูกคนอื่นพรากจากไป

นอกจากนี้ ชื่อเรื่องสั้นยังสื่อความหมายว่า บางครั้งมนุษย์ก็ถูกม่านบังตา เพราะคำว่า ‘มายา’ คือการลวงหรือแสร้งทำ ส่วนคำว่า ‘ปัญญา’ คือความรอบรู้

ดังนั้น แม้มนุษย์จะได้ชื่อว่ามีปัญญา แต่เมื่อปักใจเชื่อสิ่งใดโดยไม่ไตร่ตรองก็อาจทำเรื่องผิดพลาดได้ ซึ่งประเด็นนี้คือความระแวงสงสัยอันเกิดจากความกลัวที่ครอบวีร่าจนเธอมองไม่เห็นหรือแยกไม่ออกว่าใครคือมนุษย์ ใครคือเอไอ จึงสะท้อนความเขลาที่เป็นอีกด้านของปัญญาออกมานั่นเอง

ที่สำคัญ การจบเรื่องสั้นแบบหักมุมสองตลบ ผู้วิจารณ์มองว่าบลูลาพิสทำได้ดี เพราะมันสร้างความพลิกผันของเหตุการณ์ในตอนจบ และการหักมุมสองตลบยังตอกย้ำให้เห็นว่า มนุษย์มีความซับซ้อนในจิตใจที่เอไออาจยังไม่มีหรือคาดเดาได้ รวมถึงการที่มนุษย์ต้องการเป็นผู้ชนะ ควบคุมผู้อื่น หรือครองโลก

เรื่องสั้น ‘ม่านมายาในปัญญา’ ของบลูลาพิส จึงเป็นการทิ้งคำถามให้นักอ่านได้ทบทวนว่า ชีวิตนี้เราอาจถูกม่านมายาบดบังปัญญาหรือลวงหลอกเรื่องใดได้บ้าง

เพราะมนุษย์มักถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะ ‘ความกลัว’ มากกว่าการใช้ปัญญาพิจารณาตัดสินปัญหาตามความจริง

เอกสารอ้างอิง

บลูลาพิส (นามแฝง). (2567). ม่านมายาในปัญญา. เข้าถึงได้จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_772369



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

อินฟลูเอนเซอร์ คืออะไร ? รู้จักอาชีพยอดฮิต พร้อมต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (131)
เล่าถวาย ‘พระธรรมทูต’ | ธงทอง จันทรางศุ
อนุสาสน์ เทียนวรรณ บทนิยาม ใคร คนหนังสือพิมพ์ ปัญญาชน ไพร่กระฎุมพี
สถานการณ์จริงของผู้สูงอายุในประเทศไทย
ความอดทนอดกลั้น (Tolerance) : คุณธรรมพื้นฐานของโลกร่วมสมัย
พลเมืองไทย พลเมืองโลก ดูจากปัญหาแผนที่ | ธงชัย วินิจจะกูล
ความมหัศจรรย์ ของนักปั่น Tour de France
Choline มีประโยชน์ต่อสมอง แต่ทำไมเราไม่รู้จัก
2475 ที่แตกต่าง เรื่องเล่าการปฏิวัติ ในการ์ตูนและสัปปายะสภาสถาน เมื่อปีที่ 93
เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ สุดยอดนักฟิสิกส์ผู้เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
เมษา พฤษภา 2553 ประสาน 3 พลัง ปราบ ‘แดง’ 3 ป. ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย