bg-single

จุดเปลี่ยน, เรื่องท้าทาย และประเด็นน่าคิดของ ‘อุตสาหกรรมวายไทย’ ในปี 2567

29.09.2024

หมายเหตุ เนื้อหาต่อไปนี้คือการเก็บประเด็นจากการตอบคำถามของ “รศ.ดร.นัทธนัย ประสานนาม” นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องซีรีส์-ภาพยนตร์แนววาย แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวงเสวนาหัวข้อ “ความท้าทายของซีรีส์ BL-GL ซอฟต์เพาเวอร์ไทยบนเวทีนานาชาติ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน “FEED Y AWARDS 2024” เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา

 

: ปรากฏการณ์น่าสนใจของ “อุตสาหกรรมบันเทิงวายไทย” ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

“ถ้าในแง่ประเภทหรือลักษณะของงาน เราก็จะเห็นว่าในช่วงปีที่ผ่านมา มันจะมีงานที่เป็นการข้ามประเภทหรือผสมประเภทมากขึ้น

“อย่างแรกที่เราต้องเข้าใจก่อนก็คือว่า ตอนนี้วายจบมหาวิทยาลัยแล้ว (หัวเราะ) ก็คือ (เรื่องราวของคอนเทนต์วาย) ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว จะมีวายในออฟฟิศ จะมีการผสมประเภท อย่างเช่น วายที่เป็นแนวลึกลับ-เขย่าขวัญ หรืองานที่ผสมกับแฟนตาซี มีวายพีเรียด (ย้อนยุค)

“ถ้าพูดในแง่อุตสาหกรรม แนวโน้มที่เห็นชัดเจนมากขึ้นก็คืองานร่วมผลิตหรืองานที่มีการดัดแปลงแบบข้ามชาติ สมัยก่อนวายจะดัดแปลงจากนิยายวายไทย แต่เราก็มีนิยายวายจีนที่ดัดแปลงเป็นซีรีส์ (ไทย) แล้วคือเรื่อง ‘ตัวนายตัวแทน’ กรณีเรื่องนี้ก็คือตัวอย่างที่มีการเอาวัตถุดิบจากวัฒนธรรมต่างชาติมาดัดแปลงเป็นของเรา

“ในปีเดียวกันนี้ เราก็จะเห็นงานที่ดัดแปลงจาก (ซีรีส์) วายจีนอย่างเช่น ‘รักร้ายนายเสพติด’ แล้วก็มีงานที่ดัดแปลงจากวายญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบัน เราก็เห็นว่ามี 3-4 เรื่องแล้ว

“อีกอันหนึ่งที่เราจะเห็นและน่าสนใจมาก ก็คือการที่วายไทยปัจจุบันก็มีไปดัดแปลงเป็นวายญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งเพิ่งประกาศสร้าง

“สำหรับเกิร์ลส์เลิฟ (ยูริ) แนวโน้มที่เราเห็นชัดเจนก็คือช่องที่เป็นช่องหลักอย่างช่อง 3 ก็มีการสร้างเกิร์ลส์เลิฟของตัวเอง

“และโมเดลอุตสาหกรรมที่เราจะเห็นอีกอันหนึ่งก็คือ แต่ก่อนเราอาจจะทำ (กิจกรรม) แฟนมีตหลังจาก (ซีรีส์) ฉายอีพีสุดท้าย แต่ปัจจุบัน เราจะมีแฟนมีตทั้งก่อนและหลัง (ซีรีส์ออกฉาย) ก็จะเป็นโมเดลใหม่ๆ ที่เราเริ่มเห็นมากขึ้น”

 

: อนาคตของ “อุตสาหกรรมวายไทย”

“ในแง่อุตสาหกรรม ถ้าในแง่จำนวน (ซีรีส์) เราผลิตมากที่สุดในโลก เราคืออันดับหนึ่ง ถ้าพูดในแง่ของศักยภาพ ผมอาจจะพูดถึงโมเดลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

“ปัจจุบันเราก็จะมีงานที่ยกตัวอย่างไป ก็คือการดัดแปลงแบบข้ามชาติ แล้วอีกอันหนึ่งที่อาจจะมีศักยภาพมากขึ้นได้ ก็คืองานประเภทหนังสั้นที่เอาลักษณะเด่นๆ ของวายไปใช้ แล้วมีการจัดฉายในเทศกาลหนังสั้น เพราะฉะนั้น นี่อาจเป็นงานอีกประเภทหนึ่งที่จะสามารถพัฒนาต่อไปได้

“ในแง่การแข่งขัน ประเด็นที่สนใจคือในกรณีญี่ปุ่นที่เป็นต้นกำเนิดของบอยส์เลิฟ ปกติงานที่อยู่ในกระแสหลักของญี่ปุ่นจะเป็นพวกมังงะ (หนังสือการ์ตูน) แต่ช่วงปีที่ผ่านมา ช่อง (โทรทัศน์) เอ็มบีเอส ก็มีจัดทำช่วงเวลาที่เรียกว่า “ดราม่า ชาวเวอร์” ซึ่งเขาไปเซ็นสัญญากับนักเขียนมังงะ แล้วก็ดัดแปลงมังงะวายเป็นไลฟ์แอ๊กชั่นหรือซีรีส์ (ที่ใช้มนุษย์แสดง) ตลอดทั้งปี

“ผมไปทำวิจัยที่ญี่ปุ่นมา อาจารย์ที่ผมไปทำงานด้วย คือ ‘ศาสตราจารย์คาซุมิ นากาอิเกะ’ ที่มหาวิทยาลัยโออิตะ สิ่งหนึ่งที่เราเห็นแล้วเราคิดว่าอันนี้มันแปลกมากก็คือ ญี่ปุ่น ปกติไม่เคยทำแฟนมีต เพราะโมเดลดาราของญี่ปุ่นเขาจะแยกขาดออกจากชีวิตจริง เขามีวิถีไอดอล

“คือเราไม่สามารถไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อแล้วเจอดาราญี่ปุ่นได้ แต่ดาราไทยเราเจอ หรือว่า (ดาราไทย) ไลฟ์ไอจีคุยกับเราตอนสามทุ่มของวันเสาร์ แต่ดาราญี่ปุ่นสมัยก่อนเขาไม่ทำ แต่ปัจจุบัน หลังจากมีช่วงดราม่า ชาวเวอร์ โมเดลหนึ่งที่เราคิดว่าน่าจะเป็นอิทธิพลของไทยเลย ก็คือการทำแฟนมีต (ของดาราญี่ปุ่น)

“อย่างเช่นเรื่องหนึ่งที่ดังมากก็คือ ‘My Personal Weatherman’ ก็มีการทำแฟนมีตที่ญี่ปุ่นและมาเก๊า ซึ่งการเจาะตลาดผ่านกิจกรรมแฟนมีตที่เกิดขึ้นในเอเชีย ผมคิดว่าคนที่บุกเบิกก่อนก็คือไทย อันนี้คือสิ่งที่เราต้องจับตาว่าเราเริ่มเห็นโมเดลที่จะแข่งกับเรา โดยใช้โมเดลของเรา เพราะฉะนั้น เราก็ต้องไปพัฒนาวิธีการขายให้ดีขึ้น”

“รศ.ดร.นัทธนัย ประสานนาม”

: “อุตสาหกรรมวาย” เป็น “ซอฟต์เพาเวอร์” หรือไม่?

“ถ้าพูดถึง ‘ความเป็นซอฟต์เพาเวอร์’ ในแง่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศเพื่อโน้มนำความรู้สึกของคนชาติอื่นให้รู้สึกว่าประเทศเราดี อันนี้ทำได้แล้ว เพราะมันมีการงานวิจัยที่บอกว่า มีคนจำนวนมากที่ดูซีรีส์วายไทย แล้วรู้สึกว่าในบริบทสังคมตัวเองยังไม่ได้รับการปลดปล่อยในแง่ความปรารถนาทางเลือก ก็คือดู (วายไทย) แล้วเกิดความหวัง

“นักวิชาการออสเตรเลีย (โธมัส บอดิเนตต์) ก็จะเรียกว่าซีรีส์วายเป็น ‘ทรัพยากรแห่งความหวัง’ อีกอันที่เราจะเห็นก็คือมีซีรีส์วายเกาหลี เรารู้ใช่ไหมว่าเกาหลีก็จะมีการกดทับกีดกันความรักเพศเดียวกัน ก็มาถ่ายที่กรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ เป็น ‘ซิตี้ออฟโฮป’ เป็นเมืองของความหวัง

“เพราะฉะนั้น อันนี้คือ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’ ในความหมายที่ว่าโน้มนำความคิดให้รู้สึกว่าประเทศเรามีภาพลักษณ์ที่ดี”

 

: โอกาสของ “อุตสาหกรรมวาย” ในยุคสมรสเท่าเทียม

“จุดเด่นอีกอันหนึ่งของวายไทยที่แตกต่างจากวัฒนธรรมอื่นก็คือมีการพูดเรื่องความเคลื่อนไหวทางสังคม (social movement) ตั้งแต่ช่วงหลังปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏในวายประเทศอื่น

“พอมีการรณรงค์เรื่องสมรสเท่าเทียมมากขึ้น เราก็จะเห็นว่าในวายไทยก็จะใส่ฉากแต่งงาน ฉากแลกแหวน ในช่วงก่อนจะมีการประกาศว่ากฎหมายผ่านแล้ว ซึ่งเป็นลักษณะที่น่าสังเกตอย่างมาก

“จุดที่น่าคิดต่อก็คือว่าการได้มาซึ่ง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มันอาจไม่ได้แปลว่าความเสมอภาคในมิติทางเพศหรือมิติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้รับการปรับเปลี่ยนทั้งหมด

