

หนังการ์ตูนญี่ปุ่น “มองกลับไป” (Look Back) ความยาวเพียง 58 นาที ผลงานของผู้กำกับการแสดง Kiyotaka Oshiyama สร้างจากการ์ตูนสั้นเรื่องเดียวกันของ Tatsuki Fujimoto ผู้สร้าง Chainsaw Man
เมื่อเทียบงานชิ้นนี้กับเชนซอว์แมนแล้วก็อดรู้สึกทึ่งมิได้ น่าประทับใจเสียจริง คำว่า Look Back อาจจะแปลว่าหวนนึกกลับไปก็ได้ คิดย้อนกลับไปก็ได้ แต่การแปลตรงตัวว่า “มองกลับไป” จะช่วยให้เราเห็นความลึกซึ้งแลแยบยลของผู้เขียนและ/หรือผู้กำกับฯ มากขึ้นอีกหลายฉากตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ในตอนท้าย
ความหมายของคำว่า “มองกลับไป” ปรากฏตั้งแต่ต้นเรื่อง เริ่มด้วยฉากแรกที่ฉายให้เห็นใครคนหนึ่งนั่งทำงานที่โต๊ะอยู่นานสองนาน นานมากเสียจนคนดูเริ่มรอว่าเมื่อไรผู้กำกับฯ จะเปลี่ยนมุมกล้อง หรือเจ้าตัวที่นั่งทำงานอยู่นั้นจะหันกลับมาเสียที
เธอชื่อฟูจิโนะ เป็นนักเรียนประถมสี่ มีบ้านมีห้องส่วนตัวรกรุงรังและมีชีวิตชีวา เธอกำลังวาดการ์ตูน
เป็นการ์ตูนสี่ช่องจบเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของโรงเรียน งานเขียนของเธอดูตลกปนดุเดือดและเพียงตัวอย่างแรกก็เลือดตกยางออกทำเอาเราคนดูงงไปเลย เมื่อถึงวันแจกวารสารโรงเรียนให้แก่เด็กๆ ทุกคนในห้องจึงเป็นวันที่ฟูจิโนะมีความสุข ยืดอก อิ่มเอิบ ภาคภูมิใจ และออกไปทางลำพองใจในฝีมือการเล่าเรื่องของตัวเองซึ่งโดน ไม่เพียงโดนเพื่อนๆ ในห้องหรืออาจจะทั้งโรงเรียนแต่โดนคนดูด้วย
โดนมากเสียจนทุกคนยินดีมองข้ามลายเส้นไป
จนกระทั่งวันหนึ่งมีผลงานการ์ตูนสี่ช่องจบของเด็กหญิงประถมสี่อีกคนหนึ่งตีพิมพ์เคียงข้างงานของฟูจิโนะ เสียงอู้หูอ้าหาดังระงมรอบตัวเธอ แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่หวือหวาแต่ลายเส้นที่เห็นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพมุมกว้างกลับสวยงามโดดเด่นกินใจคนอ่านและคนดูหนังกันถ้วนหน้า เป็นผลงานการเขียนของเคียวโมโตะ เด็กหญิงที่ไม่ยอมมาโรงเรียน
โรงเรียนอนุญาตให้เธอเรียนที่บ้านได้ ฟูจิโนะแม้จะดูหลงตัวเองอยู่บ้างในตอนแรกหากแต่เมื่อเธอ “มองกลับไป” ที่ผลงานที่แล้วมาของเธอ เธอยอมแพ้เคียวโมโตะเด็กลึกลับอยู่ในใจ แม้เธอจะเล่าเรื่องสนุกแต่ลายเส้นของเธอยังใช้ไม่ได้ นั่นทำให้เธอเริ่มเข้าห้องสมุดค้นคว้าศึกษาเพื่อเพิ่มทักษะการวาดรูป เธอจริงจังถึงระดับหัดวาดใหม่ตั้งแต่พื้นฐานด้านกายวิภาค เธอคร่ำเคร่งอดหลับอดนอนไม่เป็นอันเรียนหนังสือเพื่อฝึกปรือฝีมือให้ดีขึ้น
แล้ววันหนึ่งก็ถึงประถมหก
ตลอดสองปีที่ผ่านไปงานของฟูจิโนะและเคียวโมโตะยังคงตีพิมพ์เคียงข้างกันอย่างสม่ำเสมอ ฟูจิโนะหมกมุ่นกับตัวเองมากเสียจนจะว่าไปเธออาจจะไม่ต่างอะไรกับเคียวโมโตะผู้เก็บตัวอยู่แต่เฉพาะในบ้านไม่เคยออกจากบ้านอย่าว่าแต่มาโรงเรียน
เพื่อนคนหนึ่งเตือนฟูจิโนะว่าหยุดเขียนการ์ตูนได้แล้ว ออกไปพบเพื่อนๆ เหมือนเดิมบ้าง ปีหน้าก็จะขึ้นชั้นมัธยมแล้ว หากยังทำตัวแบบนี้ใครๆ จะหาว่าเธอเป็น “โอตาคุ” นะ
ข้างคนดูบางส่วนอาจจะคิดว่าเคียวโมโตะเป็น “ฮิคิโคโมริ”
