เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

America First ต้องไม่ใช่ America Alone!

06.05.2025

กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น

 

America First

ต้องไม่ใช่ America Alone!

 

หลายคนเห็นภาพนี้แล้วตีความกันไปต่างๆ นานา

รัฐมนตรีญี่ปุ่นที่นำทีมไปเจรจากับโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องใส่หมวก MAGA (Make America Great Again) ขณะนั่งที่โต๊ะประธานาธิบดีในทำเนียบขาว

นี่ถูกบังคับหรือทำเองด้วยความสมัครใจ

หรือเป็นกลเม็ดของการต่อรองเพื่อไม่ให้ทรัมป์ “ลงโทษ” ญี่ปุ่นเรื่องภาษีศุลกากรหนักไปกว่าที่ประกาศเอาไว้

หรือเป็นเพราะทรัมป์ “กดดันบังคับ” ให้ทีมญี่ปุ่นต้องแสดง “ความจงรักภักดี” ด้วยการสยบยอมต่อหน้าต่อตามสื่อมวลชน เพื่อให้ภาพนี้ปรากฏไปทั่วโลก

กลับถึงบ้าน รัฐมนตรีคนนี้ถูกคนญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์หนักไม่น้อย…ว่าทำตัวไม่สมศักดิ์ศรีของประเทศตนเอง

แต่คนญี่ปุ่นอีกจำนวนหนึ่งก็เข้าใจว่ารัฐบาลญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก จำต้องยอมตามเงื่อนไขส่วนใหญ่ของทรัมป์อยู่ดี

 

หัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายญี่ปุ่นคนนี้คือนายเรียวเซอิ อากาซาวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แกออกมาแถลงแก้ต่างว่าภาพถ่ายที่เห็นสวมหมวก MAGA นั้นไม่ใช่การส่งความหมายทางการเมืองแต่อย่างไร

เหตุเกิดวันที่ 16 เมษายน ตอนที่รัฐมนตรีคนนี้ไปพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเพื่อต่อรองประเด็นภาษีศุลกากรของสหรัฐ

แกจะรู้ตัวก่อนหรือไม่ก็ตาม แต่ทีมงานของทรัมป์ก็ฉวยโอกาสเผยแพร่รูปนี้ออกไปอย่างกว้างขวางเพื่อเสริมบารมีของทรัมป์ ฝ่ายค้านถือโอกาสออกมาโจมตีทันที

ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 21 เมษายน นายเอริ โทคุนางะ จากพรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักลุกขึ้นแถลงว่า

“การที่รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลญี่ปุ่นสวมหมวกแบบนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญทางการเมืองอย่างยิ่ง”

รัฐมนตรีอากาซาวะตอบว่า “ผมได้หมวกนี้มาระหว่างการแลกเปลี่ยนของขวัญ (กับทรัมป์) ถือเป็นเรื่องปกติที่จะสวมหมวกนี้และแสดงให้คนอื่นเห็น”

แต่ไม่รู้ว่าทีมของทรัมป์จะนำออกมาทำเป็นเรื่องให้เกิดเรื่องเกิดราวอย่างนี้

 

ผมมองว่านี่ย่อมมิใช่เหตุบังเอิญสำหรับทรัมป์

เพราะทุกโอกาสที่จะให้ชาวโลกเห็นว่าทีมต่างประเทศที่มาเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรจะต้องมาแสดงความ “จงรักภักดี” ต่อท่านประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่

“ใครต่อใครต่างก็ยื้อแย่งกันมาหาผม…มาจูบก้นผม (kiss my ass) กันทั้งนั้น” ทรัมป์กล่าวระหว่างการปราศรัยในงานพรรครีพับลิกันในจังหวะใกล้ๆ กันนั้น

ความหมายของทรัมป์คือในเมื่อเขาชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นด้วยสโลแกน Make America Great Again ทุกประเทศในโลกก็จะต้องมาช่วยเขาทำให้บรรลุเป้าหมายนั้น

คือการทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ส่วนประเทศอื่นๆ จะยิ่งใหญ่ด้วยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่ทรัมป์จะต้องสนใจใยดีมากนัก

หรือกรณี America First ก็เช่นกัน

เดิมนั้นคือคำขวัญหาเสียงที่ให้คนอเมริกันเห็นว่าเขาจะทำให้ทั้งโลกต้องยอมศิโรราปต่อสหรัฐเมื่อเขากลับมาบริหารประเทศอีกครั้งหนึ่ง

อเมริกาต้องมาก่อน!

ส่วนประเทศอื่นจะมาทีหลังอย่างไรก็ไม่ใช่ปัญหาของเขาอีกเช่นกัน

โดยลืมไปว่าถ้าจีนจะประกาศนโยบาย China Second to None (ไม่เป็นสองรองใคร) บ้าง จะว่าอย่างไร

เพราะอเมริกามี American Dream (ความฝันคนอเมริกัน)

สี จิ้นผิง ก็มี Chinese Dream เหมือนกัน

เพราะสหรัฐไม่ได้ผูกขาดความฝันและความทะเยอทะยานในโลกใบนี้ประเทศเดียวนี่นา

พอเกิดสงครามการค้ารอบใหม่นี้ สหรัฐบอกให้ทุกประเทศมาร่วมมือกับวอชิงตันเพื่อโดดเดี่ยวจีน

จีนก็ประกาศว่าประเทศไหนไปจับมือกับอเมริกาเพื่อทำร้ายผลประโยชน์ของปักกิ่งก็จะถูกตอบโต้เช่นกัน

สี จิ้นผิง ชี้ให้ทั้งโลกเห็นว่าสิ่งที่ทรัมป์ทำนั้นคือการแยกอเมริกาออกจากส่วนอื่นๆ ของโลกทั้งหมด

และดูเหมือนจีนก็พร้อมจะเข้ามาสวมบทมหาอำนาจที่จะนำทางประเทศอื่นๆ

กลายเป็นการโดดเดี่ยวสหรัฐไปในตัว

 

นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของทรัมป์นายสก๊อต เบสเซนต์ ไปประกาศในเวทีนานาชาติในเวลาต่อมาว่า

America First doesn’t mean America Alone

“ผมอยากจะชี้แจงให้ชัดเจนว่า ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ ไม่ได้หมายความถึง ‘อเมริกาแต่เพียงผู้เดียว”

และเสริมว่า “ตรงกันข้าม มันคือการเรียกร้องให้มีความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างคู่ค้าทางการค้า”

เกมสองมหาอำนาจต่างคนต่างพยายาม “โดดเดี่ยว” ซึ่งกันและกันกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ ที่ถูกกดดันให้ต้อง “เลือกข้าง”

แนวทาง America First ของทรัมป์จึงกลายเป็นบูมมาแรงที่วิ่งสวนกลับมาทำร้ายตัวเอง

จีนกำลังจะมาทดแทนบทบาทอเมริกาที่เล่นบทตำรวจโลกมาตลอด 80 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

แนวทางของทรัมป์วันนี้คือการเหยียบหัวประเทศอื่นทั้งหมด…และสกัดการขยายอิทธิพลของจีน

และวิธีบรรลุเป้าหมายของทรัมป์คือการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายสับสนไปทั่ว

ประเทศต่างๆ ที่ “วิ่งเข้าหา” ทรัมป์ย่อมรู้เต็มอกว่าการที่สหรัฐภายใต้ทรัมป์เล่นเกม “ทุบหัว” ทุกคนเพื่อให้มาสวามิภักดิ์ และเลิกคบจีนนั้นไม่ได้เกิดจากความนิยมชมชอบนโยบาย America First ของเขา

หากแต่เป็นการจำกัดความเสียหายอันเกิดจากการใช้วิธีการ “นักเลงปากซอย” ของทรัมป์เฉพาะหน้า

จนกลายเป็นการแสดงละครเสแสร้างแกล้งยอมจำนนต่อหน้าแต่คับแค้นแน่นอุราในขณะเดียวกัน

 

ขณะที่ก็เชียร์ (อย่างไม่เปิดหน้า) ให้จีนใช้อำนาจต่อรองที่สั่งสมมาหลายปี “สั่งสอน” ทรัมป์ในรูปแบบที่เจ้าตัวอาจจะไม่เคยคิดว่าจะต้องเจอกับคู่แข่งที่ยืนระยะได้อย่างจีนมาก่อน

ความย้อนแย้งอันเกิดจากนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์เผลอๆ อาจกลายเป็น “อเมริกาทำให้จีนมาก่อน”

แทนที่จะเป็น Make America Great Again อาจจะกลายเป็น Make China Great Again

ทรัมป์ใช้กลเม็ดเด็ดพรายในการเจรจาต่อรองด้วยการเกทับบลัฟแหลก กะล่อนปลิ้นปล้อนและข่มขู่กดดันที่เขาเขียนไว้ในหนังสือ Art of the Deal

แต่หารู้ไม่ว่า สี จิ้นผิง อ่านตำรา Art of War ของซุนวูแบบทะลุปรุโปร่ง

จึงใช้วิธี “ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” ต่อทรัมป์

จนทรัมป์เกิดอาการร้อนรนเมื่อสี จิ้นผิง ทิ้งจังหวะการต่อสายมาพูดคุยหลังจากทรัมป์อาละวาดก้วยการด่ากราดจีนอย่างสาดเสียเทเสีย และประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนบ้าเลือดถึง 245%

ก่อนจะยอมถอย “เพราะผมกับท่านสีรักกันดี เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”

สี จิ้นผิง ใช้กลยุทธ์ย้อนรอยทรัมป์ด้วยการประกาศเป็นผู้นำด้านพหุภาคี, ส่งเสริมการค้าเสรี, การเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน…และเสริมสร้างพันธมิตรขณะที่พฤติกรรมของทรัมป์ก่อความสับสนจนไม่รู้ว่าใครคือมิตรใครคือศัตรู

ทรัมป์ตอกย้ำว่าอเมริกาต้องมาก่อน…แปลว่าคนอื่นต้องอยู่ข้างหลัง

หรือเดินตามต้อยๆ โดยไม่รู้จะหล่นลงหลุมข้างทางเมื่อไหร่

วันนี้ ทรัมป์ถูกตราหน้าว่าเขากำลังจะเดินไปบนเส้นทาง Isolationism และ Protectionism

ขณะที่สี จิ้นผิง เน้นแนวทาง “ชะตากรรมร่วมกัน” (Shared Destiny) ในการสร้างความสัมพันธ์กับนานาชาติ

รัฐมนตรีคลังของทรัมป์จะสามารถซ่อมแซมความเสียหายอันเกิดจากความประพฤติของทรัมป์ด้วยการออกมาประกาศว่า America First ไม่ใช่ America Alone ยังน่าสงสัย

เพราะหากผลงาน 100 วันแรกของทรัมป์ทำให้ความนิยมในสายตาคนอเมริกันและชาวโลกดำดิ่งหนักไปกว่านี้

อาจจะกลายเป็น Trump : Home Alone ก็เป็นไปได้



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

เมื่อ AI รับตำแหน่ง CEO!
ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จากแว่นของสหรัฐอเมริกาและจีน
เจาะโครงการ ‘น้ำ-คมนาคม’ ของบประมาณ 1.57 แสนล้าน เร่งปั๊ม ศก.-รักษาฐานเสียง รบ.
ชายแดนใต้ ‘เทศกาลอีดิ้ลอัฎฮา’ ระเบิด เชือดสัตว์พลีทาน และฟุตบอล
ลูกหลานเราจะเติบโตอย่างไร ถ้าเราดูแลครูของเราไม่ดี
MatiTalk ‘เสธ.หิ’ หิมาลัย ผิวพรรณ เปิดใจจุดพลิกผันในชีวิต จากทหารสู่เวทีการเมือง มองอนาคตพรรค ‘รทสช.’
‘ถกเขมรเถียงสยาม’ บทสนทนาสร้าง ‘สติ-ปัญญา’ ในภาวะขัดแย้ง ‘ไทย-กัมพูชา’
‘ครู นักเรียน และ AI’ แค่ไหนเรียกว่าโกง
ดาวกับดวง วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2568 โดยพิมพ์พรร
“พีระพันธุ์” เรียกประชุมด่วน หลังอิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุซเตรียมมาตรการรองรับทั้งด้านราคาและปริมาณสำรองหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น
พล.ท.ภราดร ชี้ครบ93ปีประชาธิปไตยไทย เดินสายพูดคุยปชช. พบสาเหตุที่ ปชต.อ่อนแอ
อดีต รมว.คลังชี้ช่วงนี้​ จะให้ศก.​เติบโต​สูงขึ้น ต้องปรับค่าเงินบาทลดลง​ ให้แข่งขันได้​ อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือทางนโยบายของรัฐบาล​ ไม่ควรปล่อยให้ขึ้นๆลงๆ​ ตามนักเก็งกำไร