

ความหวังที่เคยหวังไว้ว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนปรนมาตรการ LTV (loan to value) ให้ผู้ซื้อบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป สามารถกู้ธนาคารพาณิชย์ได้ 100% โดยไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคาดังกล่าว เพราะเชื่อว่าผู้ซื้อกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อ
หรือคนกลุ่มกำลังซื้อนี้ ที่มีบ้านอยู่อาศัยอยู่แล้ว แต่เห็นโอกาสการลงทุนซื้อบ้านหรือห้องชุดระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เห็นโอกาส เห็นตลาดการให้เช่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่อยากควักกระเป๋าเอาเงินสดมาจ่ายดาวน์หลักล้าน แต่ถ้าไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์กู้ซื้อได้เลย ปล่อยเช่าได้เลย ก็น่าจะตัดสินใจซื้อได้ทันที
ยิ่งเมื่อ 28 เมษายน 2568 ธปท.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงอีก 0.25% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่างทยอยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้อีกแรงหนึ่ง
ผ่านไปครึ่งเดือน ปรากฏว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่ขยับเคลื่อนไหวตอบสนองมาตรการ LTV และการลดดอกเบี้ย ให้เห็นอะไรชัดเจน
มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์และค่าธรรมเนียมจำนองการซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทลงมา จากเดิม 2% และ 1% เหลือ 0.01% ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2568 เป็นต้นมา
ก็คาดหวังกันว่า จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น เหมือนช่วงนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ประกาศใช้มาตรการเดียวกันนี้ ปี 2567 ทำให้ยอดซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทลงมาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
แต่พบว่า การประกาศใช้มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมครั้งล่าสุด กลับยังไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของตลาดให้เห็นเช่นเดียวกัน
เป็นเพราะเหตุใด ยา 2 ขนานกระตุ้นการเงิน กับยากระตุ้นการคลัง ที่เคยใช้ได้ผลมาทุกครั้ง ครั้งนี้ตลาดกลับไม่หือไม่อือ ไม่ตอบสนอง
หรือยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผล
หรือกระแสข้อมูลข่าวสารที่ต่อเนื่องมาจาก “สงครามการค้า” ที่ทำให้มีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิเคราะห์ นักลงทุนต่างๆ ในทิศทางเดียวกัน บอกให้ “เก็บเงินสด” ไว้ก่อน รับมือกับวิกฤตระดับรอบร้อยปี เลยทำให้คนไม่กล้าใช้เงินสด
หรือกำลังซื้อในตลาดแห้งเหือดไปแล้ว เพราะประเทศไทยเผชิญรายได้ประชาชาติ (GDP) โตเตี้ยเรี่ยพื้นมากว่า 10 ปี ครั้นเมื่อเกิดสงครามการค้าโลก ประเทศไทยที่พึ่งรายได้จากการส่งออกเกือบ 70% ก็ถูกสถาบันระดับโลกอย่าง World Bank, IMF คาดว่า GDP ไทยจะต่ำเหลือ 1.6-1.8% ต่ำสุดในอาเซียน
กลไกที่จะรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้
อำนาจรัฐอำนาจการเมือง ใช้เวลาส่วนใหญ่กับเกม เอาแดงมากันส้ม เอาน้ำเงินมาสกัดแดง ไม่น่าจะมีกำลังพอที่จะจัดการปัญหาใหญ่ยักษ์ระดับโลกได้อย่างสมูท
ระบบราชการก็เฟะถึงรากแก้ว เสพสุขไปกับสีเทา ตึก สตง.ถล่มราบ คนเจ็บตายนับร้อย ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้
ไก่ในเข่งก็ขยันตีกันจัง
สงสัยธุรกิจอสังหาฯ ต้องทำตัวเป็นกบจำศีลไปสักระยะเสียแล้วล่ะมั้ง •
ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต


