เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

โง่แต่ขยัน ลุแก่อำนาจ : วิธีการของรัฐเพื่อความ (ไม่) มั่นคง | ธงชัย วินิจจะกูล

13.05.2025

บทความพิเศษ | ธงชัย วินิจจะกูล

 

โง่แต่ขยัน ลุแก่อำนาจ

: วิธีการของรัฐเพื่อความ (ไม่) มั่นคง

 

จนถึงทุกวันนี้แวดวงนักวิชาการนักกฎหมายทั้งไทยและต่างประเทศก็ยังงงไม่หายว่า การฟ้อง ดร.พอล แชมเบอร์ ด้วยมาตรา 112 เป็นไปได้อย่างไรกัน

อาจารย์มุนินทร์ พงศาปาน กล่าวว่า เป็นกรณีที่แปลกพิสดาร นักวิชาการอเมริกันหลายกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัว ทั้งๆ ที่ปกติเค้าไม่อยากยุ่งกับระบบกฎหมายประเทศอื่น แต่คราวนี้เค้าเห็นว่าการฟ้องกรณีนี้เป็นเรื่องตลกสิ้นดีแม้กระทั่งตามมาตรฐานของกระบวนการไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ของไทย

เพราะข้อหาทั้งหมดอยู่บนหลักฐานว่ามีการกระทำผิดเพียงชิ้นเดียว คือคำแปล-ข้อความโฆษณารายการสัมมนา (ไม่ใช่คำบรรยาย)-ที่มีขึ้น ณ สถาบันวิชาการนอกประเทศไทย-ซึ่ง ดร.แชมเบอร์ไม่ได้เขียน-และผู้แปลเป็นต้นทางของข้อกล่าวหา-อาจจะแปลผิดเอง

โปรดสังเกตให้ดีว่าทุกท่อนของข้อความในย่อหน้าข้างบนเป็นปัญหาทั้งสิ้น

นอกเหนือจากข้อสงสัยมากมายที่เราท่านคงเคยได้อ่านได้ฟังมาบ้างแล้ว เช่น แปลผิดก็เอามาเป็นหลักฐานฟ้องร้องได้ ทำไมไม่ตรวจเสียก่อน ทำไมไม่เอาผิดกับคนเขียนข้อความโฆษณา ผู้ฟ้องได้ฟังคำบรรยายของ ดร.แชมเบอร์หรือไม่ ฯลฯ ผมมีข้อสงสัยเพิ่มเติมว่า…

กอ.รมน. และ/หรือกองทัพภาคที่สามของกองทัพไทย ตำรวจไทย ศาลไทย มีอำนาจเหนือการกระทำที่เกิดขึ้นนอกประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมสงสัยว่าถ้าหากคนที่แปลผิดชื่ออานนท์ นำภา กองทัพจะฟ้องผู้แปลด้วยหรือไม่

ผมสงสัยว่าทำไมไม่ฟ้องสถาบันวิชาการของประเทศสิงคโปร์ไปเสียเลย ให้มันรู้ว่าใครใหญ่จริง

 

ในระยะเดียวกัน กรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรที่มี ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นประธาน ทำการไต่สวนในเรื่องนี้พร้อมกับไต่สวนกรณีไอโอของกองทัพ ทั้งรายชื่อคนที่ถูกจับตามอง กระบวนการ ฯลฯ ตั้งแต่ต้นยันปลายทางล้วนแต่ยืนยันว่ากองทัพทำตัวเป็นรัฐซ้อนรัฐหรือเป็นรัฐพันลึก (Deep State) นอกการควบคุมของรัฐบาล ทั้งเต็มไปด้วยความไร้เหตุผล ผิดหลักการหน้าที่ของกองทัพ

ส.ส.วิโรจน์ ถึงกับให้ความเห็นว่าเป็นปฏิบัติการของคน “โง่แต่ขยัน ลุแก่อำนาจ”

รายละเอียดเราท่านทั้งหลายคงหาอ่านได้เอง

แต่ผมสนใจมากๆ ตรงที่ว่า ตัวแทนของกองทัพและ กอ.รมน.ตอบคำถามอย่างไม่แยแสเท่าไหร่นัก เขารู้หรือไม่ว่าคำอธิบายของตนฟังขึ้นหรือไม่ ข้างๆ คูๆ ขอไปที ไม่สมเหตุสมผล ไม่น่าเชื่อถือ

ผมค่อนข้างมั่นใจว่าท่านเหล่านั้นมีสติปัญญาดีและรู้ดี แต่ก็ยังทำเช่นนั้น

ทำไม? ไม่มีคำอธิบายเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากว่า ท่านไม่แคร์

 

ตัวอย่างของความไม่แคร์เห็นได้ชัดในคำอธิบายต่อการที่มีชื่อนักการเมืองอนุรักษนิยมรวมอยู่ในลิสต์ของไอโอด้วย ท่านแก้ตัวว่าเป็นการจัดประเภทผิดพลาด แถมด้วยไม่กี่วันถัดมาก็แก้ตัวเพิ่มให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าเป็นผู้มีการกระทำเชิงบวกต่อสถาบัน

คำแก้ตัวนี้ทำราวกับว่าสาธารณชนและนายอนุทินกินหญ้า ก็เพราะกองทัพไม่แคร์

เราอาจรู้สึกสมเพชความบ้าอำนาจ แถมไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานไอโอและหน่วยงานความมั่นคง เราอาจคิดว่าความบ้าอำนาจแต่ขยันทั้งๆ ที่ไม่มีปัญญาสมกับงานที่มีผลต่อความเป็นตายของผู้คนขนาดนี้ เหล่านี้เป็นจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไข

แต่ท่าทีไม่สนไม่แคร์ของกองทัพ ทำให้ผมคิดว่าไม่ใช่เพราะเขาต้องการรักษาหน้า เพราะยิ่งแถย่อมยิ่งเสียหน้าหนักเข้าไปอีก เขาโนแคร์ราวกับกำลังเย้ยหยันว่า ก็จะทำแบบนี้ แล้วจะทำไม

เราท่านเห็นว่าเป็นปฏิบัติการแบบโง่แต่ขยัน ลุแก่อำนาจ ก็เพราะเราหาความสมเหตุสมผลหรือแบบแผนใดๆ ไม่ได้เลย ประชาชนไม่เข้าใจว่าการกระทำแบบไหนหรือคำพูดอะไร เขียนตีพิมพ์หรือเพียงคำอุทาน “จ้ะ” ในโซเชียลมีเดีย ในหรือนอกประเทศ ในภาษาไทยหรือภาษาอื่น โดยคนต่างชาติหรือคนไทย โดยกูรูนักวิชาการหรือเด็กมัธยม โดยดาราชื่อดังหรือผู้ป่วยทางจิต โดยผู้อาวุโสหรือเยาวชนยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ความไม่แน่นอนเช่นนี่เองจึงเป็นโอกาสให้ 112 ถูกสวมรอยเอาไว้ขู่หรือทำร้ายกันโดยไม่มีมูลก็ได้

ประชาชนไม่มีทางรู้เลยว่าจู่ ๆ จะถูกฟ้องด้วย 112 เมื่อไหร่ เพราะกฎหมายข้อนี้มิได้มีไว้ให้เราเข้าใจ แต่มีไว้ให้เราไม่มีทางเข้าใจ

 

แบบแผนของการใช้มาตรา 112 และปฏิบัติการไอโอมีอยู่อย่างเดียวคือ ไร้แบบแผน ไม่สมเหตุสมผล

ภาวะคาดการณ์ไม่ได้เช่นนี้เองที่ทำให้มาตรา 112 และการกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงด้วยมาตราใดก็ตามเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพ

ถ้าหากทำให้ข้อหาเหล่านี้สมเหตุสมผล คาดการณ์ได้ว่าอย่างไรจึงจะผิดหรือไม่ผิด หรือเป็นที่เข้าใจได้ชัดเจน ความน่ากลัวของอาวุธทางกฎหมายเช่นนี้จะหมดลงในฉับพลัน

ผมเข้าใจว่าการศึกษาของสถาบันในแคนาดาว่าด้วยปฏิบัติการไอโอของไทย ก็มิได้ระบุหรืออธิบายถึงประเด็นนี้

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง! ความไม่สมเหตุสมผลและคาดการณ์ไม่ได้ของกฎหมายและข้อหาความมั่นคงเป็นปัจจัยที่ทำให้อาวุธเหล่านี้ทรงพลัง

นี่คือวิธีการของหน่วยงานความมั่นคงในรัฐอำนาจนิยม

ความไม่แน่ไม่นอนของทรัมป์ เอาแต่ใจตัวเองผสมการเปลี่ยนกลับไปกลับมา ดูเหมือนเป็นความโง่และไร้ประสิทธิภาพของผู้นำบ้าอำนาจที่ขยันและโง่ แต่เอาเข้าจริงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งของระบอบอำนาจนิยมฝ่ายขวาที่เขาพยายามสร้างขึ้นในอเมริกา

เป็นวิธีการทางพลังที่ทั้งบ่อนทำลายสถาบันการเมือง สื่อ มหาวิทยาลัย และนิติรัฐที่กฎหมายเป็นใหญ่ (Rule of Law) ผู้คนต่างตกอยู่ในความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกสถาบันหลักของสังคมอเมริกัน

ไม่จำเป็นต้องหาว่าใครลอกวิธีการนี้จากใคร เพราะนี่เป็นคู่มือของระบอบอำนาจนิยมทุกยุคสมัยทุกแห่งในโลก

 

เพราะความไม่แน่นอนคาดการณ์ไม่ได้เช่นนี้เองจึงสามารถสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวให้แผ่ซ่านในสังคมไทยได้ ทำให้ผู้คนเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ตัวเองอย่างหนักได้ ทำให้ปัญญาชนนักวิชาการกลัวเกรงจนถึงจุดที่ไม่ต้องละเมิดเสรีภาพทางวิชาการสักเท่าไร เพราะปัญญาชนนักวิชาการต่างเลือกที่จะหลบเพื่อความปลอดภัยเสียเอง

ทำให้ประชาชนสยบยอมไร้สิ้นเสียง ทำให้คนขี้ขลาดออกมาอวดฉลาดได้ว่า “ก็อย่าไปยุ่งกับเรื่องนั้นๆ สิจะได้ไม่โดน112” ผลักดันให้ประชาชนไม่สนใจการเมือง สนใจแค่ปากท้อง ทำมาหากินไปก็พอแล้ว

รัฐพันลึกของไทยใช้มาตรการนี้เพื่อทำให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งหวาดกลัวจะถูกเช็กบิล ยิ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการสยบยอมทำดีลกับรัฐพันลึกด้วยแล้ว จึงต้องหวาดระแวงอยู่ตลอดว่าทำอย่างไรจึงจะไม่ข้ามเส้น ทั้งๆ ที่เส้นดังกล่าวคลุมเครือและขยับไปมาอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลที่มาจากการดีลจึงกลัวจนแทบไม่ทำอะไรมากนัก ที่สำคัญคือต้องระวังไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐพันลึกอย่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยในอำนาจของตนเอง

เราอาจกล่าวได้ว่า ความมั่นคงของรัฐพันลึกของไทยต้องทำให้การเมืองของประชาชนไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา รัฐต้องเป็นผู้สร้างความไม่มั่นคงขึ้นมาเอง

แต่ภารกิจสร้างความไม่มั่นคงแห่งชาติเพื่อความมั่นคงของรัฐเช่นนี้ บ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน รวมทั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบวกดีลกับรัฐพันลึกก็ยังถูกบ่อนทำลายด้วย

นี่เป็นเหตุผลที่มีชื่อนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลปรากฏในปฏิบัติการไอโอของกองทัพ ไม่ใช่การจัดประเภทผิดแต่อย่างใด

 

การสร้างความไม่มั่นคงเพื่อความมั่นคงของรัฐไทยกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่อยู่ภายใต้ “กฎหมายพิเศษ” ที่ทำให้กฎหมายกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล คาดการณ์ไม่ได้ ชีวิตปกติทุกวี่วันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนว่าจะโดนตรวจค้นถูกกล่าวหาอะไรเมื่อไร มีคนถูกจับตั้งข้อหาผิดๆ เต็มไปหมด เป็นเช่นนี้มา 20 ปีแล้ว

การสร้างความไม่มั่นคงไม่มีวันที่จะทำให้เกิดความมั่นคงขึ้นมาได้ เพราะการใช้กฎหมายสุมสี่สุมห้าหนึ่งครั้งก่อให้เกิดผู้ต่อต้านมากกว่าหนึ่งทุกครั้งไป จากนั้นจะถูกตอกกลับด้วยความรุนแรงที่ไม่แน่นอนและคาดการณ์ไม่ได้เช่นกัน

แต่ในอีกด้านหนึ่ง น่าคิดว่าความไม่มั่นคงในอาณาบริเวณที่จำกัดได้ควบคุมได้ อาจจะกลับยิ่งเป็นผลดีต่อความมั่นคงของรัฐ เช่น ช่วยสร้างความรู้สึกไม่มั่นคงในระดับชาติ และช่วยกระตุ้นชาตินิยมที่คับแคบได้นอกอาณาบริเวณนั้น

การเลี้ยงไข้ให้เกิดความไม่มั่นคงในจังหวัดชายแดน จึงอาจเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงในระดับชาติทั้งทางการเมืองและต่องบประมาณที่ป้อนให้แก่รัฐพันลึก



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดินเผา วัตถุมงคลเก่าแก่ของวัดลิงขบ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เสก
ร้อนสุดขั้ว ‘สะท้านโลก’
อสังหาฯ ปรับแผนเปลี่ยนกลยุทธตลาด
‘โจบ’ บนเส้นทางเดียวกับ ‘จู๊ด’ แต่อยากยิ่งใหญ่ในแบบของตัวเอง
ชัยชนะของ AIS-GULF-JAS คนไทยเฮพร้อมดูบอลไทยลีกฟรี!
ยำรวมมิตร (กินกับข้าวต้ม)
เจาะลึกสถานการณ์ค่าย ‘NETA’ กับอนาคตตลาดรถ EV เมืองไทย
ดาวกับดวงวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568
จดหมาย
กลาก สังคัง ฮ่องกงฟุต มะเขือขื่นตอบโจทย์ได้
เดินตามดาว | ศรินทิรา
ขอแสดงความนับถือ