เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

‘วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร’ จะแก้ปัญหา ‘กอ.รมน.’ ต้องเข้าใจปัญหาระบบ ‘รัฐราชการไทย’

08.10.2024

หมายเหตุ เนื้อหาส่วนหนึ่งจากคำกล่าวของ “รศ.ดร.วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” นักวิชาการแห่ง National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ประเทศญี่ปุ่น และที่ปรึกษาด้านนโยบาย พรรคประชาชน

 

ในงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “ความมั่นคงภายใน : อำนาจของทหาร ภารกิจของประชาชน” เนื่องในโอกาสตีพิมพ์หนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมของกองทัพในสังคมไทย” ซึ่งเขียนโดย “รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์”

 

ผมอยากจะชวนคิดใหญ่ว่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลง กอ.รมน. หรือบทบาททหาร เรื่องรัฐราชการไทย ภาพใหญ่มันต้องแก้ไปทั้งระบบ

เราไม่สามารถจี้จุดเดียว เพราะอย่างน้อยในแง่หนึ่งต้องยอมรับว่า คนที่เข้ามาทำงาน กอ.รมน. เขาจะไปไหนต่อ? มันเป็นหน้าที่ของรัฐเหมือนกันว่า ถ้าปฏิรูปแล้วต้องจัดสรรกำลังคนใหม่

จากที่ผมทำงานในคณะกรรมาธิการงบประมาณ เริ่มเห็นลักษณะของรัฐราชการไทยที่น่าสนใจหลายอย่าง กอ.รมน. ก็เป็นหนึ่งในกระแสนี้

ข้อหนึ่ง หน่วยราชการมักจะฝันเล็กในเคพีไอ แต่ชอบโชว์ตัวเลขใหญ่ๆ สู่สังคม

คือถ้าคุณไปดูจริงๆ ว่าเวลาหน่วยราชการมาของบประมาณจากสภา เคพีไอซึ่งอยู่ในหนังสือนี่นะครับ จะเป็นเคพีไอที่มันเล็กๆ มากๆ เลย เป็นสิ่งที่เขาทำสำเร็จในปีที่แล้ว หรือตัวเลขจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งหมายถึงว่าจำนวนคนที่มาอบรมมันคือ output (ผลผลิตเชิงปริมาณ)

สมมุติเราพูดเรื่องรีสกิล การปรับทักษะของแรงงานไทยใหม่ แล้วคุณโชว์ว่าตัวเลขคนที่เข้าร่วมว่ามีเท่าไหร่ จริงๆ มันคือ output มันไม่ใช่ impact (ผลกระทบของงานที่มีต่อสังคม) ด้วยซ้ำ เพราะเราไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ได้รับการรีสกิลแล้วมีทักษะไปสู่งานใหม่หรือเปล่า

รายได้จากการท่องเที่ยว ความคุ้มค่าของการฝึกอบรม มูลค่าที่ว่าจะเกิดการซื้อขาย จำนวนคนเข้างานจ๊อบ เอ็กซ์โป ทั้งหมดนี้เวลาโชว์ตัวเลขสู่สังคมมันจะเป็นตัวเลขใหญ่ทั้งนั้นเลย เพราะมันจะคูณแบบโอเวอร์

เช่น นักท่องเที่ยวตอนสงกรานต์มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเท่าไหร่? ผมเชื่อว่าทุกคนเคยเห็นตัวเลขนี้ แต่ต้องบอกว่าเป็นตัวเลขที่อยู่บนสมมุติฐานเยอะมาก แล้วไม่ใช่เคพีไอของหน่วยงานด้วย หน่วยงานเวลาใช้เคพีไอมาของบประมาณ จะเป็นเคพีไออย่างที่เขาทำได้แน่ๆ อยู่แล้ว

แต่เวลาเขาโชว์ข่าว เขาจะโชว์ตัวเลขใหญ่ๆ ที่อยู่บนสมมุติฐานมากมาย เช่น นำจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้าประเทศช่วงนั้น มาคิดว่าเขามาเที่ยวสงกรานต์ แล้วก็คูณต่อหัวไปเลย ทั้งที่ค่าใช้จ่ายจริงเขาอาจไม่ได้ใช้เท่านั้น

แล้วก็ประกาศโครมเลยว่าเกิดเงินไหลเวียนหมื่นล้าน ซึ่งไม่มีใครไปวัดต่อด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า

