เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

เมษา พฤษภา 2553 จังหวะ ก้าว 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ ประสาน อภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์

28.05.2025

ยุทธการ แดงเดือด

 

เมษา พฤษภา 2553

จังหวะ ก้าว 3 ป. บูรพาพยัคฆ์

ประสาน อภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์

 

“มติชน” บันทึกประเทศไทย ปี 2553 ระบุว่า ภายหลังการเจรจาระหว่าง “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” หรือกลุ่มเสื้อแดง กับรัฐบาลเมื่อวันที่ 28-29 มีนาคม ล่ม

ทาง นปช.จึงประกาศระดมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 3 เมษายน

โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือถึงสมาชิกในเครือข่าย “Thaksinlive” และวิดีโอลิงก์มายังที่ชุมนุมเรียกร้องให้มวลชนคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมกันมากๆ

วันที่ 2 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเลื่อนกำหนดการไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศเวียดนามระหว่างวันที่ 7-9 เมษายน

จากเดิมมีกำหนดออกเดินทางในวันที่ 7 เมษายน เป็นเดินทางในวันที่ 8 เมษายนแทน

เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องการอยู่ร่วมประชุม ครม.ในวันที่ 7 เมษายน ที่จะมีการพิจารณาต่ออายุการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

วันเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงแบ่งกำลังไปยื่นจดหมายที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาถึง นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ

ยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเป็นไปโดยสันติวิธี

ขณะที่ที่สวนลุมพินี กลุ่มประชาชนผู้รักความสงบสันติซึ่งสวมเสื้อสีชมพู นำโดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ทำพิธีกล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ว่าจะปกป้องชาติและปลุกพลังเงียบขึ้นมาร่วมต่อสู้

ยืนยันเป็นกลุ่มผู้รักความสงบภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และเพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ให้ถูกดูหมิ่น

นอกจากนี้ กลุ่มเสื้อสีชมพูยังได้ร่วมกันลงชื่อคัดค้าน “การยุบสภา”

ในช่วงที่ทำกิจกรรม ปรากฏว่า มีคนเสื้อแดงขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในบริเวณที่ชุมนุมจึงเกิดการชุลมุนกันเล็กน้อย

 

วันที่ 3 เมษายน กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนเป็น 2 ทัพ ทัพแรก เดินเท้าไปตั้งเวทีใหญ่อีกแห่งที่กลางบริเวณแยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน

ทัพที่ 2 เคลื่อนโดยรถยนต์ไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อชุมนุมหน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และหน้าสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT ช่อง 11

ค่ำวันเดียวกัน ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกประกาศฉบับที่ 5 ห้ามบุคคลเข้าหรือให้ออกจากพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์

แต่ไม่เป็นผล

วันที่ 4 เมษายน ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร สถานที่ที่กำหนด 11 เส้นทาง

เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนตัวไปที่สีลม แต่กลุ่มคนเสื้อแดงปักหลักราชประสงค์ควบคู่ไปกับเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ

พร้อมขู่หากมีการสลายการชุมนุมให้คนเสื้อแดงฮือบุกศาลากลางจังหวัด

 

เมื่อติดตามภาพข่าว-ชีวิตและการต่อสู้ของ “คนเสื้อแดง” นับแต่เดินจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ บนถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าไปแยกราชประสงค์ ตัดสินใจยึดพื้นที่ปักหลักชุมนุมนับแต่เย็นวันที่ 3 เมษายน 2553

เช้าวันที่ 4 เมษายน บรรยากาศที่ราชประสงค์ คนเสื้อแดงเริ่มทยอยไปชุมนุมมากขึ้น

เห็นภาพ “แกนนำ” ในอิริยาบถผ่อนคลาย พูดคุยกับผู้ชุมนุมหลังเวที

ไม่ว่าจะเป็นภาพการแย้มยิ้มของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั่งเรียงอยู่เคียงข้างกัน

ทอม ดันดี ก็ขึ้นปราศรัยตามด้วยการร้องเพลง

อีกส่วนหนึ่งก็เห็นภาพคนเสื้อแดงพักผ่อนบนรถกระบะโดยสารที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์

ในแต่ละคืน ด้านหนึ่ง คนเสื้อแดงที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วนใหญ่จะเดินทางกลับเพื่อพักผ่อนและทำงานในวันรุ่งขึ้น ด้านหนึ่ง คนเสื้อแดงที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดต้องหาที่หลับนอนในที่ชุมนุม

ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวแห่งเดือนเมษายน

ภาพชีวิตหลากหลายของ “คนเสื้อแดง” เริ่มปรากฏเป็นภาพคนที่อยู่ติดขอบรั้วเวทีลุกขึ้นยืนโดยใช้ไม้เท้าค้ำยัน แสดงความสะใจอย่างสุดขีดเมื่อผู้ปราศรัยพูดในสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกคับแค้นของตนเอง

