จากแก้รัฐธรรมนูญ วุ่น ถึงป่วนสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รักๆ ร้าวๆ พรรคร่วมรัฐบาลอิ๊งค์

บทความในประเทศ

จากแก้รัฐธรรมนูญ วุ่น

ถึงป่วนสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์

รักๆ ร้าวๆ พรรคร่วมรัฐบาลอิ๊งค์

การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อผลักดันให้เกิด “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” เป็นประเด็นสำคัญที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ยกเป็นนโยบายเรือธงเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล พรรค พท. ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล จึงเร่งขับเคลื่อนเพื่อผลักดันให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นทันทีตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน

โดยเริ่มต้นจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยยึดเอาแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ

กระบวนการต่างๆ มีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายต้องมาสะดุด เกิดสารพัดปัญหา โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ทางวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องเกณฑ์การหาข้อยุติกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดยเสียงข้างมากของสภาสูง เห็นควรให้ใช้เกณฑ์ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” (Double Majority) ขณะที่เสียงข้างมากของสภาล่าง มองว่าควรเป็น “เสียงข้างมากชั้นเดียว” (Simple Majority)

ส่งผลให้ต้องพักร่างไว้ 180 วัน และสุ่มเสี่ยงที่ “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” อาจจะเกิดขึ้นไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ รวมทั้งการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2570

ทั้งนี้ ประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้บรรจุระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) และคณะ เป็นผู้เสนอ

และร่างของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และคณะ เป็นผู้เสนอ เพื่อปลดล็อกกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น และเปิดทางยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

แต่ทว่า ก่อนวันประชุม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาแสดงจุดยืนว่าพรรค ภท.มีมติไม่ร่วมพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเหตุผลว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่าต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติ มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้

ประกอบกับท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคนที่ยืนกรานว่าจะต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยก่อนว่าจะต้องมีการทำประชามติก่อนที่รัฐสภาจะพิจารณาแก้ไขหรือไม่

ข้อโต้แย้งดังกล่าวนี้ ทำให้การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ถูกจับตามองเป็นพิเศษว่าการประชุมจะถูกสมาชิกรัฐสภาบอยคอตหรือวอล์กเอาต์หรือไม่ หลังพรรค ภท.ประกาศตัวชัดเจนว่ามีมติไม่ร่วมสังฆกรรม ขณะที่ ส.ว.บางส่วนก็มีท่าทีไม่เห็นด้วย

กระทั่งในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปรากฎว่า ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์และเลขาธิการพรรค ภท. ลุกขึ้นอภิปรายในฐานะตัวแทนพรรคว่า วาระที่กำลังจะพิจารณาค่อนข้างผิด และขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พรรค ภท.จึงขอไม่เข้าร่วมพิจารณา ก่อนจะนำสมาชิกพรรค ภท.เดินออกจากห้องประชุม

จนมีการเสนอญัตติให้ประธานรัฐสภานับองค์ประชุม ปรากฏว่ามีสมาชิกแสดงตนในห้องประชุม 204 คน ไม่ครบองค์ประชุมกึ่งหนึ่ง คือ 346 คน ไม่สามารถดำเนินการประชุมได้ จึงนัดประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

แต่การประชุมวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ยังไม่ทันได้เริ่มพิจารณาอะไร ปรากฏว่า บรรยากาศห้องประชุมกลับโหรงเหรง ส.ส. และ ส.ว.จำนวนมาก แสดงจุดยืนไม่ร่วมพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการไม่เข้าห้องประชุม สุดท้ายไม่ครบองค์ประชุม ทำให้การประชุมล่มซ้ำสอง

ส่งผลให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปต่อไม่ได้ ต้องสะดุดลงอีกครั้ง

แต่ทว่า ช่วงเวลาดังกล่าว กลับมีอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมืองเกิดขึ้น เมื่อรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” เปิดประเด็นว่าที่ดินสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรี คลับ ที่ อ.ปากช่อง (เขาใหญ่) จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กำลังถูกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบว่าทับซ้อนกับที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

งานนี้ ส่งผลให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ถึงกับเดือด ออกมาฟาดว่า “หน้าตัวเมีย” พร้อมย้ำว่า “การได้มาของที่ดินสนามกอล์ฟแปลงดังกล่าวได้มาโดยสุจริต เป็นโฉนดทุกใบ มีเอกสารสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าไปได้มาก่อนแล้วมาออกโฉนด ได้มาเป็นสิบปีแล้ว ดังนั้น ก็ไปตรวจสอบกัน เรื่องนี้ก็ธรรมดา ถือมาเป็นสิบปีแล้วไม่เห็นมีใครมีปัญหาหรือมีคำถาม แต่พอมาอยู่ตรงนี้มามีประเด็นก็เอาเรื่องนี้โผล่ขึ้นมา ผมว่า ‘หน้าตัวเมีย’ แต่ก็พร้อมให้ตรวจสอบ”

แน่นอนว่ากรณีที่ดินสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ ถูกเปิดประเด็นออกมาช่วงจังหวะที่พรรค ภท.ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตและตีความว่าเป็นการเอาคืนกัน หรือเป็นเกมการเมืองหรือไม่

แม้ว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรี แต่เป็นรัฐมนตรีพรรคกล้าธรรม รับผิดชอบอยู่ ซึ่งหากย้อนความสัมพันธ์ของพรรคกล้าธรรม ที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยแบบเหนียวแน่น นับตั้งแต่ประกาศตัวสนับสนุนรัฐบาล และล่าสุดยังมีท่าทีสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

ฉะนั้น การที่ “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตรวจสอบที่ดินเขาใหญ่

แน่นอนว่าหลายฝ่ายต่างเพ่งเล็งว่านี่เป็นการพุ่งเป้าตรวจสอบ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. หรือไม่

แม้ท้ายที่สุดจะออกมาบอกว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างเรียบร้อยดี

แต่หลังจากนี้คงต้องจับตาว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

ยิ่งเดือนมีนาคม ฝ่ายค้านเตรียมเปิดเวทีซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพให้มั่นคง

หากไม่เป็นเอกภาพ โอกาสที่เสียงของพรรคร่วมจะแตกมีสูงแน่นอน

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022