กอ.รมน. ก็มีโครงการหลายโครงการ ที่เคพีไออยู่บนฐานวิธีคิดแบบนี้

ข้อที่สอง หน่วยงานราชการต่างๆ มีความอยากใจดี อยากช่วยเหลือเอสเอ็มอี อยากแก้ยาเสพติดทุกหน่วย อันนี้ก็สะท้อนความเบลอร์ของเส้นว่า ทำไมเราถึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแต่ละหน่วยงานควรจะมีภารกิจเฉพาะตัวของตัวเอง

ยกตัวอย่าง บีโอไอ ก็คือหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนใช่ไหม ทุกท่านทราบไหมครับว่าปีล่าสุดเขาทำอะไร? ปีล่าสุดเขามีมาตรการส่งเสริมที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย และส่งเสริมการลดฝุ่น PM 2.5

แต่อันนี้ มีรายละเอียดนิดหนึ่ง เพราะบีโอไอมีอำนาจยกเว้นภาษี เวลารัฐบาลอยากใช้มาตรการอะไรโดยไม่เปลี่ยนแปลงกฎหมาย ก็มาใช้ช่องบีโอไอ แต่มันก็ทำให้ภารกิจเหล่านี้พร่าเลือน

หรืออย่างเช่น งบประมาณรีสกิล เรื่องพัฒนาทักษะกำลังคน ก็จะพบว่าเงินอุดหนุนเพื่อป้องกันยาเสพติดก็อยู่ในงบฯ รีสกิล

ไม่ใช่แค่ กอ.รมน. ครับ ถ้าแตะไปจะพบว่าภารกิจของหน่วยงานรัฐราชการไทยแต่ละหน่วย อยากใจดี ทุกหน่วยอยากช่วยเอสเอ็มอี ทุกหน่วยอยากแก้ยาเสพติด แล้วภาวะแบบนี้ก็ดำรงอยู่ งบประมาณก็บานออกไปเรื่อยๆ

เรายอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาโดยไม่ตั้งคำถามได้อย่างไร?

 

อีกแง่หนึ่ง ข้อสังเกตของผมต่อหน่วยงานรัฐราชการไทยปัจจุบัน คือ ทุกหน่วยอยากเพิ่มเสริมกำลังคนให้เป็นแขนเป็นขา (ของตัวเอง) ทั้งนั้น

ทุกท่านอาจจะรู้จัก อสม. ใช่ไหมครับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ท่านทราบไหมว่าตอนนี้ อสม.เรามีกี่คน? 1,088,000 คน

แล้วหน่วยงานอื่นก็อยากทำตาม ท่านทราบไหมครับว่าตอนนี้เรามี อพม. อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กี่คน? 300,000 คน ตั้งเป้า 550,000 คนด้วย

แล้วเรายังมีอาสาสมัครดิจิทัลอีกนะครับ เพิ่งเริ่ม ตัวเลขเลยยังน้อยอยู่ แต่น้อยก็คือ 33,000 คน และก็ตั้งเป้าขยายให้มีทั่วประเทศ

คือผมอยากจะบอกว่าหน่วยงานรัฐไทยเขามีการเรียนรู้ข้ามระหว่างกัน เขาเห็น กอ.รมน. มีความสามารถในการระดมคน ระดมสรรพกำลัง หน่วยงานต่างๆ ก็พยายามจะมีอาสาสมัคร

ข้อดีคือเขาไม่ต้องจ่ายเงินประจำ แต่เขาก็ต้องมาของบฯ อยู่ดี และเงินต่อหัวจะไม่เท่ากับเงินเดือน แต่สุดท้าย งบฯ ตรงนี้มันก็บานออกไปเรื่อยๆ

ท่านทราบไหมครับว่าตอนนี้เรามีกำลังคนภาครัฐ นี่ตัวเลขปี 2565 ด้วยนะครับ ทั้งหมดกี่คน? ประเทศไทยตัวเลข (ประชากร) ทางการเรามี 67 ล้านคน เรามีกำลังคนภาครัฐ ซึ่งรวมข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ 3,190,000 คน และขยายขึ้นเรื่อยๆ ด้วยนะครับ

แปลว่าอะไร? ถ้าหารตรงๆ จะมีการดูแลของรัฐต่อประชากร 20:1 (เจ้าหน้าที่รัฐ 1 คน ดูแลประชากร 20 คน) เลยนะ เล็กกว่าโรงเรียนประถม

แต่คำถามคือ เรารู้สึกอุ่นใจเหมือน 20:1 ไหม? ถ้าห้องหนึ่งมีนักเรียน 20 คน แล้วมีครูประจำชั้นคนหนึ่ง เราจะรู้สึกว่าเรามีปัญหาปุ๊บ เราเดินไปหาครูได้เลยใช่ไหม แต่ทำไมกำลังคนที่มันขยายเหล่านี้ เราถึงไม่ได้รู้สึกถึงความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น?

