

เมื่อเร็วๆ นี้ ไปเรียนหนังสือกับนักเรียนที่ภูเก็ต เลยได้เรียนรู้อะไรที่ไม่รู้ ที่ไม่มีในตำราฝรั่ง จนอดไม่ได้ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง
นักเรียนหรือวิทยากรคนหนึ่ง ดูแลโรงแรมถึงสามแห่ง ที่หาดป่าตอง ได้แก่ โนโวเทลภูเก็ตรีสอร์ท โนโวเทลภูเก็ตวินเทจพาร์ค และเมอเวนพิค มิธโฮเทล จึงสามารถชี้ประเด็นสำคัญของธุรกิจที่พักตากอากาศริมทะเล ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนมากมาย
ตั้งแต่ ปรามไม่ให้คิดง่ายๆ แค่อยากลงทุนสร้างโรงแรม เพราะดูดี ดูเท่ และดูว่าจะรวย ซึ่งในความเป็นจริง ส่วนใหญ่กลายเป็นผู้สูญเสียที่ดิน ทรัพย์สิน และชื่อเสียง
ส่วนใหญ่อยากเปิดโรงแรมหรูไฮเอนด์ หวังจะได้ทั้งเงิน ทั้งหน้าตา แต่ทว่า ถ้าที่ตั้ง สภาพแวดล้อม และการบริหารจัดการไม่ถึง ฝันก็จะไม่เป็นจริง
จึงมีข้อแนะนำให้ใช้บริการเครือโรงแรมต่างชาติ ที่เปิดบริการโรงแรมทุกระดับ ให้มาช่วยประเมินศักยภาพ แต่ต้องระวังอย่าเชื่อทั้งหมด เพราะถ้าผู้ประเมินเป็นชาวต่างชาติ ไม่คุ้นกับพื้นที่ อาจแนะนำผิดที่ผิดทางก็ได้
จากประสบการณ์ผ่านความยากลำบาก ช่วงการแพร่ระบาดโควิด ที่ยอมเปิดบริการ เพราะรู้ว่าการปิดตายโรงแรมนั้น สร้างปัญหามากมายตามมา ไม่ว่าเรื่องกลิ่น ความเสื่อมโทรม หรือพนักงาน
ยังมีเรื่องยากๆ อีกมากมาย อาทิ ต้องรักษาพนักงานไม่ให้ถูกแย่งตัวไปโรงแรมใหม่ ค่าแรงขั้นต่ำนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะต้องจ่ายมากกว่าอยู่แล้ว ทั้งที่มีส่วนแบ่งค่าเซอร์วิสเพิ่มให้อีก
ไปจนถึงเรื่องน้ำจืด ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แม้ว่าภูเก็ตจะมีปัญหาน้อยกว่าสมุยหรือหัวหิน แต่ก็ต้องเตรียมกักเก็บน้ำ ทั้งน้ำประปา ขุดบ่อน้ำบาดาล รีไซเคิลน้ำใช้แล้ว และมีสัญญาซื้อน้ำสำรอง
รวมทั้งความจริงที่ว่า ป่าตอง แม้จะเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่การแข่งขันก็สูงมาก ต้องต่อสู้กับโรงแรมอื่นทุกระดับดาว ในหาดเดียวกันมากถึงห้าร้อยแห่ง
ในขณะที่เทศบาลเมืองป่าตอง รวมทั้งจังหวัดภูเก็ต ไม่พร้อมที่จะรับมือกับจำนวนคนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ที่จะเกิดปัญหารถติด ขยะ น้ำประปา ไฟฟ้าดับ
รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี •
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต


