

หลายเดือนก่อนเคยเขียนถึงเล่ม 1 คือหนังสือการ์ตูนไทยชื่ออังกฤษตัวใหญ่ว่า Before Becoming Buddha พุทธประวัติฉบับคอมิก ภาคก่อนตรัสรู้ วันนี้เป็นเล่ม 2 ผลงานของ Adisak Das Pongsampan ซึ่งมีผลงานการ์ตูนมาแล้วหลายเล่ม การ์ตูนที่รักเคยเขียนถึงบางเรื่อง
เล่มหนึ่งจบลงเมื่อมุนีสิทธัตถะอำลาจากพระอาจารย์อาฬารดาบสและอุทกดาบสแล้วเดินทางมาถึงอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ อันจะเป็นสถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยาดังที่ทราบกัน เวลานั้นปัญจวัคคีย์นำโดยโกณฑัญญะได้เดินทางมารอพบสิทธัตถะ
อันโกณฑัญญะนี้คือผู้ที่เคยไปกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมพราหมณ์อีก 6 คนเพื่อทำนายการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะว่าจะเป็นมหาจักรพรรดิหรือบรมศาสดา พราหมณ์เฒ่าหกคนชูสองนิ้วทำนายสองคติคือจะเป็นมหาราชาหรือจะเป็นบรมศาสดา มีเพียงพราหมณ์หนุ่มโกณฑัญญะที่ชูหนึ่งนิ้วทำนายคติเดียวคือบรมศาสดา
เป็นหนังสือการ์ตูนไม่มีเลขหน้าจะอ้างถึงก็ออกจะยากสักหน่อย หากช่างสังเกตจะพบภาพเต็มหน้าอยู่ภาพหนึ่งมีพราหมณ์เฒ่าหกคนที่ชูสองมือ มือละหนึ่งนิ้ว หมายถึงทำนายทั้งสองคติ พอเลื่อนสายตามาดูอีกภาพด้านล่างจะเห็นมือหนึ่งที่ชูนิ้วเดียวโดดเด่นเกือบครึ่งหน้า เมื่อพลิกหน้าต่อไปจะพบพราหมณ์หนุ่มเคราดำโกณฑัญญะนั่งอยู่กับทารกสิทธัตถะบนบัลลังก์หงส์
พูดว่า “พระองค์จะไม่ครองเพศฆราวาสอย่างแน่นอน”
ภาพผนังโบสถ์ที่วัดมหาธาตุ พระนคร เขียนรูปพราหมณ์ผมขาวหกคนชูมือเดียวสองนิ้ว ส่วนโกณฑัญญะผมดำชูมือเดียวนิ้วเดียว
ลายเส้นเล่มสองนี้ยังคงแสดงให้เห็นมัดกล้ามของสิทธัตถะก่อนที่จะบำเพ็ญทุกรกิริยา พวกปัญจวัคคีย์เว้นแต่โกณฑัญญะที่แก่ชรามากแล้ว อีกสี่คนที่ติดตามล้วนดูบึกบึนมีมัดกล้ามด้วยกันทุกคนเป็นไปตามที่ผู้สร้างผลงานแจงไว้ในเล่มหนึ่งก่อนแล้วว่าวาดตามศิลปะแบบคันธาระซึ่งได้รับอิทธิพลจากกรีก
ที่มิได้บอกไว้คือสี่คนนี้เป็นรุ่นลูกของพราหมณ์เฒ่าหกคนเมื่อครั้งก่อนนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนว่าอายุน้อยกว่าโกณฑัญญะในวันนี้มาก
ที่เคยทราบกันอาจจะมีเพียงว่าสิทธัตถะบำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยการกัดฟัน ดันลิ้นกับเพดานปาก กลั้นลมหายใจ และอดอาหารจนผ่ายผอม ลายเส้นที่เห็นเต็มสองหน้าในหนังสือคอมิกเล่มนี้จะมีปางต่างๆ ให้ได้ดูกันพร้อมคำบรรยายถึงความเสื่อมสลายของผิวหนังและขุมขน เห็นแล้วก็น่าพรั่นพรึงอยู่แตกต่างจากภาพที่เคยเห็นในที่อื่นๆ สิทธัตถะผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกในที่สุด
ตอนบำเพ็ญทุกรกิริยานี้ดูเหมือนหนังสือคอมิกจะมิได้กล่าวถึงอุปมาอุปไมยอันที่จะทำให้สิทธัตถะคิดได้ถึงเรื่องการเดินสายกลาง ที่รู้จักกันดีคือเรื่องพระอินทร์ดีดพิณสามสายที่ปรากฏตามผนังโบสถ์ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนอาจจะซ่อนภาพเล็กๆ ไว้บางที่ที่มองข้ามไปได้เพราะจะมีการซ่อนภาพลักษณะนี้อีกเมื่ออ่านต่อไป
เมื่อสิทธัตถะพบว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาไม่เป็นผลแน่แล้วจึงกลับมากินอาหารอีกครั้งหนึ่ง ทำให้โกณฑัญญะและพวกหมดความเลื่อมใสถอนตัวจากไป สิทธัตถะบำรุงร่างกายกลับมาสมบูรณ์ดีมีมัดกล้ามเหมือนเดิม
ลายเส้นตอนนี้แสดงให้เห็นความฝันเมื่อมีต้นไม้ต้นหนึ่งผุดขึ้นตรงกลางท้องของสิทธัตถะ ซึ่งไม่ทราบว่าจะสื่ออะไรสารภาพว่าไม่เคยอ่านพบ ไว้รอผู้เขียนหนังสืออธิบาย
บทต่อไปจึงเป็นเรื่องนางทาสีมาพบรุกขเทวดาใต้ต้นไทร นางทาสีรีบกลับไปแจ้งนางสุชาดา นางสุชาดามาถวายข้าวมธุปายาสที่หุงด้วยนมโคพร้อมถาดใบหนึ่ง หลังจากอิ่มแล้วสิทธัตถะจึงนำถาดไปลอยในแม่น้ำเนรัญชราพลางอธิษฐาน ถาดใบนั้นก็ลอยทวนน้ำไป
เรื่องราวตอนนี้แม้นักเขียนจะมิได้เล่าละเอียดเพียงเห็นภาพวังน้ำวนนั้นสวยงามชัดเจน แล้วถาดก็จมลงใต้น้ำ จะมีภาพเล็กๆ ภาพหนึ่งที่มุมขวาล่างของหน้ากระดาษมีส่วนลำตัวที่เป็นเกล็ดพญานาคปรากฏอยู่ จะว่าไปภาพที่ว่ามิใช่เล็กๆ แต่เล็กมากอีกทั้งไม่บรรยายอะไรเลย
ตามพุทธประวัติที่เขียนกันทั่วไป ถาดนั้นจะลอยทวนน้ำเนรัญชราขึ้นไปตามรูปที่วาดไว้จนถึงวังน้ำวนแล้วจมลง ถาดนั้นจมลงใต้น้ำไปกระทบถูกถาดของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านั้นเกิดเสียงดังปลุกนาคราชขึ้น นาคราชจึงรู้ว่าบัดนี้จะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่แล้ว
หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องพราหม์โสตถิยะมาถวายหญ้าคา 8 กำให้เป็นอาสนะตามที่ทราบกัน แล้วเชิญสิทธัตถะไปประทับบนอาสนะที่ใต้ต้นอัสสัสถะซึ่งจะเรียกกันว่าศรีมหาโพธิ์ในเวลาต่อมา
ภาพเขียนต่อจากนี้แสดงให้เห็นหมู่มารมากันเต็มสองหน้าในตอนจบของเล่มสอง
มีตนหนึ่งยืนมาบนช้างสารขนาดมโหฬารด้วยมุมเงยสูงถึงท้องฟ้าขนาบด้วยมังกรสยายปีกเคียงข้าง บอกเป็นนัยว่าเล่มสามช่วงแรกๆ น่าจะดุเดือดอย่างแน่นอน
อดคิดไม่ได้ว่าช่างจบเหมือน House of the Dragon ฤดูกาลที่สองอย่างไรอย่างนั้น
แต่ที่จริงหนังสือวางจำหน่ายก่อนที่หนังซีรีส์บัลลังก์มังกรจะออกฉาย ที่ว่าเหมือนกันคือจะรบอยู่แล้วก็ขยักไว้ก่อน แล้วต้องรอนานกว่าจะได้ดูฤดูกาลที่สาม และจะมีอายุขัยอยู่ถึงได้อ่านเล่มสามไหม
อันนี้ว่าตามคติความไม่ประมาทตามปัจฉิมเทศนาของพระพุทธเจ้า
ตามพุทธประวัติพญาช้างสารที่เห็นนั้นเป็นช้างของพญามารวัสวดีจริงๆ มีเห็นบนผนังโบสถ์ทั่วไป ที่พิเศษสำหรับคอมิกเล่มนี้คือนอกจากขนาดของช้างจะมโหฬารแล้วยังมีลายเส้นอันชวนจินตนาการว่า “ตามติดด้วยบริวารมืดฟ้ามัวดินทั้งบนฟ้า บนดิน และใต้บาดาลพร้อมสรรพาวุธเหลือคณานับ” หมายถึงโลภะ โทสะ โมหะ ตัณหา ราคะ อันเป็นมารน้อยใหญ่ทั้งปวง
พร้อมคำพูดของพญามารถมดำตัวใหญ่เสียงกัมปนาทที่ว่า “บัลลังก์นั้นเป็นของข้า!” ก่อนจะปิดฉาก
นี่คือปฐมบทของธรรมชนะอธรรมอันเป็นเรื่องสำคัญมากต่อพัฒนาการเด็ก แม้ว่าในความเป็นจริงโลกมิได้ง่ายเพียงนั้นก็ตาม
จะว่าไปเนื้อหาสำคัญตอนต่อไปอาจจะมิใช่ฉากบู๊เพียงอย่างเดียว
ส่วนที่สำคัญกว่า สำคัญมาก และสำคัญที่สุดคือตรัสรู้และไปเทศนาปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี
ดังที่เราจะรับทราบกันจากบทสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร แล้วโกณฑัญญะเป็นพระสงฆ์รูปแรก จึงมีพระรัตนตรัยครบสมบูรณ์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในวันนั้น
เป็นเรื่องท้าทายสำหรับจิตรกรทุกๆ ท่านเสมอมาว่าจะเขียน “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” อย่างไรให้สัมผัสได้ จับต้องได้ เข้าใจได้ และปฏิบัติตามได้
จะพยายามรักษาสังขารไว้รอติดตาม •
การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022