
จับตาศึกสอบฮั้ว ส.ว.สุดระทึก ดีเอสไอรุก-มท.โต้กลับ ศาล รธน.ติดเบรก ‘ทวี สอดส่อง’ สั่งยุติคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ

บทความในประเทศ
จับตาศึกสอบฮั้ว ส.ว.สุดระทึก
ดีเอสไอรุก-มท.โต้กลับ
ศาล รธน.ติดเบรก ‘ทวี สอดส่อง’
สั่งยุติคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ต้องยอมรับว่ากระบวนการสอบคดีฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2567 เริ่มมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสข่าวที่หลุดออกมาเป็นระยะว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เตรียมลงดาบฟัน 60 ส.ว.ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. 2567
แม้ กกต.จะรีบออกมาชี้แจงทันควันว่าทุกอย่างยังอยู่ขั้นตอนระหว่างการสืบสวนไต่สวน ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนแรกของกระบวนการทำงานเท่านั้น เป็นไปตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2566
แต่ทว่า ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของ 2 หน่วยงาน คือ สำนักงาน กกต. และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งร่วมกันดำเนินการตรวจสอบคดีฮั้ว ส.ว. ได้กระจายกำลังกว่า 6 จุดพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นำหมายเรียกของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 สำนักงาน กกต. เพื่อเชิญตัว ส.ว. ดำเนินการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
โดยหนังสือดังกล่าวลงนามโดย ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 เรียกให้ ส.ว.ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77(1) และมาตรา 62 มารับทราบข้อกล่าวหา และมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐาน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ถ้อยคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาด้วย
ทั้งนี้ เบื้องต้น ส.ว.แต่ละรายนั้น ถูกจัดคิวให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงาน กกต. อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ถนนแจ้งวัฒนะ แต่หากไม่มาถือว่าสละสิทธิ์กระบวนการชี้แจงแสดงหลักฐานหรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่สามารถเลื่อนวันได้
แน่นอนว่า ขั้นตอนการออกหมายเรียก โดยบุกไปติดหมายตามบ้านพัก เชิญผู้สื่อข่าวไปทำข่าว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเล่นใหญ่เกินเบอร์ โอเวอร์ หรือทำเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา ฝ่ายสืบสวนของสำนักงาน กกต.จะใช้วิธีการส่งจดหมายแจ้งผู้ถูกร้องให้รับทราบ
เรื่องนี้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ชี้แจงว่า การปิดหมาย การส่งหมาย หรือการส่งหนังสือแจ้งนัดตามระเบียบ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. คณะที่ 26 จะใช้ดุลพินิจเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง อีกทั้ง กกต.ขอให้ดีเอสไอแต่งตั้งเจ้าพนักงานที่มีความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ได้มีใครมาบีบใคร
สำหรับรายชื่อ ส.ว.ล็อตแรกที่ได้รับแจ้งหนังสือ ส่วนใหญ่ล้วนเป็น ส.ว.คนดังจากแวดวงทางการเมือง อดีตนายทหาร ข้าราชการ นักธุรกิจ เป็นต้น อาทิ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา นายอลงกต วรกี นายโชคชัย กิตติธเนศวร นายจิระศักดิ์ ชูความดี นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพ็ชร์ และนายพิศูจน์ รัตนวงศ์ เป็นต้น
โดย ส.ว.ที่อยู่ในลิสต์รายชื่อถูกออกหมายเรียก ส่วนใหญ่นั้นแสดงท่าทีพร้อมเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงข้อเท็จจริงตามหมายเรียก เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองโดยไม่มีความกังวลใดๆ เพราะต่างมั่นใจว่าไม่ผิด
อย่างไรก็ดี มีรายงานด้วยว่า รายชื่อ ส.ว.ล็อตที่ 2 จะถูกออกหมายเรียกตามมา อีก 97 ราย โดยกลุ่มนี้มีพยานหลักฐานชัดเจนมากกว่ากลุ่มแรก โดยเฉพาะเรื่องกระแสเงินที่มีการจ่ายให้หัวละ 5,000- 20,000 บาท รวมมีเงินหมุนเวียนประมาณ 500 ล้านบาท นอกจากนี้ เชื่อมโยงถึงผู้บงการด้วย
การปรากฏรายชื่อของประธานและรองประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นระดับประมุขสภาสูง ถูกตรวจสอบคดีฮั้วด้วยนั้น จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของวุฒิสภา ทำให้ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส แกนนำ ส.ว.พันธุ์ใหม่ออกมาเรียกร้องว่า ผู้ที่ถูกหมายเรียก แม้ว่าจะไม่ได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ควรจะแสดงสปิริตหรือมารยาททางการเมืองด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง เพราะการทำหน้าที่ของผู้ที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติมีความสำคัญมาก เป็นผู้ควบคุมการลงมติและการประชุม
ฟากกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท 0307.1/25786 ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ แต่ให้มีหนังสือและเอกสารหลักฐานยืนยันการเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจและหน้าที่สืบสวน
ขณะที่นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ที่มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ สอบถามข้อมูลอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. จำนวน 2 ราย ซึ่งไม่ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ เพื่อประโยชน์ต่อการคุ้มครองประชาชน จึงมีแนวปฏิบัติหน้าที่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนยึดแนวปฏิบัติ และการรับคำร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
“นอกจากนี้ ยังให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หากนายอำเภอผู้รับแจ้งเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัย ว่าจะมีการทรมาน การกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย นายอำเภอหรือพนักงานฝ่ายปกครอง ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา เพื่อให้มีคำสั่งยุติการกระทำเช่นนั้นทันที ตามมาตรา 22 และมาตรา 26 เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ สำหรับแนวทางดังกล่าว ยังได้สั่งการไปให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศยึดแนวทางนี้อีกด้วย” เอกสารระบุ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ ยิ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเกิดคำถามตามว่ากระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงยุติธรรม กำลังเปิดศึกทำสงครามตัวแทนกันหรือไม่?
โดยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า “เราทำตามหน้าที่ ซึ่งทุกคนเป็นพี่น้องกัน เมื่อทำตามหน้าที่ เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนทุกคน และไม่มีอะไรที่จะไม่ร่วมมือกันอยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประจำสัปดาห์ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม มีประเด็นร้อนเกิดขึ้น เมื่อศาลสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ และรองประธานกรรมการคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ซึ่งย่อมมีผลสะเทือนต่อการเดินหน้าคดีฮั้ว ส.ว.อย่างแน่นอน
และท้ายที่สุดต้องรอดูว่า สัปดาห์หน้า กลุ่ม ส.ว.ล็อตแรกที่มีชื่อนั้น จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกกันครบทุกคนหรือไม่ และจะมีชื่อ ส.ว.ล็อต 2 ออกมาเพิ่มอีกกี่คน
คงต้องรอดูกัน ใครจะรุกใครจะรับ ชวนระทึกใจอย่างยิ่ง!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022