พอถึงวันจบชั้นประถมหก คุณครูที่รับผิดชอบการเรียนของเคียวโมโตะตลอดมาฝากใบจบการศึกษาให้ฟูจิโนะเอาไปบ้านเคียวโมโตะ ฟูจิโนะอิดออดในตอนแรกแต่ก็ไป เธอและคนดูไม่เคยเห็นหน้าเคียวโมโตะมาก่อนเลย
เมื่อไปถึงหน้าบ้านประตูบ้านไม่ได้ปิด ทางเดินเข้าบ้านสะอาดสะอ้านและวังเวง สองข้างทางเดินไปหาห้องที่ปิดตายบานหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นห้องส่วนตัวของเคียวโมโตะเต็มไปด้วยสมุดหัดวาดเหมือนของเธอกองพะเนิน ฟูจิโนะเรียกอย่างไรเจ้าของห้องก็ไม่เปิดประตู
ฟูจิโนะไม่ใช่โอตาคุ เคียวโมโตะไม่ใช่ฮิคิโคโมริ ฟูจิโนะสนใจที่จะทำงานเขียนการ์ตูนเป็นอาชีพ เคียวโมโตะเพียงกลัวโลกภายนอกจนไม่อาจจะออกจากห้องได้ จนกระทั่งวันนี้ที่ฟูจิโนะมาหาถึงบ้าน
เธอ “เล่น” เอาเคียวโมโตะต้องออกจากบ้านจนได้
หลังจากนี้ทั้งสองจะทำงานร่วมกัน คนหนึ่งเขียนฉากหน้าอีกคนหนึ่งเขียนฉากหลัง งานของเธอทั้งสองผ่านการพิจารณาสำนักพิมพ์ให้ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนตั้งแต่มัธยม! หลังจากนี้หนังจะใช้ฉากฟูจิโนะวิ่งอยู่ด้านหน้า มือจูงเคียวโมโตะวิ่งตามไป เป็นฉากบอกกล่าวความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองอยู่หลายครั้ง ฟูจิโนะ “มองกลับมา” ดูเคียวโมโตะเป็นครั้งๆ เคียวโมโตะยิ้มแย้มแจ่มใสมองใบหน้าของฟูจิโนะที่ “มองกลับมา” อย่างไว้ใจ มือของเด็กหญิงทั้งสองไม่เคยหลุดจากกัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
พอเท่านี้ครับ ชวนดูต่อยังมีเรื่องคาดไม่ถึงอีกมาก หนังเรื่องนี้ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีพ่อแม่ของฟูจิโนะและไม่มีพ่อแม่ของเคียวโมโตะ เรื่องราวทั้งหมดเป็นปฏิสัมพันธ์ของเด็กสาวสองคนล้วนๆ แม้แต่สังคมและสิ่งแวดล้อมก็มิใช่ปัจจัยสำคัญ ไม่มีเพื่อนบ้าน โรงเรียนไม่มีบทบาทขวางทางอะไรพวกเธอมากนักออกจะเข้าใจและส่งเสริมด้วยซ้ำ ความยาวไม่ถึงชั่วโมงจึงเล่าแค่เรื่องเดียวคือเรื่องของเด็กสาวทั้งสอง หากจะเกิดอะไรก็เพราะพวกเธอตัดสินใจกันเอง
มีเรื่องน่าแปลกใจอยู่บ้างเมื่อคิดถึงว่าปัจจุบันการรักษาโรคกลัวการออกนอกบ้านอย่างที่เคียวโมโตะเป็นมิใช่เรื่องยาก เพราะอะไรพ่อแม่จึงไม่พาไปรักษา ได้ยาที่ถูกต้องไม่กี่สัปดาห์ก็ออกมาได้แล้ว เมื่อเป็นเสมือนหนึ่งขาดพ่อแม่เสียแล้วฟูจิโนะจึงตกที่นั่งเป็นแม่ตัวแทน (mother surrogate)
แต่พัฒนาการจะอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามครรลอง เมื่อเคียวโมโตะมีแม่แล้ววันหนึ่งก็ต้องเติบโตถึงจุดที่ต้องการเป็นอิสระ ไม่อยากถูกจูงมือให้เดินตามแม่อีกต่อไป นี่เป็นพัฒนาการทางธรรมชาติที่เลี่ยงมิได้ซึ่งแม่อย่างฟูจิโนะจะไปรู้อะไร
ฟูจิโนะ “เล่น” เอาเคียวโมโตะออกจากห้องได้อย่างไรในตอนแรกจะเป็นมุขที่ใช้อีกครั้งในตอนจบ คำว่า “มองกลับมา” ก็จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในตอนจบอย่างคาดไม่ถึงอีกเช่นกัน
คำเตือน ช่วงสุดท้ายอาจจะไม่เหมาะกับบางครอบครัว ควรพิจารณา •
การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022