ผมอยากจะบอกว่า แนวโน้มของหน่วยงานทุกหน่วยตอนนี้คือการขยายอาสาสมัคร และทำให้โครงสร้างรัฐไทย มีทั้งโครงสร้างที่เป็นข้าราชการประจำ และอาสาสมัครที่เกาะเกี่ยวกับรัฐเต็มไปหมด จะเรียกว่าแทรกซึมหรือไม่? จะเรียกว่าความอยากดูแลคนหรือไม่?

หมายเหตุไว้นิดหนึ่งว่า พอผมถามเพิ่มเติมว่า อพม. ที่อยู่กระทรวง พม. (การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ทับกับ อสม.ไหม? คำตอบคือทับกัน 26 เปอร์เซ็นต์ แปลว่ามีการพยายามจัดการกำลังคนเพื่อให้สามารถทำงานได้ทั้งเป็น อสม. และ อพม. อันนี้ก็เป็นอีกเครือข่ายหนึ่งที่ขยาย

แต่อย่างที่บอกว่า พอฝั่งการเมือง ฝั่งเทคโนแครต ฝั่งทหาร ทุกคนคิดว่าถ้าตัวเองเข้ามากุมอำนาจแล้วจะส่งคนเข้าไปดูแล (อาสาสมัครทั้งหมด) ได้ ก็เลยไม่มีใครอยากจะแก้ปัญหาเหล่านี้ในเชิงระบบ

รู้สึกว่ามันมีแขนขาที่ดีอยู่ ถ้าเข้าสู่อำนาจได้ก็จะสามารถเข้าไปใช้แขนขาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ได้ มันก็เลยดำรงอยู่มาจนทุกวันนี้

 

ตอนนี้ กอ.รมน.มีกี่คนท่านทราบไหมครับ? ตัวเลขทางการจริงๆ กรอบอัตรากำลังทั้งหมดที่ กอ.รมน.มี คือ 49,000 คน รวมทั้งข้าราชการประจำ พนักงาน ลูกจ้างชั่วคราว และบุคลากรอื่นๆ อันนี้ตัวเลขล่าสุดปี 2567 ได้มาจากกรรมาธิการงบประมาณ

กอ.รมน. บอกได้ว่าตัวเองยังใช้คนไม่เต็ม เพราะว่าคนที่ใช้อยู่ตอนนี้ ใช้แค่ 46,000 คน

ผมอยากจะชวนกลับมามองภาพใหญ่ด้วยว่า การจะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ข้าราชการส่วนอื่นๆ ก็มีแนวโน้มคล้ายๆ กันอยู่

คือหมายความว่า เราไม่อาจมอง กอ.รมน. แยกจากปัญหาหรือปมของรัฐราชการไทยทั้งระบบ ที่มันมีลักษณะขยายตัว หน้าที่ทับซ้อนกัน และไม่ได้ตอบโจทย์ภารกิจที่เน้น impact (ผลกระทบต่อสังคม) แต่เน้น output (ผลผลิตหรือปริมาณงานที่ทำ) ว่าตัวเองได้ทำอะไร ได้เชื่อมกับคนเท่าไหร่

อันนี้ จำเป็นต้องมีการวางมาสเตอร์แพลนการปฏิรูปราชการทั้งระบบเช่นเดียวกัน

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

แค่ลมหายใจ ก็รู้ทันใดว่าอ้วน!!
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (12) เจ้านายสนับสนุนรัฐนิยมในสมัยสร้างชาติ
สวนสาธารณะสูงวัย : สังคมภายนอกครอบครัว และบทเรียนจากเฉิงตู
ดาวกับดวงวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568
อินฟลูเอนเซอร์ คืออะไร ? รู้จักอาชีพยอดฮิต พร้อมต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (131)
เล่าถวาย ‘พระธรรมทูต’ | ธงทอง จันทรางศุ
อนุสาสน์ เทียนวรรณ บทนิยาม ใคร คนหนังสือพิมพ์ ปัญญาชน ไพร่กระฎุมพี
สถานการณ์จริงของผู้สูงอายุในประเทศไทย
ความอดทนอดกลั้น (Tolerance) : คุณธรรมพื้นฐานของโลกร่วมสมัย
พลเมืองไทย พลเมืองโลก ดูจากปัญหาแผนที่ | ธงชัย วินิจจะกูล
ความมหัศจรรย์ ของนักปั่น Tour de France