เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

‘สร้างสะพาน อย่าสร้างกำแพง’ มรดกการปฏิรูป ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

14.05.2025

ตุลวิภาคพจนกิจ | ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ

 

‘สร้างสะพาน อย่าสร้างกำแพง’

มรดกการปฏิรูป

ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

 

ผมนั่งดูรายงานข่าวการประกอบพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขสูงสุดของคริสตจักรคาทอลิกเมื่อวันที่เสาร์ที่ 26 เมษายนนี้ในกรุงวาติกันด้วยความสนใจและประทับใจ

ตลอดจนตื่นตาตื่นใจไปกับจารีตประเพณีอันเก่าแก่ของศาสนจักรที่มีอายุกว่าสองพันปี และยังดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน

มองจากสายตาของคนนอก และจากทัศนะทางประวัติศาสตร์และการเมือง อดเปรียบเทียบกับประมุขของศาสนาอื่นๆ ไม่ได้ว่ามีความแตกต่างในบทบาททางการเมืองและสังคมอย่างมาก

ที่ผมให้น้ำหนักก็คือสารของศาสนจักร ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงแน่นเหนียวของศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนาคริสต์ ที่แสดงออกผ่านจารีตทางศาสนา

เช่น พิธีกรรมที่ซึมซับความหมายและพลังของความศักดิ์สิทธิ์ไว้ในสัมพันธภาพระหว่างพระเจ้าผ่านพระบุตรกับคริสตชนและเอื้ออาทรไปยังมนุษยชาติทั้งมวลโดยเฉพาะผู้ตกทุกข์ได้ยาก

ในขณะที่ผู้นำโลกอย่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังขะมักเขม้นในการเนรเทศและกวาดล้างผู้อพยพในอเมริกา ในการกำจัดความหลากหลายและบทบาทของสตรีเพศ รวมถึงคนยากจนออกไปจากการสร้างความยิ่งใหญ่ให้อเมริกา

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม ทรงเทศนาให้ความเมตตาแก่ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัยและคนจน นั่นคือผู้คนที่มีอำนาจน้อยที่สุดในสังคม คนเหล่านั้นคือคนที่พระเยซูทรงให้ความห่วงใยในพระคัมภีร์

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงใช้ชีวิตสั่งสอนว่าคริสเตียนนั้นแสดงออกดีที่สุดในความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยการรับใช้เพื่อนบ้านในหนทางที่พระเยซูกระทำ

ทั้งหมดนี้อยู่ในบทสวดที่พระองค์ท่านทรงเลือกสำหรับพิธีกรรมวันนี้ “พระเยซูทรงกล่าวว่าเลี้ยงดูฝูงแกะของข้าด้วย”

ในยุคสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นี้ ได้เคลื่อนไหวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่าต้องการช่วยเหลือและปลดปล่อยบรรดาคนอพยพทั่วโลกที่อุตส่าห์ดั้นด้นหาทางหลบหนีจากประเทศบ้านเกิดไปแสวงหาชีวิตใหม่ในประเทศตะวันตก

ทำไมประมุขของคาทอลิกต้องออกมาประกาศนโยบายดังกล่าวซึ่งน่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของประมุขแห่งรัฐโลกวิสัยมากกว่า

คำตอบในข้อนี้ยาวมากเพราะมันถอยกลับไปถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 เมื่อพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นที่แพร่หลายในหมู่คนมากขึ้น มีการสอนให้ชาวคริสเตียนไม่เพียงแต่มอบสิ่งที่เป็นของพระเจ้าให้แก่พระเจ้าเท่านั้น หากแต่ยังควรมอบสิ่งของที่เป็นของซีซาร์ให้แก่ซีซาร์ด้วย

นั่นคือที่มาของทฤษฎีดาบสองเล่มอันโด่งดังในปรัชญาการเมืองตะวันตก ซึ่งผมคิดว่ามีส่วนในการทำให้ความคิดการเมืองยุโรปวิวัฒน์ไปสู่ทฤษฎีการแบ่งแยกอำนาจการปกครองได้

เมื่อถึงยุคกลางในยุโรปที่อาณาจักรสร้างอำนาจของตนขึ้นมา ศาสนจักรคาทอลิกซึ่งเคยมีอำนาจมาก่อนก็ทำการต่อต้าน

ผลจากการต่อสู้ระหว่างสองสถาบันทำให้ศรัทธาทางศาสนา ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ภายในศาสนจักรเท่านั้น หากมันได้เข้าไปรองรับระเบียบการเมืองและความชอบธรรมในรัฐอาณาจักรด้วย

บทบาทของศาสนาคริสเตียนยิ่งขยายใหญ่ไปทั่วโลก นับแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมาเมื่อยุโรปสามารถออกไปค้นพบ “โลกใหม่” ได้ครอบครองดินแดนและอาณาจักรใหญ่น้อยทั่วเจ็ดย่านน้ำ สถาบันที่ร่วมในกระบวนการขยายอำนาจของรัฐตะวันตกนั้นไม่ได้ไปแต่สถาบันการเมืองและเศรษฐกิจ

หากแต่ที่สำคัญและเป็นปัจจัยชี้ขาดการเดินทางออกไปค้นพบโลกใหม่นั้นได้แก่สถาบันศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและร่วมในปฏิบัติการทำให้โลกใหม่ในทวีปอเมริกาและต่อมาในเอเชีย แอฟริกากลายเป็นอาณานิคมและก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐสมัยใหม่ในฉายาของตะวันตกไปด้วย

ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับบทบาทของศาสนาอื่นๆ ในการสร้างรัฐและการเมือง คริสต์ศาสนาจึงมีบทบาทอันลึกซึ้งและสานสัมพันธ์กับรัฐโลกวิสัยอย่างแนบแน่น ที่โดดเด่นกว่าศาสนาอื่น

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นพระองค์แรกที่ทำอะไรเป็นคนแรกเสมอ

เช่น พระองค์มาจากละตินอเมริกาอันเป็นทวีปที่ไม่เคยมีใครได้เป็นพระสันตะปาปามาก่อน เป็นพระเยซูอิตพระองค์แรก และเป็นพระองค์แรกที่ใช้ฉายานามว่าฟรานซิส แทนที่จะเป็นฉายาตามสาวกในคัมภีร์ไบเบิล แต่พระองค์ท่านทรงตามอย่างเซนต์ฟรานซิสแห่งแอซิซี่ (St. Francis of Assisi) ซึ่งไม่ใช่นักบุญในกระแสหลักของคาทอลิก นั่นคือสละชีวิตของคนมั่งมีมาเป็นคนจน จนกล่าวได้ว่าเป็นพระเพื่อมวลชนเอียงซ้ายคนแรก

พิธีพระศพดำเนินไปตามประเพณีเก่าแก่ของศาสนจักรคาทอลิก ประกอบด้วยพิธีมิสซาปลงพระศพ (เพลงแรกเควียม Requiem mass) ที่ขอให้พระเจ้าทรงอนุญาตให้ผู้ที่ได้เสียชีวิตได้ไปสู่การพักชั่วนิรันดร

ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่มีการขยายพิธีสวด จากจารีตภาษาละตินไปสู่ภาษาอื่นๆ เช่น อาหรับ และจีนด้วย

พระคาร์ดินัลที่เป็นประธานในพิธีนี้คือ จิโอวานนี่ บาติสตา เร ซึ่งเคยเป็นประธานในพิธีการคัดเลือกพระสันตะปาปา (the conclave) เมื่อ 12 ปีก่อนโน้นซึ่งได้พระสันตะปาปาฟรานซิส วันนี้ท่านมาเป็นผู้เล่าความเป็นมาของพระสันตะปาปาฟรานซิส ในบทอ่านจากพระคัมภีร์ วรรคที่นำมาแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของพระสันตะปาปาคือวรรคที่เล่าถึงพระเยซูเจ้าได้ถามสาวกปีเตอร์สามครั้งว่า “ท่านรักข้าพเจ้าหรือไม่” ทุกครั้งปีเตอร์ตอบว่ารักเจ้าข้าทุกครั้ง แต่พระเยซูก็ตอบกลับไปทุกครั้ง ทำนองเป็นการตอกย้ำว่า “จงเลี้ยงดูคนเลี้ยงแกะของข้าด้วย”