“ความท้าทายของซีรีส์วายก็คือซีรีส์วายเราอาจจะพูดถึงประเด็นทางสังคมอื่นๆ ได้ เช่น ความเหลื่อมล้ำในแง่ความสามารถทางกาย หรือประเด็นเรื่องอายุ หรือแม้แต่ประเด็นเรื่องชนชั้น-ชาติพันธุ์ ก็เป็นพื้นที่ที่ซีรีส์วายยังสามารถหยิบมาพูดได้

“ผมขอยกตัวอย่างที่เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน ซีรีส์วายในบางประเทศ อย่างเช่น ในไต้หวันเรื่อง ‘My Tooth Your Love’ ที่ออกอากาศตอนปี 2565 ตัว ‘เซเมะ’ (ฝ่ายรุก) นี่เป็นหมอฟัน แล้ว ‘อุเคะ’ (ฝ่ายรับ) นี่เป็นเจ้าของร้านบิสโทรแห่งหนึ่งในไทเป

“ไต้หวันมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมก่อนเรา แล้วซีรีส์นี้ก็ออกมาหลังจากที่มีกฎหมาย แต่ซีรีส์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าตัวเซเมะยังถูกพ่อทำร้าย เพราะพ่อไม่ยอมรับการที่มีคู่รักเป็นชาย เพราะฉะนั้น แปลว่าอะไร? แปลว่ากฎหมายมีอยู่แล้ว แต่ภาคปฏิบัติของวัฒนธรรมอื่นๆ ยังเป็นโจทย์ของซีรีส์วายไทยที่จะผลักเพดานที่ว่าให้ขยายขึ้นไป”

 

: “หลานม่า-วิมานหนาม” กับ “อุตสาหกรรมวาย”

“กรณี ‘หลานม่า’ กับ ‘วิมานหนาม’ สามารถตอบได้สองประเด็น ประเด็นที่หนึ่งคือตัวนักแสดง ซึ่งนักแสดงทั้ง ‘บิวกิ้น’ (พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) และ ‘เจฟ’ (วรกมล ชาเตอร์) เป็นคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมวายมาก่อน หรืออาจจะยังไม่ได้ออกจากอุตสาหกรรมวายด้วยซ้ำ

“แต่สิ่งที่น่าคิดก็คือว่ากรณีบิวกิ้น ตัวเขามีชื่อเสียงอยู่ในโลกที่พูดภาษาจีน จาก (ผลงานซีรีส์) “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ส่วนเจฟจากเรื่อง “คินพอร์ช เดอะซีรีส์” ก็ดังในโลกลาตินอเมริกา เพราะฉะนั้น พลังดาราก็มีส่วนในการประสบความสำเร็จด้วย แต่ที่มากกว่านั้น ผมอยากชวนคิดประเด็นด้านสังคม-วัฒนธรรม

“กรณีหลานม่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เชื่อมโยงกับคนดูในเอเชียได้ ก็เพราะหลานม่าเป็นปฏิกิริยาที่ ‘หวนไห้’ หาการล่มสลายของครอบครัวขยาย

“ปกติครอบครัวเอเชียจะมีคนหลายรุ่นอยู่ในบ้าน แล้วหลานม่าคือเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าสภาพหรือโครงสร้างดังกล่าวมันถูกเซาะกร่อนด้วยเวลาหรือสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างไร เพราะฉะนั้น ทุกคนมีอาม่า ทุกคนก็จะรู้สึกยึดโยงกับการหายไปของสังคมแบบนั้น

“ประเด็นของวิมานหนาม สำหรับผมที่คิดว่าดีมากก็คือว่าในความเคลื่อนไหวทางสังคมต่างๆ ที่ปรากฏ ส่วนใหญ่มีข้อวิพากษ์อย่างมากว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน ‘โลกของคนผิวขาว’ หรือในฝั่งแองโกล-อเมริกัน (เท่านั้น) หรือเปล่า?

“กรณีวิมานหนามเป็นพื้นที่ที่ทำให้เกิดการถกเถียงว่า แล้วความไม่เท่าเทียมทางเพศในบริบทสังคมเอเชียมันยังเกาะเกี่ยวกับประเด็นเรื่องชาติพันธุ์-ชนชั้นอย่างไร?

“อันนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้งานมันมีความซับซ้อน น่าสนใจ และนำไปสู่การถกเถียงที่มากขึ้น” •

 

| คนมองหนัง

 

 

 

 

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)
‘โฉมหน้าของศักดินาภิวัตน์ในปัจจุบัน’ (2)
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (21) ความตายจากฟากฟ้า
เมษา พฤษภา 2553 ประสาน 2 การเคลื่อนไหวใหญ่ ระหว่าง รัฐบาล กับ คนเสื้อแดง
มนุษย์เป็นเพียงผลลัพธ์ของเหตุบังเอิญ
ปฏิบัติการเหมันต์ทมิฬ (2) (Operation Dark Winter)
การเล่นกอล์ฟช่วยให้มีอายุยืน จริงหรือไม่?
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (132)
ตามไปดูการใช้ AI ในโรงเรียน ‘ญี่ปุ่น’