บรรยากาศโดยรอบพื้นที่แยกราชประสงค์ในยามค่ำคืน บริเวณแยกประตูน้ำได้กลายเป็น “ถนนคนเดิน” มีสินค้าต่างๆ วางขายบนพื้นถนนให้ผู้ชุมนุมและผู้มาเยือน เลือกซื้อ

การ์ด นปช.ในชุดสีดำเดินเรียงแถวบนทางเท้าตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์เพื่อสับเปลี่ยนทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย

แล้วการเตรียมรับมือของ “กองทัพ” และของ “รัฐบาล” เป็นอย่างไร

 

หากอ่านประวัติศาสตร์สีเลือดเชือด “แดง” ปฏิบัติการกระชับอำนาจด้วย “กระสุนจริง” ของ วาสนา นาน่วม “ลับ ลวง เลือด”

ก็จะมองเห็น “ภาพ” ของกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

นั่นคือ ภาพการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีทั้งการวางลวดหนาม สิ่งกีดขวางพร้อมระเบิดควัน รถสายพานลำเลียงพลและอุปกรณ์ปราบจลาจลทุกระดับ จากเบาไปหาหนัก

ตั้งแต่เครื่องกระจายเสียงพลังสูง เครื่องรบกวนสัญญาณเสียง

รถฉีดน้ำ โล่ กระบองและกองร้อยโรโบคอป จาก พัน ร.มทบ.11 หรือแม้แต่แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทยและกระสุนยาง พร้อม

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำทัพสู้ตัวจริง

ในฐานะที่จะรับไม้เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” (ผบ.ทบ.) ต่อ ในขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แอบอยู่หลัง ได้แต่นับวันรอเกษียณแบบไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัว

งานนี้มี พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก อยู่โยงประจำ

ขณะเดียวกัน ยังมี พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยประดับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา 2 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ประธานที่ปรึกษากองทัพบก เฝ้าเกาะติดอยู่ด้วยกันตลอดวันตลอดคืน

เมื่อระดับ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ล้วนถือเอากรมทหารราบที่ 11 เป็นเหมือนบ้านรับรอง กองทัพบกในฐานะเจ้าบ้าน ก็เตรียมการต้อนรับทั้งห้องทำงาน ห้องประชุมและบ้านพักรับรอง

ที่ดูละเอียดอ่อนและใส่ใจก็คือ การที่ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก ได้สรรหานายทหารฝ่ายเสนาธิการที่เก่งๆ ฝีมือดีทั้งจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก กรมยุทธการทหารบก

เป็นพิเศษสำหรับตัว “นายกรัฐมนตรี” ได้คัดนายทหารที่จบจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบกที่จบจากอังกฤษ จบปริญญาโททางด้านการทหาร ความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้ายจากอังกฤษเป็น “ลอนดอน ดรีมทีม”

นำทีมโดย พ.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว อดีตอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก

 

การเตรียมรับมือกับการเคลื่อนขบวนของ “คนเสื้อแดง” ไม่ว่าบนถนนราชดำเนิน ไม่ว่าที่แยกราชประสงค์ จึงพร้อมมูล

ไม่ว่า “บุ๋น” ไม่ว่า “บู๊”

ไม่ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ล้วนพร้อมทำงานร่วมกับ “พี่น้อง 3 ป.” จาก “บูรพาพยัคฆ์”



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

หวยออกที่อิ๊งค์
ช็อก! ทรัมป์เล่นแรงเก็บภาษีไทย 36% ชี้ผลเสียหายมากกว่าตัวเลข “ส่งออก” “พิชัย” แบกภารกิจชาติ “สู้ต่อ-สู้ไม่ถอย”
‘เศรษฐกิจไทย’ ตกหลุมอากาศ เจอ Perfect Storm 3 ลูกซัด การเมือง-ภาษีทรัมป์-ท่องเที่ยวทรุด
พรรคน้ำเงินกับพลังตัวซีเคร็ต
จริงหรือที่ว่าเด็กรุ่นใหม่
การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกญี่ปุ่น (参院選挙) ปี 2025
‘ไม่มีประชาธิปไตยในความรัก’ : รำลึกถึงกูกิ วา ทิอองโก (Ngũgĩ wa Thiong’o)
ผมจะทำอะไรกับประกันสังคม หากมีอำนาจเป็นรัฐบาลสักสามเดือน
MatiTalk ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เคยสิ้นหวัง ไม่ต้องห่วงเพื่อไทยจะพัง อำนาจรัฐที่มาจากประชาชนต้องมาก่อน
เปิดประตูสู่ซีอานกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ดาวกับดวงวันอังคารที่ 15 กรกฎาคม 2568
‘ฮุน มาเนต’ เล็งเดินหน้าใช้กฎหมาย ‘บังคับเกณฑ์ทหาร’ เริ่มปี 2026 ชี้เพื่อเสริมสร้างกำลังทหารของประเทศ เพิ่มระยะเวลาการฝึกภาคบังคับ เป็น 24 เดือน