นี่คือสิ่งที่อยู่ในวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งพระองค์ท่านมักย้ำให้ความสำคัญเสมอแก่คำสอนของพระเยซูในเรื่องความเมตตา ย้ำบ่อยครั้งว่าพระเจ้าไม่เคยเบื่อหน่ายในการให้อภัย พระองค์ท่านนำพาให้ศาสนจักรในสมัยของพระองค์ท่านให้ก้มลงสู่คนทุกคนและรักษาบาดแผลของพวกเขา

 

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเลือกบทสวดสำหรับพิธีศพของพระองค์เอง ได้แก่ ความคิดว่าด้วยคนเลี้ยงแกะซึ่งเป็นแนวคิดตลอดเวลาที่พระองค์ท่านเป็นพระ ตั้งแต่สมัยที่พระองค์ท่านเป็นนักศึกษาเทววิทยาในอาร์เจนตินา จนเป็นบิชอปในกรุงบัวโนสไอเรสกระทั่งได้ขึ้นมาเป็นพระสันตะปาปา

เป็นแนวคิดว่าพระองค์ท่านอยู่กับฝูงแกะของพระองค์ท่านในทุ่งหญ้า ดูแลพวกนั้น ให้ความเอาใจใส่ในความต้องการของพวกนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนจนหรือเป็นผู้อพยพที่ต้องหนีมาด้วยสงครามหรือทุพภิกขภัย

การที่พระองค์ท่านทรงเลือกบทสวดนี้ให้เป็นบทสุดท้ายในชีวิตพระองค์ท่านนั้น อาจเป็นการให้คำเตือนแก่พระคาร์ดินัลทั้งหลายในทุกวันนี้ซึ่งจะเป็นผู้ประชุมเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

พระองค์ท่านอาจต้องการกล่าวว่า พวกท่านต้องเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน

 

หลังจากพิธีมิสซาสวดศพก็เป็นพิธีการฝังพระศพ โดยปกติกระทำในนครรัฐวาติกัน ครั้งนี้มีการ “ปฏิรูป” อีกเช่นกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงมีพระประสงค์ให้ฝังพระศพที่มหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร กรุงโรม เนื่องจากพระองค์ทรงมีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ โดยทรงมาสวดภาวนาที่มหาวิหารแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง

และถือเป็นการฝังพระศพสมเด็จพระสันตะปาปา นอกนครรัฐวาติกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 122 ปี ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13

กระทั่งรายละเอียดของวัสดุที่จะใช้เป็นโลงพระศพสามโลง ก็ต้องเปลี่ยนจากจารีตที่ทำจากไม้สนไซเปรส จากตะกั่วและจากไม้โอ๊ก แต่พระองค์ทรงมีพระประสงค์เลือกใช้เพียงโลงเดียว ทำมาจากไม้และสังกะสี เป็นการเน้นย้ำถึงความสมถะและเรียบง่าย

จากนั้นก็เปิดให้ประชาชนเข้ามาดูได้โดยเฉพาะบรรดาคนที่ถูกปฏิเสธจากสถาบันและกฎเกณฑ์ทางสังคมไม่ให้เข้าใกล้ ได้แก่ คนที่ไร้บ้าน ผู้อพยพ คนหลากเพศและเหยื่อของความรุนแรง ก็จะเข้าถึงโบสถ์นี้ได้สะดวก

 

ข้างบนนั้นคือสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงฝากไว้ให้ศาสนจักรดำเนินการต่อไป แล้วมีอะไรไหมที่พระองค์ได้กระทำมาแล้วแต่ยังไม่บรรลุหรือไม่ประสบความสำเร็จ ที่เห็นชัดเจนคือเรื่องแรกได้แก่ ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในศาสนจักรโดยพระอาวุโสเอง

แม้พระองค์ท่านได้พยายามจัดการปัญหานี้ แต่พระองค์ท่านไม่อาจมองเห็นถึงขนาดอันใหญ่โตของปัญหานี้จึงลงไปไม่ถึงต้นตอของมัน

อีกด้านหนึ่งมาจากระบบราชการของศาสนจักรเองที่เป็นอุปสรรค

อีกเรื่องที่ดูเหมือนมีความหวังมากขึ้นว่าศาสนจักรคาทอลิกจะอนุญาตให้มีผู้ช่วยบาทหลวงที่เป็นสตรี

แต่ในสมัยของพระองค์ท่านการปฏิบัตินี้ก็ยังไม่อาจปรากฏเป็นจริงได้

หลังจากนี้ไปความหวังนี้ดูท่าจะแผ่วเบาลงในหมู่คาทอลิกอนุรักษนิยมที่อ้างว่า การเน้นในปัญหาเพศสภาพและบทบาท รวมถึงการกดขี่สตรีนั้นจะนำไปสู่ความแตกแยกและลดทอนพลังเอกภาพของศาสนจักรลงไป

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

“พีระพันธุ์” เรียกประชุมด่วน หลังอิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุซเตรียมมาตรการรองรับทั้งด้านราคาและปริมาณสำรองหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น
พล.ท.ภราดร ชี้ครบ93ปีประชาธิปไตยไทย เดินสายพูดคุยปชช. พบสาเหตุที่ ปชต.อ่อนแอ
อดีต รมว.คลังชี้ช่วงนี้​ จะให้ศก.​เติบโต​สูงขึ้น ต้องปรับค่าเงินบาทลดลง​ ให้แข่งขันได้​ อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือทางนโยบายของรัฐบาล​ ไม่ควรปล่อยให้ขึ้นๆลงๆ​ ตามนักเก็งกำไร
รสนา ชี้กัมพูชาอ้างชุมนุม1.5 แสนคน เป็นแค่ราคาคุย ความจริงแค่หมื่นกว่าคนเท่านั้น
‘ลิณธิภรณ์’ จวก ‘ศุภชัย’ ร้อนรนเป็นฝ่ายค้าน ลืมอดีต เพื่อไทย เคยเสนอนำกัญชากลับบัญชียาเสพติด ย้ำรัฐบาล ‘แพทองธาร’ เร่งรื้อมรดก ‘ภูมิใจไทย‘ ทิ้งกัญชาเสรีทำลายสังคมไทย
มงคล ทศไกร ร่วมเปิดฟุตบอลคลินิก ให้เยาวชนคลองเตยและชุมชนเชื้อเพลิง โครงการ “BROS.CORE 2025 : เปิดเทอมเติมฝัน ปีที่ 2”
‘ใหม่-เต๋อ’ หมั้นแล้ว เปย์หนักแหวนเพชร 15 กะรัต ‘7 ปีกลัวที่สุด จับแต่งเลย จะได้ไม่ต้องเลิก’
ประเทศดี ที่มี ‘คนทุจริต’ กับ ‘อยุติธรรม’ อยู่อาศัย
93 ปี 24 มิถุนายน 2475 อาจต้องรอเกิน 100 ปี …จึงจะมีประชาธิปไตย
‘เครียด-จุดเดือดต่ำ-ซึมเศร้า’ บช.น.จัดคอร์สธรรมะขัดเกลาใจ สู้ความกดดันชีวิตอย่างมีสติ
จากการไล่ล่าผู้อพยพของ I.C.E. ในแอลเอ สู่การประท้วงใหญ่ ‘No Kings’ ทรัมป์ ทั่วอเมริกา
ขยายผลขบวนการค้า ‘ยาเสียสาว’ สวมชื่อ 370 คนตาย-สั่งซื้อ อย.แจ้งจับเพิ่ม 6 แพทย์ ร่วมทีม ‘หมอแอร์’ ใช้แฟลต ตร.ซุก 1.7 แสนเม็ด