เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

จับตากรณี “สว.สมชาย เล่งหลัก” ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิ์ 10 ปี | ลึกแต่ไม่ลับ

11.10.2024

ฉบับนี้ขอปุจฉา-วิสัชนา กรณี “ประกาศศาลฎีกา” เรื่องแจ้งรับคำสั่งศาลฎีกา ที่ศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง “มีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งนายสมชาย เล่งหลัก เป็นเวลา 10 ปีนับตั้งแต่วันมีคำพิพากษา” คือ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ตามหมายเลขคดีดำที่ สส.4/2567 ระหว่าง “ผู้ร้อง” คือ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง “นายสมชาย” เป็นผู้ถูกร้อง ผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

“นายสมชาย เล่งหลัก” ขณะที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิ ดำรงสถานะวุฒิสมาชิก ชุดที่ 13 ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ในนามกลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แต่ห้องเครื่องแห่งการเพิกถอนสิทธิ 10 ปี จิ๊กซอว์มาจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 9 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

ถูก กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้ง โดย กกต.ระบุว่า ปรากฏหลักฐานอันเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้กับตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตเลือกตั้ง

หลังสอบตกจากศึกเลือกตั้งใหญ่ “นายสมชาย” ตีกรรเชียงมาลงสมัคร ส.ว. หลัง กกต.ปิดหีบรับสมัคร ได้เอ็กซเรย์ผู้ลงรับสมัครทั้งหมดจำนวน 48,117 คนทั่วประเทศ พบผู้สมัครเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 14(21) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 1,402 ราย และสัดส่วนนั้นมาจากจังหวัดสงขลาโดนตัดสิทธิ 70 คน

แต่ “นายสมชาย เล่งหลัก” ไม่ได้อยู่ในข่ายลักษณะต้องห้าม คาดว่า หลังสอบตกจากศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ได้ชิงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ต้นสังกัดคือ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งลาออกโดยวิธีใดก็ได้ ง่ายมาก คือ 1.ยื่นใบลาออกด้วยตัวเอง มอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทนก็ได้ 2.ส่งใบลาออกทางไปรษณีย์ ยื่นลาออกต่อสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด/กรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานใหญ่พรรคที่ตัวเองเป็นสมาชิกก็ได้

“นายสมชาย” เป็นผู้สมัคร ส.ส.ธรรมดา จึงเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เพราะไม่เป็น หรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/รัฐมนตรี หรือดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคสังกัดมาก่อน ทั้งหัวหน้าพรรค/เลขาธิการพรรค/เหรัญญิก/นายทะเบียน/กรรมการบริหารอื่น/หัวหน้าและกรรมการสาขา/ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด เลยไม่ติดติ่ง “เว้นแต่พ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัคร”

เท่ากับว่า “นายสมชาย เล่งหลัก” แม้จะเคยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน กลิ่นยังหมาดๆ แต่ไม่เข้าง่ามลักษณะต้องห้าม จึงสามารถสมัคร ส.ว.ได้ เว้นแต่ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ว.ทั้ง 4 หมื่นกว่าราย ผิดพลาดขาดความครบถ้วน กกต.ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ “นายสมชาย เล่งหลัก” ยอมรับว่าได้รับทราบคำสั่งศาลฎีกาแล้ว เกี่ยวกับคำพิพาษาเพิกถอนสิทธิ 10 ปี แต่จะให้ทนายยื่นสู้คดีต่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเป็นด่านสุดท้าย ว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ว.หรือไม่ เมื่อไหร่

และกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้ “นายสมชาย” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ว. จะขยับบุคคลในบัญชีรายชื่อสำรองลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ว.คนใหม่แทนจากลุ่ม 19 เดียวกันได้แก่ “นายธนัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี”

 

จนขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าว่า “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” จะเลื่อนลำดับถัดไปจากสำรองกลุ่ม 19 คือ “นายธนัชญ์พงศ์” มาเป็น ส.ว.แทน “นายสมชาย เล่งหลัก” เมื่อไหร่ แต่ประเด็นใหญ่มันมีอยู่ว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปีแล้วนั้น จะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งกันเองทั้งในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ และการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ว.ไปแล้วนั้นมีผลกระทบด้วยหรือไม่

