

บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
33 ปี ชีวิตสีกากี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (122)
ยูเรก้า กับรางวัลสอบสวนดีเด่นครั้งที่ 2
วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2536
ผมยังคิดถึงคดีฆ่านายบุญลือหรือโกซือ ต่อ นั่งทบทวนอยู่ในห้องทำงาน นึกถึงพยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งให้การกับผมไว้ว่า มือปืนขับขี่รถจักรยานยนต์มา แล้วใช้อาวุธปืนลูกโม่สีขาวกระบอกยาวๆ ยิงนายบุญลือหรือโกซือ
ตรงนี้ผมอยากรู้ว่ามือปืนใช้อาวุธปืนชนิดใด คงจะต้องเป็นแบบรีวอลเวอร์หรือลูกโม่แน่ๆ เพราะไม่มีปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
แต่ปืนสีขาวๆ ตามที่พยานเห็น น่าจะเป็นแบบสเตนเลส และยาวๆ ก็น่าจะเป็นลำกล้องขนาด 4 นิ้ว หรืออาจจะยาว 6 นิ้ว แต่เมื่อพยานบอกว่า ปืนสีขาวยาวๆ ผมจึงคิดว่า คนร้ายอาจใช้ปืนลำกล้อง 6 นิ้ว เพราะคำพูดของพยานบอกว่ากระบอกยาวๆ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจึงอยากเห็นปืนจริง ถ้าเป็นลูกโม่ ชนิดสเตนเลส ความยาวลำกล้องขนาด 6 นิ้ว ผมเคยเห็นตำรวจจราจรโรงพักเมืองสตูลใช้อาวุธปืนขนาดนี้พกอยู่ 1 คน คือ จ.ส.ต.เจริญ มานะชำนิ จึงได้วิทยุเรียกให้มาพบที่ห้องทำงาน
จ.ส.ต.เจริญเป็นตำรวจจราจรที่มีมารยาทเรียบร้อยมาก สุภาพมาก การแต่งเครื่องแบบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก็เป็นแบบอย่างได้
ไม่นานนัก จ.ส.ต.เจริญก็มาพบผมที่ห้อง และเมื่อพบก็รีบบอก จ.ส.ต.เจริญว่าผมกำลังคิดถึงเรื่องอาวุธปืนที่ใช้ยิงนายบุญลือหรือโกซือในตลาดเมืองสตูล ผมอยากเห็นปืนของจริง ตามที่พยานให้การไว้ ว่าจะมีขนาดแค่ไหนและลักษณะอย่างไร ทำไมพยานจึงเห็นเป็นอย่างนั้น
จ.ส.ต.เจริญเข้าใจตามที่ผมอธิบาย และขออนุญาตผมก่อนว่าจะดึงอาวุธปืนออกจากซองที่พกอยู่ข้างเอว
เมื่อ จ.ส.ต.เจริญดึงอาวุธปืนออกมา ซึ่งเป็นแบบรีวอลเวอร์หรือลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .357 เป็นแบบสเตนเลส ลำกล้องยาว 6 นิ้วแล้วปลดลูกโม่ออก เทกระสุนปืนออกจนหมด ยื่นทางด้ามปืนมาให้ผม
ส่วนทางปากลำกล้องส่องเข้าหาตัวของ จ.ส.ต.เจริญ เป็นไปตามกฎแบบมารยาทการส่งอาวุธปืนทุกประการ
แค่ผมเห็นด้ามปืนเพียงเท่านั้น ผมอยากร้องออกมาดังๆ และคิดออกแล้ว
อยากจะร้อง ยูเรก้า ยูเรก้า เหมือนอาร์คิมีดิส ร้องออกมาดังๆ จริงๆ
และทำให้ผมเข้าใจถึงความดีใจสุดสุดในการค้นพบอะไรสักอย่าง
เหมือนเมื่ออาร์คิมีดิส นักปราชญ์ชาวกรีก สามารถหาวิธีพิสูจน์น้ำหนักทองคำที่นำมาทำมงกุฎให้กษัตริย์ได้ ว่าช่างที่นำทองคำไปนั้นจะไม่ยักยอกทองคำไปแล้วเอาโลหะอื่นมาผสมแทน เพราะอาร์คิมีดิส ครุ่นคิดวิธีเท่าไรก็คิดไม่ออกสักที
จนวันหนึ่งอาร์คิมีดิสลงไปอาบน้ำในอ่างน้ำสาธารณะ แล้วเห็นน้ำล้นออกมาจากอ่าง เขาเห็นแค่นั้น ก็ทำให้รู้วิธีพิสูจน์น้ำหนักทองคำได้สำเร็จ
ด้วยความดีใจจึงวิ่งกลับบ้านโดยไม่สวมเสื้อผ้า แล้วร้องออกมาว่า ยูเรก้า! ยูเรก้า! (Eureka)
อารมณ์ผมในขณะนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ผมไม่กล้าทำแบบอาร์คิมีดิส ผมบอกกับ จ.ส.ต.เจริญ ว่า “ผมเห็นแล้วครับ ขอบคุณมาก เก็บปืนไปเถอะ ผมนึกออกแล้ว” จ.ส.ต.เจริญก็งงๆ แต่ก็เก็บปืนกลับเข้าที่จนเรียบร้อย แล้วทำความเคารพผม กลับออกจากห้องทำงานของผมไป
สิ่งที่คาใจผม จนผมกลับไปนอนคิดแต่คิดไม่ออกมาหลายคืน ที่แท้ก็กระดุมด้ามปืนนี่เอง อยากจะเขกกบาลตัวเองจริงๆ
ทำไมโง่จังวะ
ผมได้รับวิทยุ ให้ไปรับโล่และประกาศเกียรติคุณ เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่น ระดับสารวัตร ประจำปี พ.ศ.2536 ที่ บช.ภ.4 สงขลา วันพรุ่งนี้
ตอนกลางคืน สวญ.เรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีฆ่านายบุญลือหรือโกซือ พูนพานิช
วันพุธที่ 13 ตุลาคม 2536
วันตำรวจปีนี้ผมได้เดินทางไปกองบัญชาการตำรวจภูธร 4 จังหวัดสงขลา วันนี้ พล.ต.ท.ไกรสุข สินสุข ผบช.ภ.4 เป็นประธาน และเป็นผู้มอบโล่และประกาศเกียรติคุณการเป็นพนักงานสอบสวนดีเด่น ระดับสารวัตร ประจำปี พ.ศ.2536 ของ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมตำรวจ ให้กับผม
และเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่คณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกผม ให้ได้รับโล่ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรู้ความสามารถด้านการสอบสวนของผม
แม้ในเวลานั้นจะไม่มีใครรู้มากมายนัก แต่ทำให้ผมดีใจและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งอีกครั้ง
เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานให้กับผม
วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม 2536
เมื่อผมไปทำงานตอนเช้า เริ่มมีสิ่งบอกเหตุจนสังเกตุเห็นได้จาก ร.ต.อ.ปรเมศวร์ สิทธิผล ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็น รอง สว. (ทำหน้าที่ธุรการ) ตำรวจภูธรจังหวัดสตูล เพราะผมมีข้อมูลมากพอสมควรแล้วว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีฆ่านายบุญลือหรือโกซือ
และเวลา 11.00 น. ผมได้แจ้ง พ.ต.ท.สติ มาลกานนท์ สวญ.สภ.อ.เมืองสตูล ให้เรียก จ.ส.ต.สวาท นิลรัตน์ สายตรวจรถจักรยานยนต์ มาพบเพื่อซักถาม เพราะผิดปกติน่าสงสัยตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันตำรวจ ผมทราบจาก พ.ต.ท.สติ ว่า จ.ส.ต.สวาทไม่ได้มาร่วมพิธี
หลังเที่ยง จ.ส.ต.สวาทแต่งเครื่องแบบพร้อมกับพกอาวุธปืนได้เข้าพบที่ห้องทำงานของ พ.ต.ท.สติ สวญ.สภ.อ.เมืองสตูล โดยมีผมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อ จ.ส.ต.สวาทเข้ามาในห้อง สารวัตรใหญ่จึงเรียกให้ จ.ส.ต.สวาทนั่งที่เก้าอี้ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสารวัตรใหญ่ ส่วนผมนั่งด้านเดียวกับ จ.ส.ต.สวาท สารวัตรใหญ่ถาม จ.ส.ต.สวาทว่า ทำไมไม่มาทำพิธีวันตำรวจ จ.ส.ต.สวาทก็แก้ตัวไป และต้องเขียนรายงานชี้แจง
ผมจึงถาม จ.ส.ต.สวาทว่า ปืนกระบอกที่พกอยู่เป็นปืนของ จ.ส.ต.สวาทใช่หรือไม่ จ.ส.ต.สวาทรับว่าใช่
ผมจึงถามต่อไปว่า “สวาทขอดูปืนหน่อยได้ไหม” แทนคำตอบ จ.ส.ต.สวาทก็ดึงอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .357 เป็นแบบสเตนเลส ลำกล้องยาว 4 นิ้ว ออกจากซองพกข้างเอวและปลดล็อกผลักลูกโม่ออก นำวางบนโต๊ะทำงานของ พ.ต.ท.สติ ต่อหน้าสารวัตรใหญ่ และผม
ทันทีที่ จ.ส.ต.สวาทนำอาวุธปืนวางบนโต๊ะ ผมเห็นอาวุธปืนทั้งตัวปืนและด้ามปืน ผมก็รู้ได้ทันทีว่า ปืนกระบอกนี้เป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงโกซือตายแน่นอน
ทำไมผมจึงรู้เช่นนั้น เพราะวันเกิดเหตุ มือปืนใช้อาวุธปืนชนิดเดียวกับปืนของ จ.ส.ต.สวาท และเป็นแบบสเตนเลส ทั้งขนาดและลักษณะของอาวุธปืน ตรงตามที่ผมสืบสวนและสอบสวนมาแล้ว
ผมจึงถาม จ.ส.ต.สวาทตรงๆ ว่า “ปืนกระบอกนี้เป็นปืนที่ยิงโกซือตาย” สิ้นเสียงพูดของผม ผมสังเกตเห็น จ.ส.ต.สวาทมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จึงโยนคำถามที่ จ.ส.ต.สวาทต้องตอบผมว่า “สวาทอยากเป็นผู้ต้องหาหรืออยากเป็นพยาน ให้เลือกเอา” เพราะผมจะพิสูจน์ให้เห็นเดี๋ยวนี้โดยไม่ต้องรอหรือใส่ใจคำตอบของ จ.ส.ต.สวาทเลยก็ได้ ผมเห็น จ.ส.ต.สวาทแสดงอาการอึกอักนิดหน่อย ยังไม่กล้าตัดสินใจว่าจะเอายังไง เพราะมันเป็นเรื่องร้ายแรง
และเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของ จ.ส.ต.สวาท ผมจึงเอากระดุมด้ามปืนจำนวน 1 เม็ด ที่ ด.ต.ไพรัช หรือ “จ่าไข่” เก็บได้ในที่เกิดเหตุ และผมเตรียมเอาไว้แล้วโดยบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของผม
กระดุมลักษณะแบบนี้ ไม่ได้มีอยู่ทั่วไป มีเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้น และปืนกระบอกที่อยู่ตรงหน้าสารวัตรใหญ่กับผมและ จ.ส.ต.สวาท ที่ จ.ส.ต.สวาทเพิ่งดึงออกมา ที่ด้ามปืน กระดุมด้ามปืนได้หลุดหายไปข้างหนึ่ง
พร้อมกันนั้นผมเอากระดุมด้ามปืนของกลางออกมาและพูดกับ จ.ส.ต.สวาทว่า “สวาท นี่เป็นกระดุมด้ามปืนของกระบอกที่มือปืนใช้ยิงโกซือตายในคืนที่เกิดเหตุ” (พอยิงเสร็จ มือปืนได้ขับรถจักรยานยนต์หนี แต่รถจักรยานยนต์ล้มเสียก่อน ปืนของมือปืนเลยกระแทกกับถนน กระดุมด้ามปืนจึงหลุดจากด้ามตกในที่เกิดเหตุ)
ผมเอากระดุมนั้นใส่เข้าไปที่ด้ามปืนข้างที่หลุดหายไป มันเข้ากันได้พอดีเป๊ะเลย
ผมจึงถามย้ำว่า “สวาทรับหรือไม่รับ” เท่านั้นเอง จ.ส.ต.สวาทก็รับออกมาตรงๆ ว่า “ครับ” เสียงแหบๆ เหมือนมีอะไรติดคอ เพราะทุกอย่างถูกดักไว้หมด ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
