

Agora | กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์
วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
www.facebook.com/bintokrit
ตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์
นมัสการพระพุทธบาท สระบุรี
เมื่อวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 ผมได้มีโอกาสร่วมคณะเดินทางของศูนย์ข้อมูลมติชนในทัวร์ “ตามรอยมูโอต์ ไปไหว้พระพุทธบาท พระพุทธฉาย จ.พระนครศรีอยุธยา-สระบุรี” ซึ่งเป็นแพ็กเกจทัวร์แบบ one day trip
โดยเริ่มออกเดินทางเป็นรูปสามเหลี่ยมจากมติชนอคาเดมีไปสู่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทางถนนสายเอเชีย ก่อนจะเดินทางต่อไปที่ จ.สระบุรี แล้ววกกลับเข้ากรุงเทพฯ ผ่านถนนพหลโยธิน
ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูภาพบรรยากาศได้ตามลิงก์นี้ https://www.facebook.com/share/p/VYYRkdfKqGJb78uw/
ผมเองถึงแม้ว่าคุ้นเคยกับสถานที่และเส้นทางนี้อยู่มาก เนื่องจากเป็นคน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี และทำเพจท้องถิ่นชื่อว่า “ฅน หระ รี – Saraburi People” อยู่ด้วยก็ตาม ทางลิงก์ https://www.facebook.com/saraburipeople2022/ แต่เห็นว่านี่เป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในหลายแง่มุมจึงได้สมัครเข้าร่วมเดินทางและพบว่ามีอะไรดีๆ อยู่พอสมควร
เลยขอพักการเขียนเรื่องหนักๆ อย่างการเมืองหรือปรัชญาเป็นการชั่วคราว มาเล่าสาระเบาๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์บ้าง
มัคคุเทศก์หรือวิทยากรประจำคณะเดินทางคือ อ.ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ อดีตอาจารย์ประจำคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบันเป็นนักวิชาการอิสระและเป็นคอลัมนิสต์ประจำให้กับนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เขียนบทความเผยแพร่ลงในมติชนสุดสัปดาห์เรื่อง “รอยพระพุทธบาทที่สระบุรี เชื่อมโยงกรุงศรีอยุธยา เข้าสู่จักรวาลในพุทธศาสนาเถรวาทอันศักดิ์สิทธิ์” ทางลิงก์ https://www.matichonweekly.com/column/article_790288
บทความดังกล่าวเป็นงานเขียนหลักที่ใช้ประกอบการเดินทาง นอกเหนือไปจากหนังสือตั้งต้นที่ทำให้พวกเราเดินทางตามรอยมา นั่นคือผลงานอันโด่งดังของ “อ็องรี มูโอต์” นักสำรวจชาวฝรั่งเศสเรื่อง “บันทึกการเดินทางของอ็องรี มูโอต์ ในราชอาณาจักรสยาม กัมพูชา ลาว และอินโดจีนตอนกลางส่วนอื่นๆ” ที่เผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ.2411 ในสมัยรัชกาลที่ 4 หรือเมื่อเกือบสองร้อยปีที่แล้ว
เส้นทางสายนี้เริ่มต้นจาก “วัดพุทไธสวรรย์” อันเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัย “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1” หรือ “พระเจ้าอู่ทอง” ไฮไลต์อยู่ที่รอยพระพุทธบาทในปรางค์ประธานองค์ใหญ่ และงานจิตรกรรมฝาผนังที่พระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ซึ่งเป็นภาพเขียนถึงรอยพระพุทธบาทตามตำนานทั้ง 5 รอยที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทับไว้ ณ บริเวณ (1) เขาสุมนกูฏ (2) เขาสุวรรณมาลิก (3) เมืองโยนกนคร (4) หาดริมแม่น้ำนัมมทา (หรือนรรมทา) และ (5) เขาสุวรรณบรรพต
อย่างไรก็ตาม รอยพระพุทธบาทที่เห็นในงานจิตรกรรมฝาผนังนั้นมองเห็นพระพุทธบาทเพียงบางรอยเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่ อ.นครหลวง โดยเข้าไปชมวัดสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นทางนมัสการรอยพระพุทธบาท สระบุรี ซึ่งเชื่อว่าคือรอยที่อยู่ ณ เขาสุวรรณบรรพต นั่นเอง
วัดแรกที่เข้าไปสำรวจคือ “ปราสาทนครหลวง” เพราะมีรอยพระพุทธบาทสี่รอยอยู่ที่ชั้นบน แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเยือนปราสาทนครหลวงมักให้ความสนใจไปที่องค์พระพิฆเนศเสียมากกว่า เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์
ใกล้ๆ กับปราสาทนครหลวงคือ “วัดใหม่ประชุมพล” หรือ “วัดใหม่ชุมพล” วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องชื่อ “หลวงพ่อทรงธรรม” ภายในวิหารยังปรากฏ “ภาพเทพชุมนุมวิทยาธร” อันวิจิตรงดงาม ซึ่งเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังดั้งเดิม บริเวณวัดมีเจดีย์ทรงย่อมุมไม้สิบสองอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาอยู่ด้วย
นอกจากนี้มีความสำคัญในฐานะที่เป็นจุดแวะพักของขบวนเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม
อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่แปลกตาเพราะอยู่ ณ บริเวณที่มีน้ำสองสี เนื่องจากมีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน สายหนึ่งคือป่าสัก กับอีกสายหนึ่งคือลพบุรี
ถ้าเดินทางตามรอยพระเจ้าทรงธรรมจริงๆ คณะเดินทางจะต้องขยับต่อไปที่ท่าเจ้าสนุก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่เนื่องจากเป็นทัวร์ตามรอยมูโอต์จึงกระโดดข้ามจุดนี้ไปที่ “ถนนฝรั่งส่องกล้อง” ซึ่งเริ่มต้นจาก อ.ท่าเรือ เข้าสู่ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ก่อนมุ่งตรงเข้าสู่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี อันเป็นจุดหมายปลายทาง ถนนฝรั่งส่องกล้องทุกวันนี้มีชื่อว่า “ถนนสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม”
ในครั้งโบราณกาลเป็นถนนขนาดมโหฬารกว้างถึง 10 วา หรือประมาณ 20 เมตรเลยทีเดียว ทว่า ปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ยกเว้นบางช่วงที่ยังคงอยู่แต่แคบลงมาก และเป็นพื้นผิวเรียบด้วยยางแอสฟัลต์
ไม่ใช่ถนนดินเหมือนดังเมื่อสี่ร้อยปีก่อน
เมื่อเดินทางมาจนสุดถนนสายนี้ก็จะถึงวัดพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญมากมาย
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเยือนไม่ว่าในฐานะของผู้จาริกแสวงบุญหรือนักท่องเที่ยวก็ตามต้องไปไม่พลาดการสักการบูชารอยพระพุทธบาทซึ่งอยู่ภายใต้มณฑปทรงสูงอันงดงาม พร้อมทั้งถ่ายภาพที่หน้าบันไดนาคอันเป็นสัญลักษณ์ของสระบุรี
มุมด้านนี้ของวัดยังเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดของเมือง และเป็นมุมมองเดียวกับภาพสเกตช์โดยคาเตนัชชีซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกการเดินทางของอ็องรี มูโอต์ด้วย
นอกจากนั้นยังไม่ควรพลาดการเข้าไปชมปูชนียวัตถุที่อัดแน่นอยู่ใน “พิพิภัณฑสถานแห่งพระพุทธบาท สระบุรี” ซึ่งมีมรดกของเมืองชิ้นสำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น “รอยพระพุทธบาททองคำ” ทั้งสองรอยซึ่งทำมาจากทองทำแท้ๆ ประดับอัญมณี เพชรนิลจินดา ที่ประเมินค่ามิได้ สลักลวดลายมงคล 108 ประการตามคติความเชื่อ
สันนิษฐานว่ารอยหนึ่งสร้างในสมัยอยุธยา ส่วนอีกรอยหนึ่งสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์
จากพระพุทธบาทก็เดินทางต่อไปยังสถานที่สุดท้ายคือ “วัดพระพุทธฉาย” อ.เมือง จ.สระบุรี ในบันทึกการเดินทางของมูโอต์นั้นมีการสเกตช์ภาพวิวทิวทัศน์จาก “เขาปถวี” เอาไว้ ซึ่งก็คือบริเวณนี้นี่เอง นอกจากนี้ พระพุทธฉายยังเป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดสระบุรีคู่กับพระพุทธบาท ตามคำกล่าวที่ว่า “พระบาทเบื้องซ้าย พระฉายเบื้องขวา” ซึ่งมาสระบุรีทั้งทีก็ต้องไปให้ครบ
เมื่อเสร็จสิ้นการชมจุดนี้แล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ
โชคดีที่ปีนี้เป็นวาระแห่งการฉลองสมโภชครบรอบ 400 ปีวัดพระพุทธบาท สระบุรีพอดี การเดินทางตามรอยประวัติศาสตร์ที่ผูกพันวิถีชีวิตผู้คนในสยามมาอย่างยาวนานเลยมีความรู้สึกพิเศษที่น่าจดจำมากขึ้น แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะยังไม่รู้จักเส้นทางนี้มากนัก
นอกเหนือไปจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมสนใจการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในเส้นทางที่ตัวเองคุ้นเคยอยู่พอสมควร ก็เป็นเพราะว่ากิจกรรมเช่นนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการต่อยอดทุนทางศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ซึ่งมีอยู่แต่เดิม ให้สามารถสร้างและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้
ทริปนี้จึงเป็นโมเดลธุรกิจแบบ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ซึ่งถึงแม้ว่าไม่ได้รังสรรค์สิ่งใหม่หรือสร้างนวัตกรรมอะไรเป็นชิ้นขึ้นมาก็ตาม
ทว่าหากปราศจาก “องค์ความรู้” หรือ “เรื่องเล่า” ที่ใช้ในการร้อยเรียงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันเสียแล้ว การทำทัวร์หนึ่งวันราคา 2,800 บาทก็เกิดขึ้นไม่ได้
และในเมื่อช่วงนี้ “นโยบายซอฟต์เพาเวอร์” กำลังเป็นที่พูดถึงบ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล กิจกรรมอะไรเช่นนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงความบันเทิงในวันหยุดของผมเท่านั้น
หากแต่ยังเป็นการลงพื้นที่ศึกษาดูงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์เพาเวอร์ด้วย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022