เพราะอย่าลืมเป็นอันขาดว่า ที่ กกต.รับรองผลไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เป็นการเลือกตั้งกันเองของผู้สมัครรับเลือกตั้งวุฒิสมาชิกทั้งหมด เริ่มจากการเลือกกันเองภายในกลุ่มที่ผู้สมัครก่อน โดยเลือกได้ไม่เกิน 2 คน สามารถลงคะแนนให้ตัวเองด้วยก็ได้ จากนั้นผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกในระดับจังหวัด ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอแต่ละกลุ่มเลือกกันเองภายในกลุ่ม ผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรก ให้ถือเป็นผู้ได้รับเลือกขั้นตอนของแต่ละกลุ่ม แต่ละกลุ่มเมื่อได้รับเลือกแต่ละกลุ่มแล้ว จะถูกแบ่งออกตามสายไม่เกิน 4 สาย และให้มีจำนวนเท่ากัน ผู้ได้รับเลือกสูงสุด 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม จะถือว่าได้รับเลือกในระดับจังหวัดของกลุ่มนั้น และเข้าสู่การคัดเลือกในระดับประเทศ

ผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัดแต่ละกลุ่ม ลงคะแนนกันเองภายในกลุ่ม ซึ่งจะเลือกบุคคลกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน 10 คน ผ่านมาทีละขั้นตอน กระทั้งก๊อกสุดท้าย เมื่อผู้ได้รับเลือกตามไฟต์บังคับแล้ว ผู้ได้รับเลือกจะถูกแบ่งออกตามสาย แบ่งออกไม่เกิน 4 สายและให้มีจำนวนเท่าๆ กัน ตัดตัวโค้งสุดท้ายผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 10 อันดับแรก จะเป็นผู้ได้รับเลือกเป็น ส.ว. ลำดับ 11-15 จะเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีสำรอง

ที่ยกยอดระบบเลือกตั้ง ส.ว.มาฉายซ้ำ เพื่อชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กระบวนการเลือกตั้ง ส.ว.ชุดนี้ ใช้ระบบโหวตเลือกกันเองทั้งภายในกลุ่มเดียวกันเอง และเลือกไขว้

ดังนั้น ทุกคะแนนที่ได้รับเลือก ไม่ว่าระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศล้วนมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตเลือกตั้ง เมื่อผู้ได้รับเลือกตั้งเกิดแพ้ฟาวล์ ก็สามารถเลือกตั้งซ่อมกันใหม่ได้ หรือกรณีบัญชีรายชื่อคนหนึ่งคนใดโดนเช็กบิล ก็สามารถเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมาทดแทนได้

แต่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งผู้สมัครเลือกกันเอง ทุกฐานคะแนนเสียงที่ได้รับ หรือลงคะแนนให้มีความผูกพัน สัมพันธ์กันในทุกคะแนน

“ดังนั้น รับประกันซ่อมฟรีว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชี้ขาดให้ ‘นายสมชาย เล่งหลัก’ หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว จะมีผู้สมัคร ส.ว.ที่ตกขบวนไม่ว่าในขั้นตอนอำเภอ-จังหวัด-ประเทศ จะชักแถวร้องให้การเลือกตั้ง ส.ว.เป็นโมฆะ”

จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

ไม่เกี่ยวกับ ‘ฮุน เซน’
ในระบอบป่วยติดเตียง รัฐบาลเป็ดง่อย
ใช่-ไม่ใช่
จับตา อุดมศึกษาไทย ในสภาวะ ‘กลืนไม่เข้าคายไม่ออก’ เมื่อการเมืองรุกล้ำพื้นที่พัฒนาประเทศ
Ryan Gander นักท้าทายผู้ชมให้คลี่คลายปริศนาซับซ้อนทางศิลปะ
ผู้ว่าแบงก์ชาติ (คนใน)
คุยกับทูต | โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค ครบรอบ 249 ปี วันประกาศอิสรภาพสหรัฐ (จบ)
จีนหนุนสยาม ยึดอยุธยาเพื่อจีน
อาณาเขตของความอร่อย
ข้าชื่อซารุโทบิ : โลกสองใบที่ไม่มีวันบรรจบ
บวชนาค พิธีกรรมสัญลักษณ์ เปลี่ยนผ่าน คนพื้นเมือง ให้เป็นอารยชน
ลืมจำ…ลืมจริง?