เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ตำรวจตายหมดแล้ว | เรื่องสั้น : อ.น.ร.

16.05.2025

เรื่องสั้น | อ.น.ร.

ตำรวจตายหมดแล้ว

 

“ตํารวจไปไหนหมด?” นายตำรวจคนหนึ่งถามตำรวจอาสาจราจร ตัวเตี้ยมะขามข้อเดียว ที่โบกรถไปมาท่ามกลางการจราจรวุ่นวายในถนนสายหนึ่งของเมืองหลวงแห่งประเทศไทย

“ตำรวจตายหมดแล้ว” นายตำรวจอาสาจราจรบอกนายตำรวจคนดังกล่าว

“หากมันไม่ตายหมด มันคงต้องมาช่วยกันทำอะไรสักอย่างให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ปล่อยให้บ้านเมืองวุ่นวาย เต็มไปด้วยยาเสพติดหรือมีคดีอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวันหรอก” เขาบอกต่อ

พลางทำงานจราจรในการจัดการให้รถเดินทางสะดวกถนนโล่งว่างกันมากขึ้น

 

เขาหายจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไปนานแล้ว ไปนานเสียจนคนทางบ้านที่เป็นญาติพี่น้องนึกว่าเขาได้ตายสิ้นไปจากโลกใบนี้แล้ว จึงเผาเสื้อผ้าเครื่องใช้ของเขาต่างๆ ส่งไปให้กับเขาไปใช้ในเมืองผี แต่ข่าวคราวการตายของเขาก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที พอที่จะทราบว่าตายจริงๆ จะได้เหมารถเหมาลาไปนำศพมาจัดการฌาปนกิจศพที่บ้านของตัวเอง

แล้วเขาก็มาปรากฏตัวบอกกับใครหลายคนว่ายังไม่ตายอย่างที่มีการร่ำลือกัน การมาของเขาอาจจะสักสิบปีมาครั้งหนึ่ง พร้อมกับแฟนหรือเมียแตกต่างกันไป เพื่อ, อาจบางทีรบกวนทางบ้านให้ทำการโยกย้ายที่นาทรัพย์สินมรดกในส่วนของเขา ให้เป็นสินสอดของหมั้นแก่เมียของเขา เรื่องอย่างนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับญาติของเขาอยู่เสมอ

บ้างได้ข่าวว่าเขาไปเป็นลูกจ้างที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวภาคกลางในจังหวัดสุพรรณบุรี และหวิดเกือบตายเมื่อมีปัญหากับผู้หญิงและแฟนของหล่อน…

“ไอ้พร ระวัง” เสียงเตือนของใครบางคนบอกให้รับรู้ถึงอันตราย ร่างของคนชื่อพรนั้นหลบหัวกับคมมีดเล่มใหญ่ไปเพียงนิดเดียว เขาหดหัวต่างหาก เพราะรูปร่างเตี้ยเหมือนกับเต่าหดหัวเข้าไปในกระดอง ไม่อย่างนั้นพรหรือชื่อของเขาในร้านอาหารแถวภาคกลางดังที่ว่ามา คงคอขาดกลายเป็นศพไร้สังกัดภูมิลำเนาของตัวเอง…

พวกมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่างพากันรู้ดีว่า เขาเป็นพนักงานอะไรสักอย่างในธนาคารแห่งหนึ่ง และเขาชอบเลี้ยงหมาของเจ้านายธนาคาร เจ้านายปล่อยให้เขาดูแลหมาเป็นอย่างดี บางทีเขานอนกับหมาในซอกบางซอกของธนาคาร และพวกมอเตอร์ไซค์รับจ้างหลายคนบอกว่าเขามีหมาเป็นเมีย “เฮ้ย เมียมึงไปไหนแล้ว?”

เขาได้แต่ทำหน้าตายิ้มแหยๆ ปากของเขาบานและห้อยด้านล่างหนาเตอะ จมูกบาน ตาโตเหมือนยักษ์ และผมหยิกก่อนจะมาล้านมีผมเพียงบางๆ เมื่ออายุมากขึ้น

เนื่องจากหูของเขาตึง บางทีได้ยิน บางทีไม่ได้ยิน เขาจึงสื่อสารตอบไปแบบในความคิดของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยจะผิดหูกับคำเหน็บแนมมากนัก เพราะเขาฟังไม่ค่อยถนัดชัดเจนนั่นเอง

 

เรื่องของเขายังกลายเป็นเรื่องเล่าที่มาในบางคราวเหมือนสายลมที่แปลกฤดู แล้วก็จากไป ซึ่งทุกคนย่อมลืมเลือนกับสายลมอันแปลกประหลาดเหมือนกับลืมเขานั่นเอง…

หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทางปักษ์ใต้ ผมกลับมาบ้านและขอลาแม่บวช จัดงานขึ้นอย่างไม่ได้มีอะไรมากมาย ต้องไปทำตัวเป็นนาคอยู่วัดเสียสามวันสามคืน แล้วจึงทำพิธีบวช ก่อนตัดปลงผมในวันแห่นาคเข้าโบสถ์

เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางงานเหมือนกับคนไม่มีหัวนอนปลายตีน และบ้านเดิมของเขาไม่มีใครอยู่เหมือนเมื่อก่อน พี่น้องต่างแยกย้ายกันไปทำงานมีครอบครัว ในแต่ละแห่งแต่ละที่ ปล่อยให้บ้านเกิดของเขาแต่ดั้งเดิมกลายเป็นเหมือนบ้านร้างไป พี่ชายของเขาและแม่กับพ่อตายไปหลังจากเขากลับมา เนื่องจากบ้านของเขาไม่มีคนอยู่ ส่วนมากมีแต่นกกระจิบบ้านเข้าๆ ออกๆ และทำรังยึดคล้ายเป็นบ้านของตัวเองแทนเจ้าของเดิม

เขาจึงมาร่วมงานบวชของผมอย่างกลายๆ และวานให้แม่ของผมพาไปทำธุระเกี่ยวกับการทำบัตรประชาชนใหม่ เพราะญาติของเขาไม่มีใครสักคนเดียว เขาจึงเหมือนกับคนไร้ญาติ แม่จึงพาเขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปทำบัตรประชาชนใหม่ที่อำเภอจนแล้วเสร็จ เขาจึงได้เดินทางจากไป

นั่นคือเรื่องราวเหมือนจะเป็นภาพเกือบสุดท้ายที่ผมได้พบเขา

ต่อมาเขาก็เริ่มปรากฏตัวอีกครั้งอย่างถี่ๆ ก่อนมีข่าวครึกโครมใหญ่โตเกี่ยวกับตัวเขาทางช่องทีวี และความร่ำรวยในความเป็นอยู่ แน่นอนการมาเยือนของเขาในแต่ละครั้งพร้อมกับเมียที่เปลี่ยนหน้าไปในทุกคราว แต่การปรากฏตัวในคราวหลังพร้อมกับหน้าตาและความร่ำรวยนี้ ได้ทำให้ญาติพี่น้องของเขาเข้ามาห้อมล้อมเขามากขึ้นอย่างแตกต่างกันเป็นฟ้ากับดิน ตอนที่เขากลับมาทำบัตรประชาชนใหม่

ใครต่างก็เรียกเขาว่า “ชายควายตู้” ที่จริงเขาชื่อสมชาย และตอนเด็กๆ ชอบเลี้ยงควาย เขาจะขี่มันตรงคอควายและควบมันเหมือนกับม้าวิ่งข้ามคันนาปุเลงๆ อย่างไม่กลัวว่าตัวเองจะตกจากหลังควาย และควายที่เขาใช้ควบขี่เป็นควายเขาสั้นที่เรียกว่าควายเขาตู้ (สั้นหด) นั่นเอง

ญาติของเขาเริ่มกลับมาอยู่บ้าน และบ้านได้รับการซ่อมแซมบูรณะเป็นอย่างดี มีการเปลี่ยนหลังคาใหม่ ใช้ฝาบ้านเป็นไม้แผ่นเฌอร่าสีเนื้อไม้เป็นอย่างดี และอุปกรณ์เครื่องอำนวยความสะดวกมากมายต่างถูกขนเข้ามาในบ้านของเขา ญาติของเขาย้ายกลับมาบ้านเดิมของตัวเอง และเริ่มซ่อมแซมบ้านด้วยเงินที่เขาส่งมาให้

หลายคนต่างเรียกเขาไม่เหมือนเดิม จากชายควายตู้มาเป็น “ดาบชายหรือดาบสมชาย”

ที่ทุกคนเรียกเช่นนี้เพราะเรียกจากชุดสีกากีของตำรวจอาสาจราจรนั่นเอง

 

“ตํารวจตายหมดแล้ว”

ฟังดูเหมือนกับคำของคนบ้าที่พูดไม่รู้เรื่องจากเขา ดังที่ว่ามา แต่เมื่อคิดใคร่ครวญพิจารณาก็เหมือนจะยอมรับคำพูดของเขาและเห็นด้วยจริงๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา บ้านของผมมีเด็กสอบติดตำรวจหลายคน และมีตำรวจจากหมู่บ้านของตัวเองมาประจำการที่สถานีตำรวจของตัวเอง หลายคนเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนี้ก็ตามเถอะ “ตำรวจตายหมดแล้ว” อย่างเขาว่าจริงๆ ไม่เห็นจะมีตำรวจหรือผู้รักษากฎหมายเข้ามาควบคุมบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขในแต่ละวัน เรื่องราวของยาบ้าที่เป็นยาเสพติดยังเป็นเรื่องคล้ายจะเป็นเรื่องราวปกติและรุนแรงอย่างเป็นเรื่องธรรมดาเข้าไปทุกที

แม้กระทั่งในบางทีทุกคนยังเหมือนจะยอมรับว่าการค้าการเสพยาบ้านี้เป็นเรื่องสมควรกระทำ เรื่องน่านิยมที่จะกระทำมากกว่าการประกอบอาชีพสุจริตเป็นไหนๆ เราสามารถเห็นหรือติดต่อการซื้อขายยาชนิดนี้ได้เหมือนกับการเดินไปซื้อขนม ที่ร้านหน้าปากซอย มีการยื่นส่งยา เด็กประถมกลายเป็นเด็กส่งยา เด็กมัธยมเป็นนักค้ายากับนักเสพยา มีงานอดิเรกในการต้มสมุนไพรกระท่อมที่รัฐบาลส่งเสริมกันกับสูบกัญชา

ตำรวจหรือผู้รักษากฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีเรื่องมีราวขึ้นเท่านั้น เช่น การทะเลาะวิวาท หลานพยายามจะฆ่าย่าเมื่อขอเงินไปเสพยาไม่ได้ มีโจรขโมยชุกชุมมากขึ้นราวกับดอกเห็ด ในหมู่บ้านหนึ่งๆ มีวัยรุ่นติดยาเสพติดประเภทนี้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ในขณะที่เยาวชนอันเป็นกำลังของประเทศเพลินกับการดื่มน้ำกระท่อมหรือการผสมกับสารทดลองอื่นๆ

“ตำรวจตายหมดแล้วจริงๆ” ผมชักจะเชื่อคำของดาบชาย คนบ้าคนนั้นเสียแล้วสิ?

ตำรวจกลายเป็นพ่อค้าส่งยาให้พ่อค้าขายยา เมื่อพ่อค้าขายเสพยาถูกตำรวจจับเข้าคุกตะรางเหมือนกับว่าเข้าไปรับยาจากตำรวจออกมาขายอีกทอดหนึ่ง เหตุนี้ตำรวจที่จับยาบ้าจึงกลายเป็นเหมือนกับเอเย่นต์ในการจำหน่ายยาบ้าอีกทีหนึ่ง คนขายที่มีความผิดด้วยการเป็นพ่อค้ายาเสพติด หากต้องการรอดตัวหรือไม่มีปัญหาในเรื่องการตามล่าตามจับกุมจะต้องยอมจ่ายส่วยให้กับตำรวจ และบางทีตัวเองอาจจะขายได้อย่างเสรีอย่างไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมายของบ้านเมืองเลยแม้สักนิดเดียว

คนซื่อสัตย์สุจริต คนประกอบสัมมาอาชีวะกลายเป็นคนโง่ กลายเป็นคนไม่รู้จักการทำมาหากิน ไม่ทันสมัย กลายเป็นเต่าล้านปี ไม่มีใครยกย่องสุจริตชนให้มีค่าเท่ากับทุรชน การพนันกับการมอมเมาในทางอินเตอร์เน็ตแพร่หลายเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ในทุกซอกหลืบมุมมืดของวัยรุ่นและเยาวชน วัตถุกับเงินตรากลายเป็นสิ่งที่เคารพบูชาสำหรับคนทุกคน บางทีนายตำรวจคนใหม่อาจต้องการอะไรจากคนค้ายาเป็นจำนวนมากๆ สำหรับจะสร้างงาน น้อยกว่าการเรียกรับเงินจากพวกทำผิดกฎหมายเพื่อจะเอาไปเป็นเงินหมั้นงานแต่งของตัวเองก็เป็นได้

ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่แปลกสำหรับผม หมู่บ้านของผมกลายเป็นสภาพอย่างที่ว่ามาอันเต็มไปด้วยความเน่าฟอนเฟะต่างๆ อย่างมากมาย ไม่เว้นแม้แต่บริเวณแถวถิ่นบ้านของดาบชาย

แต่เมื่อเขากลับมาไม่กี่วันนี้ เรื่องความเน่าฟอนเฟะเหมือนกลับจะกลายเป็นความเงียบไปหลายส่วน เมื่อเขาได้พูดด่าใครหลายคนที่ไปเกี่ยวข้องกับยานรกอย่างไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม และก็ไม่ค่อยอยากมีใครอยากยุ่งกับดาบชายอีกด้วย เพราะมองว่าดาบชายนั้นเป็นเหมือนคนบ้า ที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงในปัจจุบันที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านของตัวเอง

ดาบสมชายหรือชายควายตู้ในอดีตได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปตามบ้านญาติๆ กับแฟนคนที่เท่าไหร่ของเขาไม่มีใครรู้ แน่นอน เขาเป็นตำรวจคนเดียวที่ไม่ตาย เพราะเขาพูดอย่างไม่เกรงกลัวใคร ไม่เกรงกลัวคนผิด คนที่ทำผิดเหมือนกับเกรงกลัวเขาด้วยการคิดว่าเขาเป็นคนบ้าและไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเสียมากกว่า บางทีพวกคนทำผิดก็กลัวเขานั่นแหละ กลัวสิ่งที่ตัวเองทำผิดเมื่อเจอกับคนอย่างดาบชาย

สองสามวันที่ดาบชายมาอยู่หมู่บ้านของเรา โลกดูเหมือนจะสงบเงียบเกิดสันติภาพเป็นอย่างมาก เหมือนหน้ามือกับหลังมืออย่างแตกต่างกัน

หูของใครหลายคนเบาจากเสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกติดยาเสพติด แม้จะมีเสียงคนเมา ก็เป็นอย่างเสียงธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัยหรือสร้างความรุนแรงวุ่นวายโกลาหลเหมือนกับเสียงหรือกิจกรรมของคนค้ายาคนเสพยาในสมัยแห่งปัจจุบัน

ดาบชาย, ผู้มีร่างกายเตี้ยมะขามข้อเดียว สวมรองเท้าหนังสีดำของตำรวจครึ่งแข้งเพราะเขาเตี้ยเสียเหลือเกิน ชุดตำรวจจราจรคับติ้ว และเขาไหว้ทักทายกับคนทุกคนที่เขารู้จักและคุ้นเคยด้วยรอยยิ้มอันขยายเบิกกว้าง รอยยิ้มนี้แทบจะไปดึงรูจมูกให้ขยายบานออกไปอีก ความอ่อนน้อมถ่อมตนมีกับชายคนนี้ต่อใครทุกคนที่เขารู้จัก แม้จะมีใครหลายคนหัวเราะหรือคล้ายจะมองในทางดูถูกหาว่าเขาเป็นเหมือนคนบ้าก็ตาม

ดาบชายไม่เคยได้สนใจเรื่องอย่างนี้ บางทีเขาอาจไม่ได้ยินคำที่มีคนด่าว่าเขาบ้าก็เป็นได้ เพราะเขาหูตึง เขาได้แต่ยิ้มสาดไปทั่วทุกบริเวณที่เขาเดินผ่านพร้อมกับการทักทายและการไหว้อย่างไม่เคยขาดสาย เพียงแต่เขาไม่ได้เอ่ยคำว่า “พ่อแม่พี่น้องอย่าลืมเลือกผมนะครับ เลือกผมไปบริหารประเทศบ้านเมืองของเราจะได้เจริญรุ่งเรืองต่อๆ ไป” เป็นต้น

หลังจากสองสามวันกับความสงบเงียบคล้ายเป็นสันติสุขได้ผ่านไปพร้อมกับการจากลาของดาบสมชาย เหตุการณ์อันเป็นปกติแห่งความเลวระยำบัดซบก็เริ่มดำเนินการของมันเหมือนเดิม

 

“ตํารวจตายหมดแล้ว”

จะมีสักกี่คนที่กล่าวคำพูดนี้ออกมาด้วยเสียงอันดังอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจอะไรสักอย่าง แม้แต่ตัวผมที่เป็นคนเขียนเรื่องก็ยังไม่คิดจะกล้าเขียนออกไปเหมือนอย่างที่ดาบชายคนดังกล่าวได้กล่าวเป็นคำพูด และคงเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างเป็นที่สุด หากว่าเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ในวงกว้าง ในขณะที่ความเป็นจริงย่อมหมายความว่ามันสมควรกระทำอย่างที่ดาบสมชายได้ว่าไว้อย่างเป็นที่สุด

โลกนี้ไม่มีใครต้องการพูดความจริงหรอก แม้ว่าความเป็นจริงจะถูกพูดกันว่ามันคือสิ่งที่ไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงมักจะตาย เหลือไม่กี่คนเสมอ อย่างน้อยอาจเป็นโชคดีของเราที่ยังเหลือคนอย่างดาบสมชาย ที่ดีจริงในโลกของคนบ้าจากสายตาของคนทั้งหลาย บางที ผมอยากเป็นอย่างดาบสมชายที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเลยสักอย่างเดียว ในการจะพิจารณาแยกแยะว่าอันไหนดีอันไหนถูก เพราะการไม่ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้เข้าไปปะปนในโสตประสาทของเขา ทำให้เขาได้ยินแต่เสียงแห่งความถูกต้องเพียงแต่อย่างเดียว

ด้วยการได้ยินแต่เสียงอันถูกต้องในภาวะของหูตึงนี่อย่างไร ทำให้เขาไม่ต้องสนใจกับอะไรทั้งสิ้นนอกจากความดีกับความถูกต้องในความคิดของตัวเองที่ได้ยิน

โลกของเราน่าจะมีคนอย่างดาบชายเป็นอย่างมากอยู่เหมือนกันเพื่อจะเป็นอำนาจในการต่อต้านกับความเลวร้ายบัดซบในสังคม

คนบ้าอย่างดาบสมชายน่าจะมีให้มากอย่างที่สุดเพื่อจะทำให้คนชั่วหรือสิ่งเลวร้ายทั้งหลายหดหัวไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวทำร้ายสังคม สังคมที่มีแต่คนบ้าอย่างชายควายเขาตู้หรือดาบชาย

แต่ความเป็นจริงโลกของเราโดยส่วนมากล้วนแต่เต็มไปด้วยคนดีทั้งหมดเกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่เป็นคนดีในคราบของคนเลวอย่างที่สุด คนเลวอย่างหมดจดที่สุด

จะมีใครสดุดีความดีของคนบ้าอย่างดาบชาย

จะมีใครกล่าวถึงคำพูดของอดีตเดนคน อดีตคนที่เคยถูกปรามาสว่าเอาหมามาทำเมีย จะมีคนนึกถึงคำพูดแล้วพิจารณาอย่างถ้วนถี่ในคำพูดน้ำเสียงดังๆ ของเขา เพียงแต่เขาบอกว่าสิ่งที่คนทั้งหลายกระทำกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะ เขาก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าคนบอเสียแล้ว เพราะคนดีทั้งหลายไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำล้วนแต่เห็นความผิดเป็นความไม่ถูกต้อง และมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่บอกว่าสิ่งที่คนดีทำเป็นเรื่องผิด คนส่วนน้อยจึงกลายเป็นคนบ้าคนบอ

สังคมประชาธิปไตยได้ยึดถือเอาเสียงส่วนมากกลายเป็นความถูกต้อง แม้ว่าความถูกต้องนั้นจะมองเห็นอยู่อย่างเต็มตาว่าเป็นความผิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็ตาม

แต่เมื่อคนทั้งหลายนิยมกระทำตามกัน มันย่อมเป็นความผิดที่ถูกต้องอย่างปริยาย เพราะความผิดในคนทั้งหลายที่ยอมรับหรือกระทำตามกันย่อมไม่ใช่ความผิด ด้วยคนกระทำความผิดย่อมออกปกป้องพิทักษ์พวกพ้องคนทำผิดด้วยกันอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่มีใครมาพร้อมเพรียงยอมรับความถูกต้องที่เห็นแตกต่างจากคนอื่นเพียงคนสองคนหรอก

เพราะนั่นคือพวกบ้าที่กระทำความผิดในความถูกต้องเท่านั้น •

 

 

 

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

“อนุทิน” ย้ำ หากถูกยึด มท. พร้อมเป็นฝ่ายค้าน – ประกาศก้อง ศักดิ์ศรีภูมิใจไทย ไม่ยอมให้ใครปู้ยี้ปู้ยำ
ประเทศที่ (ยัง) ก่อสร้างไม่เสร็จ อ่านประเทศไทยผ่านงบฯ ปี’69 และช่องทางรับทรัพย์ของผู้รับเหมาก่อสร้าง
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ผลประโยชน์ของใครบ้าง?
ชิงเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ผู้สมัคร 7 ราย ดีกรีไม่ธรรมดา ตัวจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!!
เอกชนห่วง ‘เขย่า ครม.’ กลางคัน งานสะดุด-ฉุดเชื่อมั่นนักลงทุน
ชีวิตทางเลือก | ธงทอง จันทรางศุ
Songs in The Key of Life : ก่อนเวลาจะผ่านไป
จาก No Man’s Land สู่ This Land is My Land
เด็กที่ชินกับรสขม VS ผู้ใหญ่ที่สิ้นหวังกับการเปลี่ยนแปลง
ปฏิทินกับประชาธิปไตย : เมื่อเสียงข้างมากปะทะกับสิทธิ์ข้างน้อย
ประเมินสถานการณ์ ไทย-กัมพูชาจาก RLI
ดาวกับดวง อังคารที่ 17 มิถุนายน 2568