

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว | มุกดา สุวรรณชาติ
คดีฮั้ว ส.ว. เป็นหนังซีรีส์
คัดเลือก ส.ว.ไม่ดี…ตึกถล่มได้
สังคมกำลังจับตามอง 2 คดีใหญ่ คือคดีฮั้วส.ว. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคดีตึกถล่มของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทั้ง 2 องค์กรอิสระ มีหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบ ดูแล เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ยุติธรรม โปร่งใส
เรื่องนี้จะวัดความเป็นมาตรฐานในการใช้กฎหมายจากคนที่เคยควบคุม ตรวจสอบกล่าวหาคนอื่น
วันนี้กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาเสียเอง
ส.ว.เป็นคนเลือก
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
รัฐธรรมนูญ 2560 มี ส.ว.แต่งตั้งทั้งหมด 250 คน มาจากระบบการคัดเลือกของ คสช.ทั้งสิ้น ตามบทเฉพาะกาล ส.ว.แต่งตั้งสามารถเลือกนายกฯ ร่วมกับ ส.ส.ได้ แม้ปัจจุบันอำนาจนี้หมดไป แต่ ส.ว.ยังมีเลือกกรรมการองค์กรอิสระได้ทั้งหมด
คือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 7 คน และผู้ว่าการ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน
กกต. 7 คน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 9 คน
ผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 คน
กรรมการสิทธิมนุษยชน (ก.ส.ม.) 7 คน
ใครจะเป็นกรรมการองค์กรอิสระ แม้ผ่านการสรรหามาแล้ว ก็ต้องผ่านความเห็นชอบของ ส.ว.
ส.ว.ยังมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบการดำรงตำแหน่งที่สำคัญอื่นๆ อีก เช่น เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, กรรมการ กสทช., เลขาธิการ ป.ป.ท. ฯลฯ
ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คน สามารถยับยั้งไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ได้ ข้อนี้ทำให้วันนี้ไม่สามารถแก้ รธน.ได้
กรรมการองค์กรอิสระถ้าทำงานแล้วมีปัญหา จะทำให้ระบบยุติธรรมเสื่อมเสีย เพราะตรวจสอบล่าช้าหรือมีการเลือกข้าง ก็มีคนมองย้อนกลับไปว่า ส.ว.เลือกกรรมการเหล่านี้มาได้อย่างไร
กรณีตึก สตง.ถล่มก็มีคำถามไปถึงกรรมการและผู้รับผิดชอบว่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ใครเลือกคนเหล่านี้เข้ามาเป็นกรรมการ
แต่กรรมการองค์กรอิสระชุดที่ผ่านมาและที่กำลังเป็นอยู่บางส่วนมาจากการตัดสินใจเลือกของ ส.ว.ชุดที่ คสช.แต่งตั้ง 250 คน
บัดนี้ก็มีการคัดเลือก ส.ว.ใหม่ ซึ่งก็มีการร้องเรียนว่าที่มาของ ส.ว.ชุดใหม่ไม่สุจริต เป็นการผ่านการคัดเลือกแบบฮั้วกัน ผิดกฎหมาย เรื่องนี้จึงกลายเป็นดัชนีวัดระบบยุติธรรมระดับชาติ
คนทั่วไปก็ตั้งเป้าหมายว่า ส.ว.ชุดใหม่ควรจะมีที่มาแบบบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ทุจริต จึงจะสามารถเข้ามาตรวจสอบคนอื่น หรือคัดเลือกกรรมการที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมได้อย่างเหมาะสม มิฉะนั้นจะเกิดการทุจริตต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ไปจนถึงการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามหลักการที่ว่า ผ้าสะอาด จึงจะเช็ดโต๊ะได้สะอาด
มีการทำผิดกฎหมายหลายมาตรา
ในคดีฮั้ว ส.ว.
แม้จะมีกฎหมายควบคุมไว้อย่างละเอียด แต่พวกที่คดโกงก็จะพยายามโกงให้ได้ และกรรมการที่มีหน้าที่ก็ไม่สนใจที่จะควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย
มาตรา 48 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตําแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทําการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร
มาตรา 59 ก่อนประกาศผลการเลือก หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีอํานาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือก และสั่งให้ดําเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่
มาตรา 60 ก่อนประกาศผลการเลือก ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดกระทําการใด หรือรู้เห็นกับการกระทําใดของบุคคลอื่น อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี (ทั้ง 3 มาตรา กกต.แสดงบทบาทน้อยมาก)
มาตรา 61 ในกรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ใดให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียม เพื่อจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือ ไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ให้คณะกรรมการมีอํานาจสั่งยึดหรืออายัดเงิน ทรัพย์สิน (ตอนนี้ DSI กำลังสืบสวน)
มาตรา 62 เมื่อคณะกรรมการประกาศผลแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือกหรือรู้เห็นกับการกระทําของบุคคลอื่น อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อศาลฎีกามีคําสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่ (ไม่รู้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด ขณะนี้ ส.ว.ชุดที่ถูกกล่าวหาก็ยังปฏิบัติหน้าที่รับเงินเดือนไปเรื่อยๆ)
มาตรา 76 กรรมการบริหารพรรคการเมือง ส.ส. สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ใดกระทําการช่วยเหลือให้ผู้สมัครผู้ใดได้รับเลือกเป็น ส.ว. หรือทําให้ผู้สมัครผู้ใดไม่ได้รับเลือก ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น ผู้สมัครก็ต้องรับโทษคล้ายกัน
ตามมาตรา 82 หีบบัตรและบัตรลงคะแนน หรือเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ใครไปทำเสียหายต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี
คดีฮั้ว ส.ว. เป็นหนังซีรีส์
มีอย่างน้อย 2 ภาค
คดีฮั้ว ส.ว. กกต.ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงที่จะพิสูจน์ว่ามีการทำผิดจริงหรือไม่อย่างไร และจะต้องลงโทษใคร ใช้เวลานานมากจนบัดนี้เกือบครบ 1 ปีแล้วก็ยังไม่ไปถึงไหน อำนาจในการแจกใบแดงใบเหลืองของ กกต.จะมีเพียงแค่ 1 ปี
แม้จะมีผู้มาร้องเรียนภายใน 3 วันช่วงมีการคัดเลือก แต่จนบัดนี้ คนที่ถูกลงโทษดูเหมือนจะมีน้อยมากจนไม่มีใครจำได้เลย ในขณะที่ข่าวกระบวนการฮั้ว มีหลักฐานมากมายออกมาตามสื่อ
และที่เห็นง่ายๆ ก็คือหลักฐานกองอยู่ในหีบเลือกตั้ง แค่เปิดหีบออกมาดูก็จะรู้ แต่ กกต.กลับไม่ยอมทำ
นี่ไม่นับถึงการมีอำนาจที่จะดูแลควบคุมการเลือกตั้งที่ให้ไว้หลายอย่างหลายมาตราแต่ไม่ได้ทำ จนกระทั่งมีข้อกล่าวหา ส.ว. ถึง 138 คนจาก 200 คน ที่ผ่านเข้ามาแบบมีการฮั้วกันอย่างเป็นกระบวนการ มีผู้อยู่เบื้องหลังที่เป็นทั้งคนธรรมดาและนักการเมือง ซึ่งตามกฎหมายห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว
การดำเนินงานที่ล่าช้าแบบนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีบางคนใน กกต.มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว ส.ว.
ดังนั้น ก่อนจบภาค 1 ช่วงเวลาก่อนจะครบ 1 ปี คาดว่า กกต.อาจจะมีการลงโทษบางคนบ้าง พอแก้เขิน
ในภาค 2 คดีก็จะเข้าสู่อำนาจศาลตามที่มีคนฟ้องร้อง และตามหลักฐานที่ DSI สืบสวนไปแล้ว มีทิศทางว่าคงจะดำเนินคดีต่อได้จำนวนหนึ่งอาจจะหลายสิบคนแต่คงไม่เป็นร้อยคน
มีบางคนหันมาเป็นพยานเพราะมาตรา 65 ในการสืบสวนหรือไต่สวน สามารถจะกันบุคคลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นพยานโดยไม่ดําเนินคดีก็ได้
ปัจจุบันคดีได้ขยายจากการฟอกเงินมาเป็นอั้งยี่ตามที่คาดคะเนกันไว้ คนที่มีความผิดจะไม่เพียงแค่ถูกถอดถอนจากการเป็น ส.ว. แต่จะโดนคดีอาญาด้วยตามกฎหมาย ประชาชนก็คาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง น่าจะได้รับการลงโทษด้วยเพราะเรื่องแบบนี้ถ้าไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ ก็จะไม่สามารถจะทำแบบนี้ได้
ระดับความสำคัญของคดีฮั้ว ส.ว. มีความสัมพันธ์โดยตรงกับโครงสร้างการปกครองของประเทศ
ข้อกล่าวหาว่าการคัดเลือก ส.ว.ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยการทุจริต มีการกระทำการเป็นกระบวนการและมีคนร่วมนับพันคน มันจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก
สำนวนคดีจาก DSI และการตัดสินของศาลจะพิสูจน์มาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายของไทย ถ้าหากปล่อยผ่านไปได้ประเทศนี้ก็เหมือนกับยอมรับว่าการทุจริตตั้งแต่ระดับบนถึงล่างเป็นเรื่องปกติที่ทำกันได้ การโกงจนตึกถล่มอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีแผ่นดินไหว
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022