จ.ส.ต.สวาทจึงยอมจำนนต่อหลักฐาน ด้วยกระดุมด้ามปืนเพียงเม็ดเดียวที่ตกอยูในที่เกิดเหตุ ก็ทำให้ จ.ส.ต.สวาทเปิดปาก สาธยายเหตุการณ์ได้ทั้งหมด
โดย จ.ส.ต.สวาทยอมรับว่า วันที่เกิดเหตุ ตรงกับวันและเวลาที่ จ.ส.ต.สวาทเข้าเวรเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์ รับผิดชอบตรงพื้นที่เกิดเหตุด้วย
ก่อนเกิดเหตุ จ.ส.ต.นิยม เจียนซี ได้มาขอยืมอาวุธปืนของตนเอง ไปให้นายสนิท พัทเต มือปืนนำไปใช้เป็นอาวุธยิงนายบุญลือหรือโกซือ พูนพานิช เจ้าของร้านศรีสะอาด จนถึงแก่ความตาย
ในวันนั้นหลังจากที่มอบปืนของตัวเองให้ไปแล้ว ถึงเวลาทำงานจะต้องมีอาวุธปืนไว้ใช้ จ.ส.ต.สวาทจึงไปขอยืมปืนจากเพื่อนตำรวจด้วยกันคือ ส.ต.ต.อนันต์ ยุทธโกศา ซึ่งเป็นพนักงานวิทยุประจำอยู่ที่ศูนย์วิทยุ และกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่
ส.ต.ต.อนันต์มีปืนชนิดและรุ่นเดียวกันกับ จ.ส.ต.สวาท เมื่อนำมาใช้พกในระหว่างเข้าเวร จึงไม่มีใครสงสัย
และเมื่อนายสนิท พัทเต ทำงานสำเร็จ ได้นำอาวุธปืนไปคืนให้กับ จ.ส.ต.นิยม เจียนซี แล้ว จ.ส.ต.นิยมนำมาคืนให้ จ.ส.ต.สวาท
แต่ จ.ส.ต.สวาทเมื่อได้รับปืนคืนกลับมา ก็ไม่สำรวจหรือตรวจดูว่าปืนมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่อย่างไร จนเพิ่งมารู้ว่า กระดุมด้ามปืนข้างหนึ่งหลุดตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และ พ.ต.ท.สติ มาลกานนท์ กับผม จึงยึดอาวุธปืนของ จ.ส.ต.สวาท นิลรัตน์ ไว้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีต่อไป
ผมได้จัดทำบันทึกการตรวจยึดไว้ ให้ จ.ส.ต.สวาทลงชื่อยินยอมให้ตรวจยึด จากนั้น ได้เรียก จ.ส.ต.นิยม เจียนซี ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย ให้มาพบผม
เบื้องต้นปฏิเสธ ซึ่งผมไม่วิตกหรือกังวลอะไร เพราะเตรียมช่องทางไว้ทุกอย่างให้ จ.ส.ต.นิยมเลือก อยากจะไปทางไหน ถ้าให้ความร่วมมือจะได้รับผลอย่างไร ถ้าปฏิเสธ จะได้รับผลอย่างไร
แล้วผมสอบสวนบันทึกปากคำ จ.ส.ต.สวาทอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ผมตั้งใจว่าจะกัน จ.ส.ต.สวาทเป็นพยาน หากให้การตรงตามความเป็นจริงตลอดไป หากบิดพลิ้วเมื่อไหร่ จะกลับสถานะของตัวเองทันที ถ้า จ.ส.ต.สวาทยังพอมีสติปัญญาคงจะคิดได้
หลังจากผมกลับไปอาบน้ำกินข้าวเย็น จึงเรียก จ.ส.ต.นิยม เจียนซี มาสอบสวนจนดึกดื่น เสร็จสิ้นเมื่อเวลาตี 3
คราวนี้ ยามดึกสงัดในห้องทำงานของผม จ.ส.ต.นิยมยอมพูดแบบหมดเปลือก ไม่ปิดบังอีกต่อไป เพราะจำนนด้วยหลักฐาน และสิ่งที่คายออกมา จึงถูกผมบันทึกไว้เป็นตัวอักษรในคำให้การ ไม่กระเด็นตกหล่นแม้แต่คำเดียว
เวลานี้ จ.ส.ต.นิยม เจียนซี ตกเป็นผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวแล้ว
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022